พบผลลัพธ์ทั้งหมด 350 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้เงินกู้และการรับสภาพหนี้ด้วยการชำระดอกเบี้ยด้วยการให้ทำนา
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้เงินกู้ โดยบรรยายปีที่กู้สลับกัน ไม่เรียงลำดับแต่ละปีแต่ได้อ้างเอกสารสำเนาสัญญากู้แต่ละฉบับมาท้ายฟ้อง ตรงกับคำบรรยายฟ้องและไม่ขัดกับเอกสารดังนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ป.กู้เงินของสามีโจทก์ไป และมอบนาให้ทำกินต่างดอกเบี้ยตลอดมา ต่อมา ป.ตาย จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป.ได้มอบนานั้นให้ทำต่างดอกเบี้ยจนกระทั่งสามีโจทก์ตาย และเมื่อสามีโจทก์ตายแล้ว จำเลยก็มอบนาดังกล่าวให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกของสามีทำนาต่างดอกเบี้ยต่อมาอีก ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ปฏิบัติการชำระดอกเบี้ยด้วยการให้ทำนา เป็นการรับสภาพต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยการส่งดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง (อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 159/2513)
หนี้กู้ยืมที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาอันพึงชำระหนี้ไว้นั้น เจ้าหนี้จะฟ้องให้ชำระหนี้ที่ยืมไปโดยไม่ต้องบอกกล่าวก็ได้ (อ้างฎีกาที่ 873/2518)
ป.กู้เงินของสามีโจทก์ไป และมอบนาให้ทำกินต่างดอกเบี้ยตลอดมา ต่อมา ป.ตาย จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป.ได้มอบนานั้นให้ทำต่างดอกเบี้ยจนกระทั่งสามีโจทก์ตาย และเมื่อสามีโจทก์ตายแล้ว จำเลยก็มอบนาดังกล่าวให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกของสามีทำนาต่างดอกเบี้ยต่อมาอีก ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ปฏิบัติการชำระดอกเบี้ยด้วยการให้ทำนา เป็นการรับสภาพต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยการส่งดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง (อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 159/2513)
หนี้กู้ยืมที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาอันพึงชำระหนี้ไว้นั้น เจ้าหนี้จะฟ้องให้ชำระหนี้ที่ยืมไปโดยไม่ต้องบอกกล่าวก็ได้ (อ้างฎีกาที่ 873/2518)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบถ่านไม้ที่ได้มาจากการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ กรณีมีไว้เกินปริมาณที่กำหนด
จำเลยนำถ่านไม้อันเป็นของป่าเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่ และมีถ่านไม้ดังกล่าวไว้เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยไม่ได้ขอรับอนุญาต เมื่อถ่านไม้ของกลางที่จำเลยมีไว้เกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนด อันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้แล้ว ถือได้ว่ามีไว้เนื่องจากการกระทำผิดตามความหมายในมาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 แล้ว จึงต้องริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบถ่านไม้ที่ได้มาจากการกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ กรณีมีไว้เกินปริมาณที่กำหนด
จำเลยนำถ่านไม้อันเป็นของป่าเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่ และมีถ่านไม้ดังกล่าวไว้เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยไม่ได้ขอรับอนุญาต เมื่อถ่านไม้ของกลางที่จำเลยมีไว้เกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนด อันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้แล้ว ถือได้ว่ามีไว้เนื่องจากการกระทำผิดตามความหมายในมาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 แล้ว จึงต้องริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้เสียหายในความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค กรณีเช็คขีดคร่อมและการมอบหมายให้ผู้อื่นเรียกเก็บเงิน
ช. มายืมเงินจากโจทก์แล้วมอบเช็คสองฉบับซึ่งมีจำหน่ายเป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ แต่เช็คทั้งสองฉบับเป็นเช็คขีดคร่อมสั่งจ่ายแก่ผู้ซื้อ โจทก์ไม่มีเงินฝากในธนาคาร จึงนำเช็คดังกล่าวไปให้ ก. เพื่อเข้าบัญชีของ ก. เพื่อเรียกเก็บเงิน ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของเช็คพิพาทสองฉบับนั้น หากเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินไม่ได้ ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น คดีของโจทก์ย่อมมีมูล (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2519)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น คดีของโจทก์ย่อมมีมูล (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้เสียหายในความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค: เช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ และความเสียหายจากการปฏิเสธการจ่ายเงิน
