คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 116

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 33 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478/2564

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนหลักประกันหลังจำเลยเสียชีวิต: ผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล vs. ผู้รับมรดกตามพินัยกรรม
คดีนี้ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยนำสมุดบัญชีเงินฝากประจำธนาคารเป็นหลักประกัน และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 4 ในระหว่างพิจารณา แต่ในระหว่างการเลื่อนคดีไปเพื่อนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยที่ 4 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 4 สัญญาประกันตัวจำเลยที่ 4 เป็นอันสิ้นสุดลง ศาลชั้นต้นต้องคืนหลักประกันแก่ผู้ประกันตาม ป.วิ.อ. มาตรา 118 แต่เมื่อจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ประกันถึงแก่ความตาย ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลและผู้คัดค้านซึ่งอ้างว่าเป็นผู้รับมรดกหลักประกันดังกล่าวตามพินัยกรรมต่างยื่นคำร้องขอคืนหลักประกันดังกล่าวต่อศาลชั้นต้น การพิจารณาคำร้องดังกล่าวย่อมเป็นกรณีพิจารณาความเกี่ยวกับสัญญาประกันตัวจำเลยที่ 4 ในคดีอาญา และเป็นเรื่องของกระบวนพิจารณาทางอาญา การใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องเป็นไปตาม ป.วิ.อ. ภาค 4 ลักษณะ 1 และลักษณะ 2 ซึ่งไม่มีบทบัญญัติว่าเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งหรือคำพิพากษาเป็นอย่างไรแล้ว ให้คำสั่งหรือคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้นถึงที่สุดแต่ประการใด ผู้คัดค้านจึงชอบที่จะฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้คืนหลักประกันให้แก่ผู้ร้องได้
ป.วิ.อ. มาตรา 118 บัญญัติว่า "เมื่อคดีถึงที่สุดหรือความรับผิดตามสัญญาประกันหมดไปตามมาตรา 116 หรือโดยเหตุอื่น ให้คืนหลักประกันแก่ผู้ที่ควรรับไป" ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 4 ถึงแก่ความตายอันเป็นเหตุให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (1) สัญญาประกันตัวจำเลยที่ 4 เป็นอันสิ้นสุดลง ศาลจึงชอบที่จะคืนหลักประกันให้แก่ผู้ที่ควรรับไป แม้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 4 ตามคำสั่งศาลมีหน้าที่ตามกฎหมายในการรวบรวมทรัพย์มรดกของจำเลยที่ 4 ผู้ตายรวมเข้าไว้ในกองมรดกผู้ตายรวมถึงการขอคืนหลักประกันของจำเลยที่ 4 ผู้ตายเพื่อแบ่งปันแก่ทายาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1719 แต่เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอคืนหลักประกันดังกล่าวด้วย โดยอ้างว่าจำเลยที่ 4 ทำพินัยกรรมยกมรดกเป็นสมุดบัญชีเงินฝากประจำดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้าน และตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกและผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 4 ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดเพชรบุรี กรณีจึงยังฟังได้ไม่แน่นอนว่าผู้ร้องหรือผู้คัดค้านเป็นผู้ที่ควรได้รับสมุดบัญชีเงินฝากประจำอันเป็นหลักประกันไปจากศาลชั้นต้น การที่ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นผู้สั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวใช้ดุลพินิจให้รอฟังคำสั่งศาลจังหวัดเพชรบุรีในคดีดังกล่าว จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15004/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันตัวในคดีอาญา: ความรับผิดของผู้ประกันเมื่อผู้ต้องหาไม่มาตามนัด แม้จะมีการสลับชื่อผู้ต้องหา
ขณะที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยายื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาที่ใช้ชื่อ ล. ผู้ประกันยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาดังกล่าวโดยมีประกัน ศาลชั้นต้นอนุญาต สัญญาประกันจึงมีผลสมบูรณ์ตลอดไปในระหว่างสอบสวน สัญญาประกันในคดีอาญาจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุด เว้นแต่มีการถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน ผู้ต้องหาตาย ผิดสัญญาประกัน หรือศาลสั่งยกเลิกสัญญาประกัน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 116 และมาตรา 118 ที่ผู้ประกันอ้างว่าทำสัญญาประกันไปโดยสำคัญผิดในตัวบุคคลนั้น เห็นว่า ผู้ประกันไม่ได้สำคัญผิดในตัวบุคคลเพราะผู้ประกันต้องการขอปล่อยชั่วคราวบุคคลที่ใช้ชื่อ ล. ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยายื่นคำร้องขอฝากขัง การที่ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาดังกล่าวโดยมีประกัน และศาลชั้นต้นอนุญาตจึงเป็นการถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้วว่า ศาลได้สั่งปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ใช้ชื่อ ล. โดยมีประกันตรงตามเจตนาของผู้ประกัน หาใช่ผู้ประกันสำคัญผิดในตัวบุคคลไม่ สัญญาประกันที่ผู้ประกันทำต่อศาลชั้นต้นจึงมีผลสมบูรณ์ เมื่อผู้ประกันผิดสัญญาประกันไม่ส่งตัวผู้ต้องหาดังกล่าวตามกำหนดนัด จึงต้องรับผิดตามสัญญาประกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2694/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกหมายขังระหว่างพิจารณาหลังผู้ประกันสิ้นสภาพสมาชิกสภาฯ และผลของการไม่ส่งตัวผู้ต้องหาคืนศาล
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2540 และในวันเดียวกัน ส. ได้ใช้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นอนุญาต กรณีจึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะออกหมายขังระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 ตาม ป.วิ.อ. 88 (เดิม) ที่ใช้บังคับขณะนั้น แม้ในระหว่างพิจารณาจะปรากฏข้อเท็จจริงแก่ศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 2 ถูกจับกุมและควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเพื่อดำเนินคดีที่ศาลอาญาก็ตาม แต่ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 116 บัญญัติว่า "การขอถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน ย่อมทำได้เมื่อผู้ทำสัญญามอบตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยคืนต่อเจ้าพนักงานหรือศาล" เมื่อผู้ประกันไม่ได้ยื่นคำร้องขอมอบตัวจำเลยที่ 2 คืนต่อศาล จึงยังถือไม่ได้ว่าผู้ประกันได้ส่งมอบหรือคืนตัวจำเลยที่ 2 ต่อศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นก็มิได้เพิกถอนสัญญาประกันแล้วออกหมายขังจำเลยไว้ในคดีนี้ เพราะเมื่อศาลชั้นต้นมีหนังสือขอให้ศาลอาญาส่งตัวจำเลยมาพิจารณาคดีนี้ ศาลอาญาแจ้งว่าจะส่งตัวจำเลยให้เมื่อพิจารณาคดีเสร็จแล้ว ดังนี้ ในระหว่างนั้นจึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นต้องออกหมายขังระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 จนกระทั่งเมื่อได้ตัวจำเลยที่ 2 มาและเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ส. ผู้ประกันจำเลยที่ 2 ได้พ้นจากสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสัญญาประกันและออกหมายขังจำเลยที่ 2 ระหว่างพิจารณาจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2694/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกหมายขังระหว่างพิจารณาเมื่อมีสัญญาประกัน และการเพิกถอนสัญญาประกันเมื่อผู้ประกันไม่ได้ส่งตัวจำเลยคืนศาล
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 116 บัญญัติว่า "การขอถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน ย่อมทำได้เมื่อผู้ทำสัญญามอบตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยคืนต่อเจ้าพนักงานหรือศาล" เมื่อผู้ประกันไม่ได้ยื่นคำร้องขอมอบตัวจำเลยที่ 2 คืนต่อศาล จึงยังถือไม่ได้ว่าผู้ประกันได้ส่งมอบหรือคืนตัวจำเลยที่ 2 ต่อศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นก็มิได้เพิกถอนสัญญาประกันแล้วออกหมายขังจำเลยที่ 2 ไว้ในคดีนี้ ในระหว่างนั้นจึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นต้องออกหมายขังระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะถูกจับและควบคุมตัวที่เรือนจำเพื่อดำเนินคดีอื่นก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3545/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอถอนสัญญาประกันและผลกระทบต่อความรับผิดตามสัญญา การมอบตัวผู้ต้องหาทำให้ความรับผิดสิ้นสุด
เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาประกัน ส. ผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ได้ยื่นหนังสือมีข้อความว่าขอถอนหลักทรัพย์อันเป็นหลักประกันเพื่อนำไปขายให้ผู้อื่น และจำเลยได้มอบตัว ส.ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์พร้อมทั้งนำหลักทรัพย์ของ อ.และพาตัวอ.มาทำสัญญาประกัน ส. ผู้ต้องหาฉบับใหม่ต่อโจทก์ด้วย โดยสัญญาระบุชื่อ อ. เป็นผู้ประกันแต่ผู้เดียว กรณีจึงมิใช่เรื่องจำเลยขอเปลี่ยนหลักประกัน แต่เป็นเรื่องขอถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน เมื่อจำเลยมอบตัวต่อ ส. ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์แล้วเช่นนี้ ความรับผิดของจำเลยตามสัญญาประกันที่จำเลยทำต่อโจทก์ดังกล่าว ย่อมหมดไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 116

