คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1382

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,662 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2422/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์ vs. สิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้มาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
โจทก์ได้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ก่อนที่ ก. จะขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย แต่เมื่อโจทก์ได้ที่ดินพิพาทมาโดย ทางอื่นนอกจากนิติกรรม และยังมิได้จดทะเบียนการได้ มาต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้ สิทธิมาโดย เสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง ก่อนซื้อ ที่ดินพิพาท จำเลยไปดู ที่ดินพบบิดาโจทก์อยู่ในที่ดินพิพาท บิดาโจทก์บอกจำเลยว่าเช่า ที่ดินพิพาทจาก ก. หากจำเลยซื้อ ที่ดินพิพาทจะขอเช่า อยู่ต่อไป พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้แล้ว ในขณะซื้อ ที่ดินพิพาทว่าโจทก์ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทอยู่และรับโอนที่ดินโดย ไม่สุจริต โจทก์จึงยกการได้ที่ดินพิพาทมาโดย การครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้ จำเลย ซึ่ง เป็นบุคคลภายนอกผู้ได้ สิทธิมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่ง เป็นของจำเลยยังไม่ถึงสิบปี จึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2422/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการคุ้มครองบุคคลภายนอกผู้สุจริต ผู้ซื้อที่ดินจากผู้อื่นโดยไม่ทราบว่ามีการครอบครองปรปักษ์
โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ก่อนที่ ก. จะขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยแต่เมื่อโจทก์ได้ที่ดินพิพาทมาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมและยังมิได้จดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง.
ก่อนซื้อที่ดินพิพาท จำเลยไปดูที่ดินพบบิดาโจทก์อยู่ในที่ดินพิพาท บิดาโจทก์บอกจำเลยว่าเช่าที่ดินพิพาทจาก ก. หากจำเลยซื้อที่ดินพิพาทจะขอเช่าอยู่ต่อไปพฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้แล้วในขณะซื้อที่ดินพิพาทว่าโจทก์ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทอยู่และรับโอนที่ดินโดยไม่สุจริต โจทก์จึงยกการได้ที่ดินพิพาทมาโดยการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้จำเลย ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ เมื่อโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของจำเลยยังไม่ถึงสิบปี จึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสนอสิทธิทางภาระจำยอมในคดีครอบครองปรปักษ์ ศาลไม่รับพิจารณาเนื่องจากเป็นคนละเรื่องกัน
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้อื่นโดยการครอบครอง ผู้คัดค้านมิได้คัดค้านเรื่องดังกล่าว แต่ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านได้สิทธิทางภาระจำยอมในที่ดินดังกล่าว จึงเป็นการตั้งสิทธิของตนขึ้นมาใหม่เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน จะเสนอมาในคดีเดียวกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องครอบครองปรปักษ์และการตั้งสิทธิภารจำยอมในคดีเดียวกัน ศาลไม่รับพิจารณา
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้อื่นโดยการครอบครอง ผู้คัดค้านมิได้คัดค้านเรื่องดังกล่าว แต่ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านได้สิทธิทางภารจำยอมในที่ดินดังกล่าว จึงเป็นการตั้งสิทธิของตนขึ้นมาใหม่เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน จะเสนอมาในคดีเดียวกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองในฐานะเจ้าของ หากยังเป็นเพียงผู้จะซื้อ แม้ครอบครองเกิน 10 ปี ก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
ในการทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาท ผู้ร้องกับผู้ขายตกลงกันไว้ว่าให้ผู้ร้องชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือภายใน 1 ปี แล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์กัน เมื่อผู้ร้องไม่ได้ชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือ แม้ผู้ขายจะมอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าผู้ขายมีเจตนาสละการครอบครองที่พิพาทให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงผู้จะซื้อ การที่ผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของผู้ขายตามสัญญาจะซื้อขายเป็นการยึดถือแทนผู้ขาย มิใช่ยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของ ผู้ร้องครอบครองที่พิพาทเกินกว่า 10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขาย: การครอบครองที่ดินของผู้จะซื้อยังไม่ถือเป็นการได้กรรมสิทธิ์ แม้ครอบครองเกิน 10 ปี
ในการทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาท ผู้ร้องกับผู้ขายตกลงกันไว้ว่าให้ผู้ร้องชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือภายใน 1 ปี แล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์กัน เมื่อผู้ร้องไม่ได้ชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือ แม้ผู้ขายจะมอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองแล้วก็ถือไม่ได้ว่าผู้ขายมีเจตนาสละการครอบครองที่พิพาทให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงผู้จะซื้อ การที่ผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของผู้ขายตามสัญญาจะซื้อขายเป็นการยึดถือแทนผู้ขายมิใช่ยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของ ผู้ร้องครอบครองที่พิพาทเกินกว่า10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ และต้องไม่เป็นการครอบครองแทนเจ้าของเดิม
