พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,662 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3161/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม-ภารจำยอม: ศาลฎีกาวินิจฉัยแผนที่ประกอบคำฟ้องชัดเจนเพียงพอ ไม่เคลือบคลุม และสิทธิภารจำยอมเกิดจากอายุความ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยเปิดทางเดินซึ่ง ผ่านที่ดินจำเลยเนื่องจากทางพิพาทเป็นทางจำเป็นและทางภารจำยอม โดย บรรยายถึง ความเป็นมาและสภาพของที่ดินโจทก์จำเลยว่ามีอาณาเขตติดต่อ กันและติดต่อ กับที่ดินแปลงอื่นอย่างไร มีทางใช้ เข้าออกที่ดินของโจทก์ที่ใด บ้าง และกล่าวถึง เหตุผลที่ทางพิพาทตก เป็นภารจำยอมและทางจำเป็นอย่างไร กับแนบแผนที่สังเขปมาท้ายฟ้อง ซึ่ง แผนที่ดังกล่าวได้ระบายสีพร้อมทั้งมีบันทึกและเครื่องหมายบอกรายละเอียดเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินโจทก์จำเลยกับทางพิพาท และเครื่องหมายแสดงทิศไว้ด้วยซึ่ง เมื่อดู ประกอบกันแล้ว สามารถเข้าใจได้ แจ้งชัดซึ่ง สภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา โดยเฉพาะ จำเลยซึ่ง มีที่ดินอยู่ติด กับที่ดินของโจทก์ จะต้อง เข้าใจได้ เป็นอย่างดีฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม โจทก์เดิน ผ่านทางพิพาทเกินกว่า 10 ปี ด้วย ความสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาที่จะใช้ เป็นทางเข้าออกที่ดินของโจทก์ตลอด มา โจทก์จึงได้สิทธิภารจำยอมในทางพิพาท โดย อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ประกอบด้วย มาตรา 1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3161/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องภารจำยอมและทางจำเป็น: ฟ้องไม่เคลือบคลุมเมื่อมีแผนที่ประกอบชัดเจน และอายุความภารจำยอม
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยเปิดทางเดินซึ่งผ่านที่ดินจำเลยเนื่องจากทางพิพาทเป็นทางจำเป็นและทางภารจำยอม โดยบรรยายถึงความเป็นมาและสภาพของที่ดินโจทก์จำเลยว่ามีอาณาเขตติดต่อกันและติดต่อกับที่ดินแปลงอื่นอย่างไร มีทางใช้เข้าออกที่ดินของโจทก์ที่ใดบ้าง และกล่าวถึงเหตุผลที่ทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมและทางจำเป็นอย่างไร กับแนบแผนที่สังเขปมาท้ายฟ้อง ซึ่งแผนที่ดังกล่าวได้ระบายสีพร้อมทั้งมีบันทึกและเครื่องหมายบอกรายละเอียดเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินโจทก์จำเลยกับทางพิพาท และเครื่องหมายแสดงทิศไว้ด้วย ซึ่งเมื่อดูประกอบกันแล้ว สามารถเข้าใจได้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา โดยเฉพาะจำเลยซึ่งมีที่ดินอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ จะต้องเข้าใจได้เป็นอย่างดีฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์เดินผ่านทางพิพาทเกินกว่า 10 ปี ด้วยความสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาที่จะใช้เป็นทางเข้าออกที่ดินของโจทก์ตลอด มา โจทก์จึงได้สิทธิภารจำยอมในทางพิพาท โดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ประกอบด้วยมาตรา 1382
โจทก์เดินผ่านทางพิพาทเกินกว่า 10 ปี ด้วยความสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาที่จะใช้เป็นทางเข้าออกที่ดินของโจทก์ตลอด มา โจทก์จึงได้สิทธิภารจำยอมในทางพิพาท โดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ประกอบด้วยมาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2983/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ในที่ดินมรดก: ต้องเป็นการครอบครองเพื่อตนเอง และระยะเวลา 10 ปีนับจากวันที่ครอบครอง