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3545/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยขอถอนหลักประกันสัญญาประกันตัวผู้ต้องหา ความรับผิดตามสัญญาสิ้นสุดเมื่อคืนหลักทรัพย์
เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาประกัน ส.ผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ได้ยื่นหนังสือมีข้อความว่าขอถอนหลักทรัพย์อันเป็นหลักประกันเพื่อนำไปขายให้ผู้อื่น และจำเลยได้มอบตัว ส.ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์พร้อมทั้งนำหลักทรัพย์ของ อ.และพาตัว อ.มาทำสัญญาประกัน ส.ผู้ต้องหาฉบับใหม่ต่อโจทก์ด้วย โดยสัญญาระบุชื่อ อ.เป็นผู้ประกันแต่ผู้เดียว กรณีจึงมิใช่เรื่องจำเลยขอเปลี่ยนหลักประกัน แต่เป็นเรื่องขอถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน เมื่อจำเลยมอบตัวต่อ ส.ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์แล้วเช่นนี้ ความรับผิดของจำเลยตามสัญญาประกันที่จำเลยทำต่อโจทก์ดังกล่าว ย่อมหมดไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 116

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2011/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดตามสัญญาประกัน กรณีจำเลยหลบหนีไม่มาศาล ผู้ประกันต้องรับผิดแม้ศาลให้ปล่อยตัว
ผู้ประกันไม่ส่งตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะจำเลยหลบหนี ศาลชั้นต้นจึงปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญาประกัน แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ปล่อยตัวจำเลย ก็มิใช่เหตุที่ทำให้ผู้ประกันไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันเพราะความรับผิดตามสัญญาประกันเกิดจากการผิดสัญญาประกัน เมื่อผู้ประกันผิดสัญญาประกันก็หาพ้นความรับผิดไม่ ส่วนผลของคำพิพากษาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่ช่วยให้ผู้ประกันพ้นความรับผิดตามสัญญาประกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2011/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ประกันจากการที่จำเลยหลบหนีไม่มาศาล แม้ศาลมีคำพิพากษาปล่อยตัว ก็ยังต้องรับผิดตามสัญญาประกัน
ผู้ประกันไม่ส่งตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะจำเลยหลบหนี ศาลชั้นต้นจึงปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญาประกันแม้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ปล่อยตัวจำเลยก็มิใช่เหตุที่ทำให้ผู้ประกันไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันเพราะความรับผิดตามสัญญาประกันเกิดจากการผิดสัญญาประกันเมื่อผู้ประกันผิดสัญญาประกันก็หาพ้นความรับผิดไม่ ส่วนผลของคำพิพากษาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่ช่วยให้ผู้ประกันพ้นความรับผิดตามสัญญาประกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4282/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบตัวจำเลยหลังถูกจำคุกในคดีอื่น ถือเป็นการถอนประกันเดิม ศาลไม่สามารถปรับนายประกันได้
การที่ผู้ประกันยื่นคำร้องแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบว่า จำเลยซึ่งศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยมีประกันถูกศาลชั้นต้นนั้นพิพากษาให้จำคุกในอีกคดีหนึ่ง และตัวจำเลยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ถือได้ว่าผู้ประกันได้ส่งมอบตัวจำเลยต่อศาลชั้นต้นแล้ว และการที่ศาลชั้นต้นนั้นสั่งเบิกคืนหลักประกันให้ผู้ประกันในวันเดียวกันนั้นเอง ก็เป็นการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ประกันถอนประกันจำเลยแล้ว มิฉะนั้นศาลชั้นต้นคงไม่ยินยอมให้เบิกคืนหลักประกันที่ให้ไว้ไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันตัว: ผลผูกพันจนกว่าจำเลยจะมอบตัวต่อศาล แม้ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา
ผู้ประกันทำสัญญาประกันจำเลยต่อศาลชั้นต้น ต่อมาศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันอ้างว่าผิดสัญญาประกัน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับโดยฟังว่าผู้ประกันยังมิได้ผิดสัญญาประกัน เช่นนี้สัญญาประกันยังไม่สิ้นสุด หลังจากนั้นผู้ประกันไม่ส่งตัวจำเลยต่อศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ตามคำสั่งศาลชั้นต้น ย่อมถือว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกัน เพราะสัญญาประกันมีผลผูกพันผู้ประกันอยู่จนกว่าผู้ประกันจะนำจำเลยส่งมอบต่อศาล
of 4