คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1382

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,662 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินมรดก: การเพิกถอนโฉนดที่ดินส่วนที่ทับซ้อน และการคุ้มครองสิทธิผู้ครอบครอง
โจทก์และจำเลยต่างครอบครองที่ดินมรดกเป็นส่วนสัด ที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองจึงเป็นของโจทก์ การที่โจทก์มิได้นำสำรวจที่ดินหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ ไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิครอบครอง และการที่โจทก์มิได้คัดค้านกรณีที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือขอออกโฉนดที่ดิน มิได้หมายความว่าโจทก์ยอมรับโดยปริยายว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ที่จำเลยขอออกโฉนดที่ดินของจำเลยแล้วรังวัดรวมที่ดินพิพาทของโจทก์เข้าไปด้วย เป็นการไม่ชอบ แม้โจทก์จะฟ้องขอให้แบ่งแยกที่พิพาท ศาลก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนโฉนดที่ดินส่วนที่ทับที่ดินพิพาทและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับ ที่ดินพิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินมรดก: การเพิกถอนโฉนดที่ดินทับซ้อนและการคุ้มครองสิทธิผู้ครอบครอง
โจทก์และจำเลยต่างครอบครองที่ดินมรดกเป็นส่วนสัด ที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองจึงเป็นของโจทก์ การที่โจทก์มิได้นำสำรวจที่ดินหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ ไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิครอบครอง และการที่โจทก์มิได้คัดค้านกรณีที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือขอออกโฉนดที่ดินมิได้หมายความว่าโจทก์ยอมรับโดยปริยายว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ที่จำเลยขอออกโฉนดที่ดินของจำเลยแล้วรังวัดรวมที่ดินพิพาทของโจทก์เข้าไปด้วย เป็นการไม่ชอบแม้โจทก์จะฟ้องขอให้แบ่งแยกที่พิพาท ศาลก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนโฉนดที่ดินส่วนที่ทับที่ดินพิพาทและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิแสดงกรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ร้องไม่ได้ครอบครองขณะยื่นคำร้อง
การยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 78 มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่า ผู้ร้องจะต้องเป็นผู้ครอบครอง อสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะยื่นคำร้องขอต่อศาลและคำสั่งของศาล ที่แสดงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามคำร้องขอนั้น ก็เป็นเพียง คำสั่งที่รับรองว่าการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้ร้อง ตามที่ได้ครอบครองมาแล้วนั้นเป็นผลให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์แล้วเพื่อที่ผู้ร้องจะได้นำคำพิพากษา ไปจดทะเบียนสิทธิ ต่อเจ้าพนักงานที่ดินต่อไปเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์ ศาลไม่จำกัดว่าผู้ร้องต้องครอบครองขณะยื่นคำร้อง
การยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 78 มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าผู้ร้องจะต้องเป็นผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะยื่นคำร้องขอต่อศาล และคำสั่งของศาล ที่แสดงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามคำร้องขอนั้น ก็เป็นเพียงคำสั่งที่รับรองว่าการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้ร้องตามที่ได้ครอบครองมาแล้วนั้น เป็นผลให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์แล้ว เพื่อที่ผู้ร้องจะได้นำคำพิพากษาไปจดทะเบียนสิทธิต่อเจ้าพนักงานที่ดินต่อไปเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความขัดแย้งของคำสั่งศาล: คำพิพากษาฎีกาต้องเหนือกว่าคำสั่งศาลชั้นต้นในประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินเดียวกัน
ในคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษาว่า ผู้ร้องได้โอนขายที่ดินพิพาทนี้ให้ผู้คัดค้านไปแล้ว และที่ผู้ร้องอ้างว่าครอบครองปรปักษ์โดยไม่ได้ขายให้ผู้คัดค้านก็เท่ากับเป็นการครอบครองที่ดินของตนเอง ไม่ใช่การครอบครองปรปักษ์ในคดีหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ โดยผู้ร้องปกปิดไม่ให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริงที่เคยฟ้องผู้คัดค้านไว้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อน คำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีหลังนี้และคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีก่อนนั้นขัดกัน และต่างก็เป็นคำสั่งหรือคำพิพากษาที่มีผลเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทรายเดียวกัน อันถือว่าเป็นการปฏิบัติชำระหนี้อันแบ่งแยกจากกันมิได้ จึงต้องถือตามคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงกว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 146
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกาในคดีก่อนดังกล่าวข้างต้น เป็นคำวินิจฉัยในประเด็นเรื่องครอบครองปรปักษ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ขัดแย้งกัน: การครอบครองปรปักษ์และการซื้อขายที่ดิน สิทธิในที่ดินต้องเป็นไปตามคำพิพากษาศาลสูงกว่า
ในคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษาว่า ผู้ร้องได้โอนขายที่ดินพิพาทนี้ให้ผู้คัดค้านไปแล้ว และที่ผู้ร้องอ้างว่าครอบครองปรปักษ์โดยไม่ได้ขายให้ผู้คัดค้านก็เท่ากับเป็นการครอบครองที่ดินของตนเอง ไม่ใช่การครอบครองปรปักษ์ ในคดีหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ โดยผู้ร้องปกปิดไม่ให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริงที่เคยฟ้องผู้คัดค้านไว้ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีก่อน คำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีหลังนี้และคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีก่อนนั้นขัดกัน และต่างก็เป็นคำสั่งหรือคำพิพากษาที่มีผลเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทรายเดียวกัน อันถือว่าเป็นการปฏิบัติชำระหนี้อันแบ่งแยกจากกันมิได้ จึงต้องถือตามคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงกว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 146
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกาในคดีก่อนดังกล่าวข้างต้น เป็นคำวินิจฉัยในประเด็นเรื่องครอบครองปรปักษ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3992/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่องเกิน 10 ปี แม้สำคัญผิดเรื่องกรรมสิทธิ์ก็มีผลผูกพัน
การที่โจทก์ใช้ทางพิพาทเดินผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1เกินกว่า 10 ปี แม้เดิมโจทก์จะสำคัญผิดว่าเป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่งโดยเป็นคันนาแบ่งเขตที่ดินของทั้งสองฝ่าย แต่โจทก์มีเจตนาถือเอาทางพิพาททั้งหมดเป็นทางเดินผ่าน ถือได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาททั้งหมดโดยความสงบ เปิดเผยและด้วยเจตนาใช้เป็นทางของโจทก์ ทางพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์ของโจทก์ก่อนแล้ว การที่เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่ดินของจำเลยที่ 1 แล้ว ปรากฏว่าทางพิพาทอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 โจทก์ก็ยังคงใช้ทางพิพาทต่อมาโดยมิได้สละสิทธิ ทางพิพาทจึงยังคงเป็นทางภารจำยอมเช่นเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3618/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองและการเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเนื่องจากโอนโดยไม่สุจริต
ก.ยกที่ดินโฉนดตราจองให้โจทก์และจำเลยที่ 1 คนละครึ่ง แต่ทำสัญญาจดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินทั้งโฉนดต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 1 มีกรณีพิพาทแย่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนของโจทก์ซึ่งจำเลยที่ 2 ก็รู้เห็น แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังทำสัญญาซื้อขายรับโอนโฉนดตราจองดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 รับโอนที่ดินดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 โดยไม่สุจริตเมื่อโจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองและยกเป็นข้อต่อสู้จำเลยทั้งสองได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง และขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายได้ตามมาตรา 1300

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3618/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์และการเพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริต
ก.ยกที่ดินโฉนดตราจองให้โจทก์และจำเลยที่ 1 คนละครึ่งแต่ทำสัญญาจดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินทั้งโฉนด ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 1 มีกรณีพิพาทแย่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนของโจทก์ซึ่งจำเลยที่ 2 ก็รู้เห็น แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังทำสัญญาซื้อขายรับโอนโฉนดตราจองดังกล่าวจากจำเลยที่ 1ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 รับโอนที่ดินดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 โดยไม่สุจริต เมื่อโจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองและยกเป็นข้อต่อสู้จำเลยทั้งสองได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง และขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายได้ตามมาตรา 1300

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมและการครอบครองแทน การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบุตรของโจทก์มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่ดินพิพาท การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนบุตรของโจทก์ ทั้งปรากฏจากจดหมายของจำเลยว่าจำเลยลงชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทแทนหุ้นส่วนเท่านั้น แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของ จำเลย จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
of 167