พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,662 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: โจทก์ยกข้อต่อสู้ได้ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวน
โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา มีผู้ร้องขัดทรัพย์โจทก์ยื่นคำให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยนั้น เป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์ยกข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้ว คดีย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยจริงหรือไม่
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการยกข้อต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ศาลฎีกาเห็นควรให้วินิจฉัยประเด็นนี้
โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา.มีผู้ร้องขัดทรัพย์โจทก์ยื่นคำให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยนั้น. เป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์ยกข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้ว. คดีย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยจริงหรือไม่.
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น. เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่.
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น. เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการยกข้อต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การวินิจฉัยประเด็นโดยศาล
โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษามีผู้ร้องขัดทรัพย์โจทก์ยื่นคำให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยนั้น เป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์ยกข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้ว คดีย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยจริงหรือไม่
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1918-1926/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิที่ดินทางทะเบียนเหนือกว่าการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ซื้อยังมิได้เข้าครอบครอง
ที่ที่จำเลยตั้งพิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้นเพราะได้ครอบครองมาช้านาน จึงย่อมใช้ยันกับโจทก์ผู้ซื้อที่ดินมาโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง แม้โจทก์ยังมิได้เคยเข้าครอบครองที่พิพาทที่ซื้อมา สิทธิของโจทก์ที่ได้มาโดยทางทะเบียนก็มิได้เสียไป กรณีมิใช่เรื่องที่จะเอาหลักเรื่องผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนมาใช้ได้ ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยสุจริตหรือไม่นั้น ก็ได้มีข้อสันนิษฐานของกฎหมายยอมรับรู้ไว้ก่อนแล้ว ทั้งจำเลยไม่ได้โต้แย้งไว้ในคำให้การว่า โจทก์ได้ซื้อโดยไม่สุจริตแต่อย่างไร จึงมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้ และการสุจริตหรือไม่สุจริตในที่นี้ ก็ดูได้จากตัวโจทก์ มิใช่ดูจากฝ่ายผู้ขายที่ดินให้โจทก์ ฉะนั้น ถ้าผู้ขายที่ดินทางทะเบียนให้กับโจทก์จะรู้ว่าที่ดินขาดตกเป็นสิทธิของจำเลยเพราะการครอบครองปรปักษ์ไปแล้วหรือไม่ จึงไม่สำคัญ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1918-1926/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินตามโฉนดฯ เหนือกว่าการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ซื้อยังมิได้เข้าครอบครอง
ที่ที่จำเลยตั้งพิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์. การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้นเพราะได้ครอบครองมาช้านาน จึงย่อมใช้ยันกับโจทก์ผู้ซื้อที่ดินมาโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบแล้วไม่ได้. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง. แม้โจทก์ยังมิได้เคยเข้าครอบครองที่พิพาทที่ซื้อมา สิทธิของโจทก์ที่ได้มาโดยทางทะเบียนก็มิได้เสียไป. กรณีมิใช่เรื่องที่จะเอาหลักเรื่องผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนมาใช้ได้. ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยสุจริตหรือไม่นั้น ก็ได้มีข้อสันนิษฐานของกฎหมายยอมรับรู้ไว้ก่อนแล้ว. ทั้งจำเลยไม่ได้โต้แย้งไว้ในคำให้การว่า โจทก์ได้ซื้อโดยไม่สุจริตแต่อย่างไร. จึงมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้. และการสุจริตหรือไม่สุจริตในที่นี้ ก็ดูได้จากตัวโจทก์ มิใช่ดูจากฝ่ายผู้ขายที่ดินให้โจทก์. ฉะนั้น ถ้าผู้ขายที่ดินทางทะเบียนให้กับโจทก์จะรู้ว่าที่ดินขาดตกเป็นสิทธิของจำเลยเพราะการครอบครองปรปักษ์ไปแล้วหรือไม่. จึงไม่สำคัญ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1918-1926/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินจากการจดทะเบียน ย่อมเหนือกว่าการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ซื้อยังมิได้เข้าครอบครอง
ที่ที่จำเลยตั้งพิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้นเพราะได้ครอบครองมาช้านาน จึงย่อมใช้ยันกับโจทก์ผู้ซื้อที่ดินมาโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง แม้โจทก์ยังมิได้เคยเข้าครอบครองที่พิพาทที่ซื้อมา สิทธิของโจทก์ที่ได้มาโดยทางทะเบียนก็มิได้เสียไป กรณีมิใช่เรื่องที่จะเอาหลักเรื่องผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนมาใช้ได้ ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยสุจริตหรือไม่นั้น ก็ได้มีข้อสันนิษฐานของกฎหมายยอมรับรู้ไว้ก่อนแล้ว ทั้งจำเลยไม่ได้โต้แย้งไว้ในคำให้การว่า โจทก์ได้ซื้อโดยไม่สุจริตแต่อย่างไร จึงมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้ และการสุจริตหรือไม่สุจริตในที่นี้ ก็ดูได้จากตัวโจทก์ มิใช่ดูจากฝ่ายผู้ขายที่ดินให้โจทก์ ฉะนั้น ถ้าผู้ขายที่ดินทางทะเบียนให้กับโจทก์จะรู้ว่าที่ดินขาดตกเป็นสิทธิของจำเลยเพราะการครอบครองปรปักษ์ไปแล้วหรือไม่ จึงไม่สำคัญ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิทางศาลต้องมีกฎหมายรองรับ และสิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรอง
การใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องฝ่ายเดียว เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้ทำเช่นนั้นได้. มิใช่ว่าจะยื่นคำร้องฝ่ายเดียวได้ทุกกรณีไป.