ช. มายืมเงินจากโจทก์แล้วมอบเช็คสองฉบับซึ่งมีจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้แต่เช็คทั้งสองฉบับเป็นเช็คขีดคร่อมสั่งจ่ายแก่ผู้ถือโจทก์ไม่มีเงินฝากในธนาคาร จึงนำเช็คดังกล่าวไปให้ ก. เพื่อเข้าบัญชีของก. เพื่อเรียกเก็บเงิน ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของเช็คพิพาทสองฉบับนั้น หากเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินไม่ได้ ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา2(4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นคดีของโจทก์ย่อมมีมูล (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่10/2519)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นคดีของโจทก์ย่อมมีมูล (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่10/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ที่อยู่ภายใต้การประนอมหนี้ในคดีล้มละลาย สิทธิเรียกร้องต้องยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์และยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 จำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียวฎีกา เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกาว่า ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 ที่ 2 เด็ดขาดจนได้ประนอมหนี้และศาลได้มีคำสั่งให้ปิดคดีเพราะชำระหนี้ตามประนอมหนี้แล้ว ดังนี้หนี้รายที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อยู่ในบังคับที่โจทก์จะต้องยื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 27,91 แม้โจทก์ไม่ยื่นขอรับชำระหนี้ โจทก์ก็ถูกผูกมัดโดยการประนอมหนี้ด้วยตามมาตรา 56 โจทก์จึงจะฟ้องให้จำเลยรับผิดชำระหนี้เป็นคดีนี้อีกไม่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ขาดรายละเอียดชัดเจน ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบรรยายว่า ในการตรวจนับคะแนน ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ร้องกรรมการก็จงใจตัดสินให้เป็นบัตรเสีย แต่ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้ง ถึงแม้จะเป็นบัตรเสีย กรรมการก็จงใจนับให้เป็นบัตรดี ซึ่งบัตรเสียบัตรดีเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 บัตร มิได้กล่าวว่าบัตรเสียนั้นมีลักษณะอย่างไร เสียอย่างไร กรรมการนับบัตรเสียเป็นบัตรดีจำนวนเท่าไร นับบัตรดีเป็นบัตรเสียจำนวนเท่าไรและที่ว่าเพิ่มคะแนนเลือกตั้ง ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่นจงใจนับคะแนนให้ผิดพลาดจากความเป็นจริง ก็ไม่ได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเสมียนคะแนน ผู้ควบคุมหน่วยเลือกตั้งหน่วยใดเพิ่มคะแนนเลือกตั้งให้ผู้สมัครคนใดจำนวนเท่าใดใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่นนั้นเป็นใครบ้าง และที่ว่าจงใจนับคะแนนให้ผิดจากความจริง ผิดไปเป็นจำนวนเท่าใด จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง มิได้กล่าวว่าให้เงินแก่ผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใดบ้างและที่ว่าผู้ได้รับเลือกตั้งจัดยานพาหนะ คือรถยนต์ให้แก่ผู้เลือกตั้งโดยไม่เสียค่าพาหนะนั้น ไม่ทราบว่ายานพาหนะจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้เลือกตั้งที่รับไปลงคะแนนมีจำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงผลของการเลือกตั้งหรือไม่จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถยนต์โดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 15 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดอ่างทองกับกรุงเทพมหานครว่า จะติดต่อวิ่งเต้นกับทางราชการไม่ให้รถยนต์โดยสารของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 99 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานครวิ่งรับคนโดยสารที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกต่อไป เพราะจะทำให้รถยนต์โดยสารสาย 15 ขาด ผลประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถยนต์โดยสารเหล่านั้นลงคะแนนเลือกตั้งให้นั้นตามคำร้องมิได้กล่าวว่าจูงใจใครบ้างที่ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารจึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งติดต่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอป่าโมกอำเภอโพธิ์ทอง ที่มีหน่วยเลือกตั้งตั้งอยู่หลายสิบวัดรับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้นเพื่อขอให้เจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดนั้น ๆ จูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ทราบว่าจะให้เงินแก่วัดใด