ผู้ร้องกับ พ. ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทโดยตกลงกันว่าผู้ร้องจะชำระเงินส่วนที่เหลือภายใน 10 ปีแล้วจึงจะไปโอนที่พิพาทกัน เมื่อผู้ร้องไม่ได้ชำระเงินค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือให้แก่ พ.แม้พ. จะได้มอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองแล้วก็ถือไม่ได้ว่า พ. มีเจตนาสละการครอบครองที่พิพาท ดังนี้ ผู้ร้องครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของ พ. แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่พิพาทเกินกว่า 10 ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองในฐานะเจ้าของ ผู้ครอบครองแทนเจ้าของเดิมไม่ได้กรรมสิทธิ์
ในการทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาท ผู้ร้องกับผู้ขายตกลงกันไว้ว่าให้ผู้ร้องชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือภายใน 1 ปี แล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์กัน เมื่อผู้ร้องไม่ได้ชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือ แม้ผู้ขายจะมอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองแล้วก็ถือไม่ได้ว่าผู้ขายมีเจตนาสละการครอบครองที่พิพาทให้ ผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงผู้จะซื้อ การที่ผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของผู้ขายตามสัญญาจะซื้อขายเป็นการยึดถือแทนผู้ขาย มิใช่ยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของ ผู้ร้องครอบครองที่พิพาทเกินกว่า 10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์และการพิพากษาทางภาระจำยอมโดยอายุความ
ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 12 เมษายน 2527 โจทก์ลงชื่อทราบคำสั่งแล้ว ครั้นถึงวันนัดโจทก์ไม่มาศาล ศาลสั่งให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 24 เมษายน 2527 โดยให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้โจทก์ทราบหน้าศาล ดังนี้ เมื่อกำหนดเวลามิได้ล่วงพ้นไปสิบห้าวันนับแต่วันปิดประกาศตามที่ระบุไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 การอ่านคำพิพากษาในวันที่ 24 เมษายน 2527 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายจะถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาแล้วไม่ได้
โจทก์ยื่นคำแถลงขอคัดคำพิพากษาวันที่ 15 มิถุนายน 2527 และไม่ปรากฏว่าโจทก์ทราบว่าได้มีการอ่านคำพิพากษาก่อนวันดังกล่าว จึงต้องถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาในวันที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอคัดคำพิพากษา ดังนี้ การที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันนั้นจึงชอบแล้ว
ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่ดินโจทก์ใช้ทางพิพาทเข้าออกถนนสาธารณะผ่านที่ดินของจำเลยโดยพลการ โดยมิได้ขออนุญาตหรือได้รับอนุญาตจากจำเลย จึงเป็นการใช้เพื่อตน เมื่อได้ใช้ทางพิพาทมาเกิน 10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงเป็นทางภาระจำยอมโดยอายุความ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนแบบเครื่องหมายการค้าจนเกิดความสับสน และการละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา
เครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้ง 3 แบบ ปรากฎอยู่ที่กระป๋องบรรจุขนมปังกรอบกับที่กล่องบรรจุขนมปังกรอบของโจทก์ เมื่อนำกล่องบรรจุขนมปังกรอบของจำเลยมาเปรียบเทียบกับกล่องบรรจุขนมปังกรอบของโจทก์กับนำกระป๋องบรรจุขนมปังกรอบของจำเลยมาเปรียบเทียบกับกระป๋องบรรจุขนมปังกรอบของโจทก์ จะเห็นได้ว่ากล่องและกระป๋องดังกล่าวของจำเลยมีขนาดเท่ากับกล่องและกระป๋องดังกล่าวของโจทก์ทั้ง 6 ด้าน รูปร่างลักษณะของกล่องและกระป๋องตลอดจนฝาก็เหมือนกัน สีและภาพต่าง ๆ ในตำแหน่ง เดียวกันก็เหมือนกัน ขนาดของภาพและตัวอักษรที่อยู่ในตำแหน่ง เดียวกันก็เท่ากันนอกจากนี้ยังมีตัวอักษรที่เหมือนกันคือคำว่า"CREAMCRACKERS" และคำว่า "EXTRALIGHT" ด้วย ส่วนตัวอักษรที่ต่างกันก็คือ ของโจทก์ใช้ คำว่า "JACOB&COS" ส่วนของจำเลยใช้คำว่า "CHITCHATCO.,LTD." ของโจทก์ใช้ คำว่า "JACOB'S"ของจำเลยใช้ คำว่า "DRAGONBRAND" สำหรับผู้ที่อ่านอักษรโรมันไม่ได้ หากได้ เห็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยในขณะเดียวกันก็ไม่อาจกล่าวได้ว่ามีอะไรแตกต่างกันบ้าง แม้ผู้ที่อ่านอักษรโรมันได้ หากไม่พิจารณาให้รอบคอบหรือได้เห็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยต่าง เวลากันก็น่าจะไม่สามารถสังเกตเห็นข้อแตกต่างของเครื่องหมายการค้าได้ เลยเครื่องหมายการค้าที่ปรากฏที่กล่องขนมปังกรอบและกระป๋องขนมปังกรอบของจำเลยจึงมีลักษณะคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์จนถึงนับได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชนให้สับสนหลงผิดว่าสินค้าของจำเลยคือสินค้าของโจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เครื่องหมายการค้าของโจทก์เริ่มมีการจดทะเบียนในประเทศไทยไว้ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2474 ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่จำเลยจะเริ่มดำเนินกิจการ จึงเห็นได้ว่าการที่จำเลยผลิตสินค้าโดย ใช้ เครื่องหมายการค้าเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ดังกล่าวเป็นการลวงขายสินค้าของจำเลยว่าเป็นสินค้าของโจทก์ย่อมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยใช้ เครื่องหมายการค้าดังกล่าว และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ เครื่องหมายการค้าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาอย่างหนึ่งมิใช่อสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่สามารถได้ กรรมสิทธิ์มาโดย การครอบครองปรปักษ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382.
of 167