ที่ดินมรดกซึ่งมีผู้จัดการมรดกตามคำสั่งของศาลนั้น เมื่อยังรับฟังไม่ได้ว่าได้มีการแบ่งแยกกันครอบครองเป็นสัดส่วน ต้องฟังว่าที่ดินมรดกยังอยู่ในระหว่างจัดการมรดกและถือว่าบรรดาทายาทที่ครอบครองที่ดินแปลงนี้อยู่ซึ่งรวมทั้งผู้ร้องที่ 1 เป็นการครอบครองแทนทายาทอื่นด้วย หาใช่ครอบครองเพื่อตนเองไม่ ดังนั้น ผู้ร้องที่ 1จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินมรดกโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ร้องที่ 2 ได้ซื้อที่ดินมรดกซึ่งรวมทั้งที่ดินพิพาทจากผู้ร้องที่ 1 โดยทำสัญญาซื้อขายกันเอง และผู้ร้องที่ 2 ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา แต่นับถึงวันยื่นคำร้องคดีนี้ยังไม่ถึง 10ปี ดังนี้ ผู้ร้องที่ 2 ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์หลังสละสิทธิครอบครองและการเข้าครอบครองโดยสงบและเปิดเผย
ผู้คัดค้านได้ทำหนังสือสัญญายกที่ดินมีโฉนดพร้อมทาวน์เฮาส์พิพาท ซึ่งผู้คัดค้านได้จำนองไว้กับธนาคารให้ผู้ร้อง โดยระบุว่าเมื่อผู้ร้องผ่อนชำระหนี้จำนองต่อธนาคารครบ 120 เดือนแล้วผู้คัดค้านจะโอนโฉนดให้แก่ผู้ร้องทันที เมื่อผู้ร้องได้รับสัญญาให้พร้อมกุญแจเข้าบ้านแล้ว วันรุ่งขึ้นผู้ร้องและครอบครัวได้เข้าไปทำความสะอาดและซ่อมแซมทาวน์เฮาส์ พิพาท ต่อมาผู้ร้องได้เข้าไปอยู่เองบ้างให้ผู้อื่นเช่าบ้างตลอดมา โดยผู้คัดค้านมิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนี้แสดงว่าผู้คัดค้านสละสิทธิครอบครองที่ดินและทาวน์เฮาส์ พิพาทให้ผู้ร้องโดยเด็ดขาดแล้วตั้งแต่วันทำสัญญาให้ แม้ปรากฏว่าหลังจากนั้นผู้คัดค้านได้มีหนังสือยอมให้ผู้ร้องเข้าอยู่อาศัยในทาวน์เฮาส์ ไปถึงนายทะเบียนเขตบางเขนก็ไม่เกี่ยวกับสิทธิครอบครองของผู้ร้องที่มีอยู่แล้ว เพราะเมื่อผู้คัดค้านสละสิทธิครอบครองให้ผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องยังไม่มีหลักฐานการเป็นเจ้าของที่ดินและทาวน์เฮาส์ จึงจำเป็นต้องมีหนังสือยินยอมเพื่อย้ายทะเบียนบ้านเข้าไปอยู่เท่านั้น เมื่อผู้ร้องได้เข้าครอบครองที่ดินและทาวน์เฮาส์ พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลาเกิน 10 ปี ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาครอบครองที่ดินสำคัญกว่าระยะเวลา การครอบครองโดยไม่เจตนาเป็นเจ้าของ แม้เกิน 10 ปี ก็ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
ในคดีพิพาทเรื่องที่ดิน เมื่อผู้ร้องและผู้คัดค้านตกลงกันว่าหากเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแล้ว ปรากฏว่าฝ่ายใดรุกล้ำก็ให้คืนที่ดินพิพาทให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง เช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีเจตนาจะครอบครองที่ดินอย่างเป็นเจ้าของเฉพาะที่เป็นส่วนของผู้ร้องเท่านั้น หากเป็นของบุคคลอื่นผู้ร้องก็ไม่มีเจตนาจะครอบครองและยึดถือเป็นของตน ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและเปิดเผยเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้วผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาครอบครองที่ดินสำคัญกว่าระยะเวลา หากไม่มีเจตนาเป็นเจ้าของ แม้ครอบครองนานก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
