พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีป่าไม้: การพิสูจน์การมีผลใช้บังคับของกฎหมายและประกาศ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ได้ มีพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้ามพ.ศ. 2530 กำหนดให้ไม้ตะเคียน หินในป่าท้องที่ทุกจังหวัดเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรได้ ออกประกาศให้กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตลอด เขตท้องที่ทุกจังหวัดดัง ปรากฏรายละเอียดตาม สำเนาประกาศท้ายฟ้อง พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวได้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาพ้นกำหนดเก้า สิบวันนับแต่วันประกาศแล้ว ในสำเนาประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องซึ่งถือ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องนั้น ปรากฏว่าประกาศดังกล่าวได้ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว กรณีจึงเท่ากับว่าโจทก์ได้ บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าประกาศนั้นได้ มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษามาพ้นเก้า สิบวันนับแต่วันประกาศตาม มาตรา 47แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ และเมื่อตาม ฟ้องของโจทก์ฟังได้ว่าพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 ได้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษามาพ้นกำหนดเก้า สิบวันนับแต่วันประกาศแล้วพระราชกฤษฎีกาฉบับ ดังกล่าวย่อมมีผลใช้ บังคับได้ เป็นกฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำความผิด แม้โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาพร้อมกับฟ้อง ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์แต่ประการใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาป่าไม้: การบรรยายฟ้องประกาศและพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้ามพ.ศ. 2530 กำหนดให้ไม้ตะเคียนหินในป่าท้องที่ทุกจังหวัดเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรได้ออกประกาศให้กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตลอดเขตท้องที่ทุกจังหวัดดังปรากฏรายละเอียดตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศแล้ว ในสำเนาประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องนั้น ปรากฏว่าประกาศดังกล่าวได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว กรณีจึงเท่ากับว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าประกาศนั้นได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษามาพ้นเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศตาม มาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ และเมื่อตามฟ้องของโจทก์ฟังได้ว่าพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามาพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศแล้วพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้เป็นกฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำความผิด แม้โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาพร้อมกับฟ้อง ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์แต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4029/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางในความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องมือเพื่อทำการเลื่อยไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิม และเจ้าพนักงานยึดไม้ยางพารา แปรรูปจำนวน 50 แผ่น ปริมาตร 0.00399 ลูกบาศก์เมตรและเครื่องเลื่อยวงเดือนขนาด 3 แรงม้า 2 เครื่อง ขนาด 5 แรงม้า 1 เครื่อง และมอเตอร์ ไฟฟ้า 3 ลูก เป็นของกลาง เมื่อฟ้องของโจทก์ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 48 ก็ไม่อาจถือได้ว่าไม้แปรรูปของกลางได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ อันจะพึงริบได้ตามมาตรา 74 และด้วยเหตุนี้ การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นเพียงการไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้เท่านั้นไม้แปรรูปของกลางจึงไม่อาจริบได้ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ของกลางก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 74 ทวิ จึงริบเครื่องเลื่อยวงเดือนและมอเตอร์ ไฟฟ้าของกลางไม่ได้เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4029/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางในความผิดพ.ร.บ.ป่าไม้: ไม้แปรรูปต้องได้มาจากการกระทำผิดจึงริบได้, เครื่องมือต้องใช้ในการกระทำผิด
จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องมือเพื่อทำการเลื่อยไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิมโดยไม่ได้รับอนุญาต และเจ้าพนักงานยึดไม้ยางพาราแปรรูปจำนวน 50 แผ่น ปริมาตร 0.00399 ลูกบาศก์เมตรและเครื่องเลื่อยวงเดือนขนาด 3 แรงม้า 2 เครื่อง ขนาด 5 แรงม้า1 เครื่อง และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ลูก เป็นของกลาง โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับไม้ของกลางเพียงว่าเป็นไม้ที่ได้มาและมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้แปรรูปไม้ของกลาง และไม้ของกลางมีจำนวนไม่เกิน 0.20ลูกบาศก์เมตร จำเลยจึงไม่อาจมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 48 กรณีไม่อาจถือได้ว่าไม้แปรรูปของกลางได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ อันจะพึงริบได้ตามมาตรา 74 การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นเพียงการไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้เท่านั้นไม้แปรรูปของกลางจึงไม่อาจริบได้ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ของกลางก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม มาตรา 74 ทวิจึงริบเครื่องเลื่อยวงเดือนและมอเตอร์ไฟฟ้าของกลางไม่ได้เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4029/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางในความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และการพิสูจน์ความผิดเกี่ยวกับไม้แปรรูป
