คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุธี ชอบธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 350 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองที่ดินด้วยใบมอบอำนาจที่ไม่สมบูรณ์ เจ้าของที่ดินต้องรับผิดแม้มีการปลอมแปลง
เจ้าของที่ดินพิมพ์ลายนิ้วมือลงในใบมอบอำนาจโดยมิได้กรอกข้อความ เพื่อให้ผู้รับมอบอำนาจนำไปวางเป็นประกันการค้าไม้ซุง แต่ผู้รับมอบอำนาจกับพวกกลับนำไปกรอกข้อความให้มีอำนาจทำการจำนองแทนเจ้าของที่ดิน เมื่อผู้รับจำนองได้รับจำนองไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วเจ้าของที่ดินจะอ้างเอาความประมาทเลินเล่อของตนมาเป็นเหตุให้พ้นความรับผิดหาได้ไม่ แม้ว่าผู้รับมอบอำนาจกับพวกจะถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีอาญาข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมก็ตามเจ้าของที่ดินก็ต้องรับผิดชำระหนี้ไถ่ถอนจำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า ‘เครื่องหมาย’ ในป้ายโฆษณาตาม พ.ร.บ.ภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ภาพประกอบถือเป็นเครื่องหมาย ทำให้ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น
ตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติภาษีป้ายพ.ศ. 2510 ป้ายอาจแสดงด้วยอักษร ภาพ หรือเครื่องหมายเพียงอย่างหนึ่งอย่างใดก็ถือว่าเป็นป้าย ดังนั้นป้ายที่มีอักษรไทยล้วนตามบัญชีอัตราภาษีป้าย ประเภท (1) ย่อมหมายถึงป้ายที่ไม่มีสิ่งอื่นใดเลยนอกจากอักษรไทย
คำว่าเครื่องหมาย นั้น ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2493 หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นแสดงความหมายป้ายโฆษณาภาพยนตร์ที่มีอักษรไทย ภาพดาราภาพยนตร์ ภาพสัตว์และภาพวัตถุอื่น ๆ จึงเป็นป้ายที่มีอักษรไทยปนกับเครื่องหมายตามบัญชีอัตราภาษีป้ายประเภท (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ผู้เช่าซื้อ
ประกันภัยค้ำจุนนั้น ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในความวินาศภัยที่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์มิใช่เป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าด้วยลักษณะความรับผิดต่อบุคคลภายนอกก็มีข้อความไว้ชัดแจ้งว่าเมื่อมีวินาศภัยเกิดขึ้น จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจะรับชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยเท่านั้น ไม่มีข้อความตอนใดที่ผู้รับประกันภัยตกลงยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ
ประกันภัยค้ำจุนนั้น ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในความวินาศภัยที่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์มิใช่เป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าด้วยลักษณะความรับผิดต่อบุคคลภายนอกก็มีข้อความไว้ชัดแจ้งว่าเมื่อมีวินาศภัยเกิดขึ้น จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจะรับชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยเท่านั้น ไม่มีข้อความตอนใดที่ผู้รับประกันภัยตกลงยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้ ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางภารจำยอมโดยไม่แจ้งเจ้าของที่ดิน และระยะเวลาการครอบครองไม่ถึง 10 ปี ไม่เกิดภารจำยอม
ทางที่จำเลยปิดกั้นเป็นทางคันลำกระโดงสวนในที่ดินของจำเลยซึ่งโจทก์เจ้าของที่ดินอีกแปลงหนึ่งได้ใช้เดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะ เป็นเวลาติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 30 ปีก็ตามแต่เมื่อโจทก์เบิกความว่า โจทก์เดินมาโดยถือวิสาสะกันโดยไม่ต้องบอกกล่าวเจ้าของที่ดิน และพยานโจทก์ปากอื่นก็เบิกความว่า ที่โจทก์เดินผ่านก็โดยอาศัยความคุ้นเคยกัน ดังนี้โจทก์จะเถียงว่าเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยซื้อที่ดินนั้นมาแล้ว และจำเลยได้ทำทางขึ้นใหม่แม้จะฟังว่าโจทก์ได้ใช้ทางที่จำเลยทำขึ้นใหม่นี้โดยปรปักษ์ แต่นับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 10 ปี ทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางภารจำยอมต้องมีลักษณะเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์อย่างเปิดเผยต่อเนื่อง และมีระยะเวลาตามกฎหมาย