ในคดีพิพาทเรื่องที่ดิน เมื่อผู้ร้องและผู้คัดค้านตกลงกันว่าหากเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแล้ว ปรากฏว่าฝ่ายใดรุกล้ำก็ให้คืนที่ดินพิพาทให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีเจตนาจะครอบครองที่ดินอย่างเป็นเจ้าของเฉพาะที่เป็นส่วนของผู้ร้องเท่านั้น หากเป็นของบุคคลอื่นผู้ร้องก็ไม่มีเจตนาจะครอบครองและยึดถือเป็นของตน ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและเปิดเผยเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาครอบครองที่ดินสำคัญกว่าระยะเวลา การครอบครองปรปักษ์ต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของ
ที่ดินของผู้ร้องและผู้คัดค้านอยู่ติดกัน ที่พิพาทมีเนื้อที่9.6 ตารางเมตร อยู่ในเขตที่ดินของผู้คัดค้าน ในวันที่เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดที่พิพาท ผู้ร้องกับผู้คัดค้านได้ตกลงกันว่าในขณะนั้นยังไม่ทราบว่าฝ่ายใดรุกล้ำของฝ่ายใด หากเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแล้ว ปรากฏว่าฝ่ายใดรุกล้ำก็ให้คืนให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง แสดงว่าผู้ร้องมีเจตนาจะครอบครองที่ดินเฉพาะที่เป็นของผู้ร้องจริง ๆเท่านั้น หากเป็นของบุคคลอื่นผู้ร้องก็ไม่มีเจตนาที่จะครอบครองและยึดถือเป็นของผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องไม่มีเจตนาที่จะครอบครองและยึดถือที่ดินของผู้คัดค้านเป็นของผู้ร้อง แม้ผู้ร้องจะครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาครอบครองที่ดินสำคัญกว่าระยะเวลา หากปราศจากเจตนาเป็นเจ้าของ แม้ครอบครองนานก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
ในคดีพิพาทเรื่องที่ดิน เมื่อผู้ร้องและผู้คัดค้านตกลง กันว่าหากเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแล้ว ปรากฏว่าฝ่ายใดรุกล้ำก็ให้คืนที่ดินพิพาทให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีเจตนาจะครอบครองที่ดินอย่างเป็นเจ้าของเฉพาะที่เป็นส่วนของผู้ร้องเท่านั้น หากเป็นของบุคคลอื่นผู้ร้องก็ไม่มีเจตนาจะครอบครองและยึดถือเป็นของตน ดัง นั้น แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินพิพาทโดย ความสงบและเปิดเผยเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้วผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2164/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเจตนาครอบครองปรปักษ์และการยอมรับสิทธิเจ้าของเดิม ทำให้ไม่สามารถอ้างสิทธิครอบครองปรปักษ์ได้อีก
ระหว่างที่ผู้ร้องครอบครองปรปักษ์ที่พิพาท ผู้คัดค้านได้ ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ในที่สุดผู้ร้องยอมให้ผู้คัดค้านเข้าทำนาในที่พิพาทต่อไป ซึ่ง แสดงว่าผู้ร้องตัดสินใจไม่เข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท พฤติการณ์ของผู้ร้องแสดงว่าได้ สละเจตนาครอบครองโดย ปรปักษ์และยอมรับสิทธิของผู้คัดค้านซึ่ง มีชื่อ ในโฉนดที่ดินพิพาทแล้ว ผู้ร้องจะมาอ้างสิทธิครอบครองโดย ปรปักษ์อีกหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2121/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ทางเดินโดยวิสาสะไม่ก่อให้เกิดภารจำยอม แม้ใช้ต่อเนื่องเกิน 10 ปี
โจทก์เดิน ผ่านที่ดินของจำเลยโดย ถือ วิสาสะ แม้จะใช้ มาเกินกว่า10 ปี ก็หาก่อให้เกิดภารจำยอมเหนือที่ดินจำเลยไม่ คดีมีการนัดชี้สองสถานและได้ นัดสืบพยาน โจทก์จำเลยรวม ทั้งสิ้น15 นัด เป็นเวลา 1 ปีเศษ ทนายความจึงต้อง ว่าความนานพอสมควร และเป็นคดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงถือ เป็นคดีสำคัญ ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท จึงเหมาะสมกับรูปคดี.