จำนวนเท่าใด และเพียงแต่รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น ไม่ทราบว่าวัดไหนหรือคณะกรรมการวัดไหนตกลงจะช่วยเหลือบ้างหรือมีการช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง มิได้กล่าวว่าให้เงินแก่ผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใดบ้างและที่ว่าผู้ได้รับเลือกตั้งจัดยานพาหนะ คือรถยนต์ให้แก่ผู้เลือกตั้งโดยไม่เสียค่าพาหนะนั้น ไม่ทราบว่ายานพาหนะจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้เลือกตั้งที่รับไปลงคะแนนมีจำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงผลของการเลือกตั้งหรือไม่จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถยนต์โดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 15 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดอ่างทองกับกรุงเทพมหานครว่า จะติดต่อวิ่งเต้นกับทางราชการไม่ให้รถยนต์โดยสารของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 99 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานครวิ่งรับคนโดยสารที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกต่อไป เพราะจะทำให้รถยนต์โดยสารสาย 15 ขาด ผลประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถยนต์โดยสารเหล่านั้นลงคะแนนเลือกตั้งให้นั้นตามคำร้องมิได้กล่าวว่าจูงใจใครบ้างที่ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารจึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งติดต่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอป่าโมกอำเภอโพธิ์ทอง ที่มีหน่วยเลือกตั้งตั้งอยู่หลายสิบวัดรับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้นเพื่อขอให้เจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดนั้น ๆ จูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ทราบว่าจะให้เงินแก่วัดใด จำนวนเท่าใด และเพียงแต่รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น ไม่ทราบว่าวัดไหนหรือคณะกรรมการวัดไหนตกลงจะช่วยเหลือบ้างหรือมีการช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่เคลือบคลุม ขาดรายละเอียดข้อหาและพยานหลักฐาน ศาลฎีกายกคำร้อง
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสมาผู้แทนราษฎรบรรยายว่า ในการตรวจนับคะแนน ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ร้อง กรรมการก็จงใจตัดสินให้เป็นบัตรเสีย แต่ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้ง ถึงแม้จะเป็นบัตรเสีย กรรมการจงใจนับให้เป็นบัตรดี ซึ่งบัตรเสียบัตรดีเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 บัตร มิได้กล่าวว่าบัตรเสียนั้นมีลักษณะอย่างไร เสียอย่างไร กรรมการนับบัตรเสียเป็นบัตรดีจำนวนเท่าไร นับบัตรดีเป็นบัตรเสียจำนวนเท่าไร และที่ว่าเพิ่มคะแนนเลือกตั้ง ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่น จงใจนับคะแนนให้ผิดพลาดจากความเป็นจริง ก็ไม่ได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน และเสมียนคะแนน ผู้ควบคุมหน่วยเลือกตั้งหน่วยใดเพิ่มคะแนนเลือกตั้งให้ผู้สมัครคนใด จำนวนใด ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่นนั้นเป็นใครบ้างและที่ว่าจงใจนับคะแนนให้ผิดจากความจริง ผิดไปเป็นจำนวนเท่าใด จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ละคะแนนให้แก่ตนเอง มิได้กล่าวว่าให้เงินแก่ผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใดบ้าง และที่ว่าผู้ได้รับเลือกตั้งจัดพาหนะ คือรถยนต์ให้แก่ผู้เลือกตั้งโดยไม่เสียค่าพาหนะนั้น ไม่ทราบว่ายานพาหนะจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้เลือกตั้งที่รับไปลงคะแนนมีจำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงของการเลือกตั้งหรือไม่ จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยาว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถยนต์โดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 15 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดอ่างทองกับกรุงเทพมหานครว่า จะติดต่อวิ่งเต้นกับทางราชการไม่ให้รถยนต์โดยสารของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 99 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานครวิ่งรับคนโดยสารที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกต่อไป เพราะจะทำให้รถยนต์โดยสารสาย 15 ขาดผลประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถยนต์โดยสารเหล่านั้นลงคะแนนเลือกตั้งให้นั้นตามคำร้องมิได้กล่าวจูงใจใครบ้างที่ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งต่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอป่าโมก อำเภอโพธิ์ทอง