ทางที่จำเลยปิดกั้นเป็นทางคันลำกระโดงสวนในที่ดินของจำเลย ซึ่งโจทก์เจ้าของที่ดินอีกแปลงหนึ่งได้ใช้เดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะ เป็นเวลาติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 30 ปีก็ตามแต่เมื่อโจทก์เบิกความว่า โจทก์เดินมาโดยถือวิสาสะกันโดยไม่ต้องบอกกล่าวเจ้าของที่ดิน และพยานโจทก์ปากอื่นก็เบิกความว่า ที่โจทก์เดินผ่านก็โดยอาศัยความคุ้นเคยกันดังนี้ โจทก์จะเถียงว่าเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยซื้อที่ดินนั้นมาแล้ว และจำเลยได้ทำทางขึ้นใหม่แม้จะฟังว่าโจทก์ได้ใช้ทางที่จำเลยทำขึ้นใหม่นี้โดยปรปักษ์ แต่นับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 10 ปี ทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3127/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก่โจทก์ เมื่อจำเลยถูกคุมขังในเรือนจำอื่น มิใช่การไม่อยู่ตามกฎหมาย
ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามในระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี การที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางเช่นนี้ ไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่อยู่ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 183 วรรค 3 ซึ่งศาลต้องรอการอ่านคำพิพากษาไว้จนกว่าจำเลยจะมาศาล แต่ถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีตัวอยู่ เพียงแต่ถูกส่งตัวไปคุมขังที่อื่นโดยได้รับอนุญาตจากศาลเท่านั้น
การที่ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังพร้อมกับจำเลยที่ 2 ก่อน แล้วจึงส่งคำพิพากษานั้นไปให้ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฟัง เป็นการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งฉบับให้โจทก์ฟังโดยชอบโจทก์จะแยกว่าที่โจทก์ฟังมาแล้วเป็นการฟังเฉพาะคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้น จะขอให้ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ฟังเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3127/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อจำเลยถูกส่งตัวไปคุมขังต่างสถานที่ ศาลอ่านให้โจทก์ฟังก่อนได้
ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามในระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี การที่จำเลยที่ 1 ที่ 3ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางเช่นนี้ ไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่อยู่ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 183 วรรค 3ซึ่งศาลต้องรอการอ่านคำพิพากษาไว้จนกว่าจำเลยจะมาศาลแต่ถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีตัวอยู่ เพียงแต่ถูกส่งตัวไปคุมขังที่อื่นโดยได้รับอนุญาตจากศาลเท่านั้น
การที่ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังพร้อมกับจำเลยที่ 2 ก่อน แล้วจึงส่งคำพิพากษานั้นไปให้ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฟัง เป็นการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งฉบับให้โจทก์ฟังโดยชอบ โจทก์จะแยกว่าที่โจทก์ฟังมาแล้วเป็นการฟังเฉพาะคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้น จะขอให้ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ฟังเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3126/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, เพิ่มโทษซ้ำความผิด, การจำกัดโทษสูงสุด
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปี กับเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 กึ่งหนึ่ง แต่เมื่อเพิ่มโทษแล้วจะจำคุกเกิน 20 ปีมิได้ ตามมาตรา 51 เช่นนี้ ศาลให้จำคุกจำเลย 20 ปีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราเด็ก – ไม่รอการลงโทษจำคุก
จำเลยอายุ 22 ปี เรียนสำเร็จ ม.ศ. 6 จากโรงเรียนการช่างและทำการงานเป็นลูกจ้างรายวัน กระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 12 ปีเศษ เป็นเรื่องที่ร้ายแรง และเป็นการกระทำโดยไม่เกรงกลัวว่าจะต้องรับโทษไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย
of 35