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของบิดาผู้วายชนม์ตามกฎหมายโดยชอบแล้ว. จึงไม่มีบทกฎหมายบัญญัติให้ต้องมายื่นคำร้องเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกของบิดาผู้วายชนม์อีก.
กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 7 พ.ศ.2497 ข้อ 8(1) เป็นเรื่องการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีโฉนดแล้วโดยการครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์. หาได้บัญญัติถึงสิทธิครอบครองในที่ดินมือเปล่าไม่.
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของบิดาผู้วายชนม์ตามกฎหมายโดยชอบแล้ว. จึงไม่มีบทกฎหมายบัญญัติให้ต้องมายื่นคำร้องเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกของบิดาผู้วายชนม์อีก.
กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 7 พ.ศ.2497 ข้อ 8(1) เป็นเรื่องการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีโฉนดแล้วโดยการครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์. หาได้บัญญัติถึงสิทธิครอบครองในที่ดินมือเปล่าไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรอง และการใช้สิทธิทางศาลโดยคำร้องฝ่ายเดียว
การใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องฝ่ายเดียว เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้ทำเช่นนั้นได้ มิใช่ว่าจะยื่นคำร้องฝ่ายเดียวได้ทุกกรณีไป
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของบิดาผู้วายชนม์ตามกฎหมายโดยชอบแล้ว จึงไม่มีบทกฎหมายบัญญัติให้ต้องมายื่นคำร้องเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกของบิดาผู้วายชนม์อีก
กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 7 พ.ศ.2497 ข้อ 8(1) เป็นเรื่องการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีโฉนดแล้วโดยการครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์ หาได้บัญญัติถึงสิทธิครอบครองในที่ดินมือเปล่าไม่
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของบิดาผู้วายชนม์ตามกฎหมายโดยชอบแล้ว จึงไม่มีบทกฎหมายบัญญัติให้ต้องมายื่นคำร้องเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกของบิดาผู้วายชนม์อีก
กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 7 พ.ศ.2497 ข้อ 8(1) เป็นเรื่องการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีโฉนดแล้วโดยการครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์ หาได้บัญญัติถึงสิทธิครอบครองในที่ดินมือเปล่าไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิทางศาลต้องมีกฎหมายรองรับ สิทธิรับมรดกบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรอง
การใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องฝ่ายเดียว เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้ทำเช่นนั้นได้ มิใช่ว่าจะยื่นคำร้องฝ่ายเดียวได้ทุกกรณีไป
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของบิดาผู้วายชนม์ตามกฎหมายโดยชอบแล้ว จึงไม่มีบทกฎหมายบัญญัติให้ต้องมายื่นคำร้องเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกของบิดาผู้วายชนม์อีก
กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 7 พ.ศ.2497 ข้อ 8(1) เป็นเรื่องการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีโฉนดแล้วโดยการครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์ หาได้บัญญัติถึงสิทธิครอบครองในที่ดินมือเปล่าไม่
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของบิดาผู้วายชนม์ตามกฎหมายโดยชอบแล้ว จึงไม่มีบทกฎหมายบัญญัติให้ต้องมายื่นคำร้องเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกของบิดาผู้วายชนม์อีก
กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 7 พ.ศ.2497 ข้อ 8(1) เป็นเรื่องการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีโฉนดแล้วโดยการครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์ หาได้บัญญัติถึงสิทธิครอบครองในที่ดินมือเปล่าไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการครอบครองปรปักษ์และอายุความ การครอบครองแทนเจ้าของไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์
โจทก์ปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ในที่ดินของ ส.ถือได้ว่าโจทก์ครอบครองที่ดินแทน ส..ต่อมาส.ขายที่ดินให้แก่จำเลย. ดังนี้แม้โจทก์จะเคยใช้ทางเดินในที่ดินที่ขายให้จำเลยเดินผ่านออกสู่ถนนตลอดมาก็ตาม. ก็เรียกไม่ได้ว่าโจทก์ครอบครองใช้ที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ. จึงมิใช่เป็นการครอบครองปรปักษ์.อายุความได้สิทธิทางภารจำยอมจะเริ่มนับได้ตั้งแต่ ส.ขายที่ดินแปลงนี้ให้แก่จำเลย ซึ่งตามกฎหมายมีกำหนดเวลา 10 ปี.