ที่มีหน่วยเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ทราบว่าจะให้เงินแก่วัดใด จำนวนเท่าใด และเพียงแต่รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น ไม่ทราบว่าวัดไหน หรือคณะกรรมการวัดไหนตกลงจะช่วยเหลือบ้าง หรือมีการช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ละคะแนนให้แก่ตนเอง มิได้กล่าวว่าให้เงินแก่ผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใดบ้าง และที่ว่าผู้ได้รับเลือกตั้งจัดพาหนะ คือรถยนต์ให้แก่ผู้เลือกตั้งโดยไม่เสียค่าพาหนะนั้น ไม่ทราบว่ายานพาหนะจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้เลือกตั้งที่รับไปลงคะแนนมีจำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงของการเลือกตั้งหรือไม่ จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยาว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถยนต์โดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 15 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดอ่างทองกับกรุงเทพมหานครว่า จะติดต่อวิ่งเต้นกับทางราชการไม่ให้รถยนต์โดยสารของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 99 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานครวิ่งรับคนโดยสารที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกต่อไป เพราะจะทำให้รถยนต์โดยสารสาย 15 ขาดผลประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถยนต์โดยสารเหล่านั้นลงคะแนนเลือกตั้งให้นั้นตามคำร้องมิได้กล่าวจูงใจใครบ้างที่ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งต่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอป่าโมก อำเภอโพธิ์ทอง ที่มีหน่วยเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ทราบว่าจะให้เงินแก่วัดใด จำนวนเท่าใด และเพียงแต่รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น ไม่ทราบว่าวัดไหน หรือคณะกรรมการวัดไหนตกลงจะช่วยเหลือบ้าง หรือมีการช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมายเรียกบุคคลภายนอกเป็นโจทก์ร่วม กรณีสัญญาประนีประนอมยอมความและสิทธิการครอบครอง
โจทก์ได้เช่าตึกพิพาทจากส.แต่เข้าครอบครองตึกชั้นล่างไม่ได้เพราะจำเลยครอบครองอยู่ จึงได้มีการฟ้องคดีกันระหว่างโจทก์จำเลยหลายคดี ในที่สุดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ยอมให้จำเลยอาศัยอยู่ในตึกพิพาทชั้นล่างจนสิ้นเดือนมีนาคม 2519 แต่ยังไม่ครบกำหนด โจทก์ก็มาฟ้องคดีนี้และขอให้ศาลหมายเรียก ส. เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วย เช่นนี้ จำเลยอยู่ในตึกพิพาทโดยอาศัยสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยมิได้รบกวนขัดขวางสิทธิโจทก์และไม่ได้โต้แย้งสิทธิของ ส. เมื่อโจทก์ให้จำเลยอาศัยเองและหากศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี โจทก์ย่อมไม่อาจฟ้องหรือถูก ส. ฟ้องตนได้เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ยหรือเพื่อใช้ค่าทดแทน และไม่ใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้บุคคลภายนอกเข้ามาในคดี กรณีจึงไม่ชอบที่จะหมายเรียก ส. เข้ามาในคดีตามมาตรา 549 ประกอบด้วยมาตรา 477 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตามมาตรา 57(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลจึงบังคับให้ขับไล่จำเลยตามคำขอของ ส. ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมายเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม: สัญญาประนีประนอมยอมความและสิทธิของเจ้าของทรัพย์สิน
โจทก์ได้เช่าตึกพิพาทจาก ส. แต่เข้าครอบครองตึกชั้นล่างไม่ได้เพราะจำเลยครอบครองอยู่ จึงได้มีการฟ้องคดีกันระหว่างโจทก์จำเลยหลายคดี ในที่สุดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ยอมให้จำเลยอาศัยอยู่ในตึกพิพาทชั้นล่าง จนสิ้นเดือนมีนาคม 2519 แต่ยังไม่ครบกำหนด โจทก์ก็มาฟ้องคดีนี้ขอให้ศาลหมายเรียก ส.เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วย เช่นนี้ จำเลยอยู่ในตึกพิพาทโดยอาศัยสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยมิได้รบกวนขัดขวางสิทธิโจทก์และไม่ได้โต้แย้งสิทธิของ ส. เมื่อโจทก์ให้จำเลยอาศัยเอง และหากศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี โจทก์ย่อมไม่อาจฟ้องหรือถูก ส. ฟ้องตนได้เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ยหรือเพื่อใช้ทดแทน และไม่ใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้บุคคลภายนอกเข้ามาในคดี กรณีจึงไม่ชอบที่จะหมายเรียก ส. เข้ามาในคดีตามมาตรา 549 ประกอบด้วยมาตรา 477 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตามาตรา 57(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลจึงบังคับให้ขับไล่จำเลยตามคำขอของ ส. ไม่ได้