พบผลลัพธ์ทั้งหมด 304 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการปล้นทรัพย์: การถือปืนขู่ขัดขวางความช่วยเหลือผู้เสียหายถือเป็นเจตนาช่วยเหลือการปล้นทรัพย์
ในการปล้นทรัพย์ จำเลยถือปืนจ้องระวังอยู่หน้าบันไดเรือนผู้เสียหายเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยคอยขัดขวางมิให้คนมาช่วยผู้เสียหายซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่ง เพื่อให้การปล้นทรัพย์บรรลุผลสำเร็จ เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ประกอบด้วยมาตรา 83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้นชู้สาว ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเหตุเกิดจากบันดาลโทสะ
ผู้ตายมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภรรยาจำเลย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพาภรรยาจำเลยไปค้างที่อื่น จำเลยจึงไปหาผู้ตาย ณ ที่ทำงานเพื่อขอให้ผู้ตายส่งภรรยาของจำเลยคืน ไม่ได้ตั้งใจไปทำร้ายผู้ตายเมื่อพบผู้ตาย ผู้ตายหลบหนีจำเลยเข้าไปในห้องน้ำ จำเลยจึงเกิดมีความโกรธขึ้นได้ตามเข้าไปแทงผู้ตายในห้องน้ำถึงแก่ความตายด้วยอาวุธที่จำเลยพกติดตัวมา ดังนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน แม้มีอาวุธติดตัว เหตุเกิดจากความโมโหและผู้ตายหลบหนี
ผู้ตายมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภรรยาจำเลย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพาภรรยาจำเลยไปค้างที่อื่น จำเลยจึงไปหาผู้ตาย ณ ที่ทำงาน เพื่อขอให้ผู้ตายส่งภรรยาของจำเลยคืน ไม่ได้ตั้งใจไปทำร้ายผู้ตายเมื่อพบผู้ตาย ผู้ตายหลบหนีจำเลยเข้าไปในห้องน้ำ จำเลยจึงเกิดมีความโกรธขึ้นได้ตามเข้าไปแทงผู้ตายในห้องน้ำถึงแก่ความตายด้วยอาวุธที่จำเลยพกติดตัวมา ดังนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924-1925/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ vs ยักยอก: การครอบครองทรัพย์ของลูกจ้าง และเจตนาในการกระทำผิด
การที่เจ้าของเรือให้จำเลยกับพวกซึ่งเป็นลูกจ้างนำเรือพร้อมทั้งอวนและสิ่งของเครื่องใช้ไปจับปลาในทะเลในระยะเวลา 2 วัน เมื่อจับปลาเสร็จก็ต้องนำเรือกลับมามอบให้แก่เจ้าของเรือเป็นกิจวัตรในการปฏิบัติหน้าที่ของลูกจ้าง ดังนี้ การครอบครองเรือพร้อมทั้งอวนและเครื่องใช้จึงอยู่ในความครอบครองของนายจ้างเจ้าของทรัพย์ เมื่อจำเลยได้เอาเรือและอวน สิ่งของเครื่องใช้ไปซุกซ่อนแล้วบอกขายโดยเจตนาทุจริต จึงเป็นการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่รับของโจร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงต่างกับฟ้องลงโทษจำเลยไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงต่างกับฟ้องลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924-1925/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์เรือและฐานความผิดจากการทำร้ายร่างกายเพื่อปกปิดความผิด ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
การที่เจ้าของเรือให้จำเลยกับพวกซึ่งเป็นลูกจ้างนำเรือพร้อมทั้งอวนและสิ่งของเครื่องใช้ไปจับปลาในทะเลในระยะเวลา 2 วัน เมื่อจับปลาเสร็จก็ต้องนำเรือกลับมามอบให้แก่เจ้าของเรือเป็นกิจวัตรในการปฏิบัติหน้าที่ของลูกจ้าง ดังนี้ การครอบครองเรือพร้อมทั้งอวนและเครื่องใช้จึงอยู่ในความครอบครองของนายจ้างเจ้าของทรัพย์เมื่อจำเลยได้เอาเรือและอวน สิ่งของเครื่องใช้ไปซุกซ่อนแล้วบอกขายโดยเจตนาทุจริต จึงเป็นการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่รับของโจร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงต่างกับฟ้องลงโทษจำเลยไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงต่างกับฟ้องลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1909/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึด ไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ ขอให้ปล่อยทรัพย์จากการบังคับคดี
เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึดไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1909/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึด ไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์เพื่อปล่อยทรัพย์
เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึดไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาไม่ถือกำหนดเวลาชำระเงินเคร่งครัด สัญญาไม่เลิก การบอกกล่าวให้ชำระหนี้สำคัญกว่าริบเงิน
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินของจำเลยโดยมีข้อสัญญาว่า ให้โจทก์ผ่อนชำระราคา 60 เดือน กำหนดให้ชำระภายในวันที่ 5 ของเดือน ถ้าผิดนัดโจทก์ยอมให้จำเลยริบเงินที่ชำระแล้ว โดยไม่ต้องทวงถามกันอีก และให้ถือว่าเป็นการเลิกสัญญาด้วย โจทก์ชำระตามกำหนดเพียง 8 งวด ต่อจากนั้นได้ชำระคลาดเคลื่อนไปจากวันที่กำหนดไว้บ้าง 2 เดือน 3 เดือนชำระครั้งบ้าง แม้กระทั่งค้างชำระอยู่ถึง 10 งวดแล้วจึงชำระในคราวเดียวกัน จำเลยก็ยอมรับชำระตลอดมา แสดงว่าโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาถือเอากำหนดเวลาชำระเงินค่าที่ดินเคร่งครัดตามข้อสัญญา ต่อมาโจทก์มิได้ชำระเงินอยู่ปีกว่า แล้วจึงส่งเงินที่ยังค้างอยู่ทั้งหมดชำระให้ในคราวเดียวกัน จำเลยจะไม่ยอมรับเงินโดยถือว่าสัญญาได้เลิกกันแล้วและริบเงินที่ได้ชำระแล้วเสีย ดังนี้ หาได้ไม่ เพราะเมื่อไม่ถือเอากำหนดเวลาชำระเงินเป็นข้อผูกพันซึ่งกันและกันแล้ว เมื่อครบกำหนด 60 เดือนตามสัญญา โจทก์ยังชำระหนี้ไม่ครบ จำเลยมีหน้าที่ต้องบอกกล่าวให้โจทก์ชำระหนี้ภายในระยะเวลาพอสมควร หากโจทก์ยังไม่ชำระ จำเลยจึงจะมีสิทธิเลิกสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาไม่ถือกำหนดชำระเคร่งครัด สัญญาไม่เลิก จำเลยต้องบอกกล่าวทวงหนี้ก่อนเลิกสัญญา
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินของจำเลยโดยมีข้อสัญญาว่า ให้โจทก์ผ่อนชำระราคา 60 เดือน กำหนดให้ชำระภายในวันที่ 5 ของเดือน ถ้าผิดนัดโจทก์ยอมให้จำเลยริบเงินที่ชำระแล้ว โดยไม่ต้องทวงถามกันอีก และให้ถือว่าเป็นการเลิกสัญญาด้วย โจทก์ชำระตามกำหนดเพียง 8 งวด ต่อจากนั้นได้ชำระคลาดเคลื่อนไปจากวันที่กำหนดไว้บ้าง 2 เดือน 3 เดือนชำระครั้งบ้าง แม้กระทั่งค้างชำระอยู่ถึง 10 งวดแล้วจึงชำระในคราวเดียวกัน จำเลยก็ยอมรับชำระตลอดมา แสดงว่าโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาถือเอากำหนดเวลาชำระเงินค่าที่ดินเคร่งครัดตามข้อสัญญา ต่อมาโจทก์มิได้ชำระเงินอยู่ปีกว่า แล้วจึงส่งเงินที่ยังค้างอยู่ทั้งหมดชำระให้ในคราวเดียวกัน จำเลยจะไม่ยอมรับเงินโดยถือว่าสัญญาได้เลิกกันแล้วและริบเงินที่ได้ชำระแล้วเสีย ดังนี้ หาได้ไม่ เพราะเมื่อไม่ถือเอากำหนดเวลาชำระเงินเป็นข้อผูกพันซึ่งกันและกันแล้ว เมื่อครบกำหนด 60 เดือนตามสัญญา โจทก์ยังชำระหนี้ไม่ครบ จำเลยมีหน้าที่ต้องบอกกล่าวให้โจทก์ชำระหนี้ภายในระยะเวลาพอสมควร หากโจทก์ยังไม่ชำระจำเลยจึงจะมีสิทธิเลิกสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนรับผิดร่วมกันในความเสียหายจากการกระทำของหุ้นส่วนอีกฝ่ายหนึ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับด้วยความประมาทชนรถของโจทก์เสียหาย ขอให้ร่วมกันและแทนกันชำระค่าเสียหาย จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกรถยนต์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรงงานร่วมกันรับจ้างบรรทุกของของผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 2 นำสืบในทำนองนี้ และว่าจำเลยที่ 2ไม่ได้ตกลงทำสัญญารับจ้างขนของรายนั้น จำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปตกลงเองผลประโยชน์แบ่งกันคนละครึ่ง ดังนี้ เห็นได้ว่าการดำเนินกิจการเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ ระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 เข้าลักษณะเป็นหุ้นส่วนกัน โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรง จำเลยที่ 2 เป็น ผู้ออกทรัพย์เมื่อการกระทำของหุ้นส่วนทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกันและแทนกัน และคดีนี้โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนด้วย คดีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 หรือไม่