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องมือเพื่อทำการเลื่อยไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิม และเจ้าพนักงานยึดไม้ยางพารา แปรรูปจำนวน 50 แผ่น ปริมาตร 0.00399 ลูกบาศก์เมตรและเครื่องเลื่อยวงเดือนขนาด 3 แรงม้า 2 เครื่อง ขนาด 5 แรงม้า1 เครื่อง และมอเตอร์ ไฟฟ้า 3 ลูก เป็นของกลาง เมื่อฟ้องของโจทก์ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 48 ก็ไม่อาจถือได้ว่าไม้แปรรูปของกลางได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯอันจะพึงริบได้ตามมาตรา 74 และด้วยเหตุนี้ การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นเพียงการไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้เท่านั้นไม้แปรรูปของกลางจึงไม่อาจริบได้ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ของกลางก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 74 ทวิ จึงริบเครื่องเลื่อยวงเดือนและมอเตอร์ ไฟฟ้าของกลางไม่ได้เช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายไม้แปรรูปที่ยังไม่เป็นสิ่งประดิษฐ์ ฝ่าฝืนข้อกำหนดควบคุมการแปรรูปไม้
ไม้ของกลางของ ท. ซึ่งเป็นไม้ที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายถูกส่งไปที่โรงงานของจำเลยซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปไม้เพื่อทำเป็นเครื่องเรือนสำเร็จรูปตามคำสั่งของท. จำเลยทำไม้แล้วส่งต่อไปยังบริษัท ม. จำกัดเพื่อบรรจุหีบห่อ เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าไม้ของกลางยังเป็นไม้แปรรูปไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ จำเลยส่งไม้ออกไปที่อื่นจึงเป็นการจำหน่ายหรือโอนออกไปเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดฉบับที่ 6(พ.ศ. 2520) ข้อ 15 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ว่าด้วยการควบคุมการแปรรูปไม้ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 58,73 ทวิ และความผิดดังกล่าวโจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และเขตควบคุมสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามตามมาตรา 47 และ53 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้และการจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้ของกลางของ ท. ซึ่งเป็นไม้ที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายถูกส่งไปที่โรงงานของจำเลยซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปไม้เพื่อทำเป็นเครื่องเรือนสำเร็จรูปตามคำสั่งของท. จำเลยทำไม้แล้วส่งต่อไปยังบริษัท ม. จำกัดเพื่อบรรจุหีบห่อ เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าไม้ของกลางยังเป็นไม้แปรรูปไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ จำเลยส่งไม้ออกไปที่อื่นจึงเป็นการจำหน่ายหรือโอนออกไปเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดฉบับที่ 6(พ.ศ. 2520) ข้อ 15 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ว่าด้วยการควบคุมการแปรรูปไม้ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 58,73 ทวิ และความผิดดังกล่าวโจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และเขตควบคุมสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามตามมาตรา 47 และ53 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3681/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดควบคุมการแปรรูปไม้
ไม้ของกลางของ ท. ซึ่งเป็นไม้ที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายถูกส่งไปที่โรงงานของจำเลยซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปไม้เพื่อทำเป็น เครื่องเรือนสำเร็จรูปตามคำสั่งของ ท. จำเลยทำไม้แล้วส่งต่อไปยังบริษัท ม. จำกัด เพื่อบรรจุหีบห่อเมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าไม้ของกลางยังเป็นไม้แปรรูปไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ จำเลยส่งไม้ออกไปที่อื่นจึงเป็นการจำหน่ายหรือโอนออกไป เป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดฉบับที่ 6 (พ.ศ.2520) ข้อ 15 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ว่าด้วยการควบคุมการแปรรูปไม้ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 58, 73 ทวิ และความผิดดังกล่าวโจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และเขตควบคุมสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามตามมาตรา 47 และ 53 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3681/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตฝ่าฝืนข้อกำหนดควบคุมการแปรรูปไม้
ไม้ของกลางของ ท. ซึ่งเป็นไม้ที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายถูกส่งไปที่โรงงานของจำเลยซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปไม้เพื่อทำเป็นเครื่องเรือนสำเร็จรูปตามคำสั่งของ ท. จำเลยทำไม้แล้วส่งต่อไปยังบริษัท ม. จำกัด เพื่อบรรจุหีบห่อเมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าไม้ของกลางยังเป็นไม้แปรรูปไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ จำเลยส่งไม้ออกไปที่อื่นจึงเป็นการจำหน่ายหรือโอนออกไป เป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดฉบับที่ 6(พ.ศ.2520)ข้อ 15 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484ว่าด้วยการควบคุมการแปรรูปไม้ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช2484 มาตรา 58,73 ทวิ และความผิดดังกล่าวโจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และเขตควบคุมสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามตามมาตรา 47 และ53 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4770/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตควบคุมการแปรรูปไม้, ความสมบูรณ์ของฟ้อง, อำนาจสอบสวน: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ริบของกลางทั้งหมดศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนของกลางบางส่วนแก่จำเลย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ศาลอุทธรณ์คงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยได้ทราบประกาศเขตควบคุมการแปรรูปไม้ของทางราชการแล้ว ดังนี้โจทก์ได้ระบุมาในฟ้องแล้วว่า สถานที่ซึ่งจำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ แม้โจทก์มิได้แนบประกาศเขตควบคุมการแปรรูปไม้มาพร้อมฟ้อง ก็เป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) เขตควบคุมมีอาณาบริเวณเพียงใด จำเลยกระทำผิดภายในเขตควบคุมหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้
อำนาจของพนักงานสอบสวนจะมีประการใดย่อมเป็นไปตามกฎหมาย และข้อบังคับทั้งหลายของทางราชการที่ระบุถึงอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนนั้น ๆ ไว้ ดังนั้นการที่จะฟังว่าพนักงานสอบสวนผู้ใดมีอำนาจในการสอบสวนหรือไม่จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยได้ทราบประกาศเขตควบคุมการแปรรูปไม้ของทางราชการแล้ว ดังนี้โจทก์ได้ระบุมาในฟ้องแล้วว่า สถานที่ซึ่งจำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ แม้โจทก์มิได้แนบประกาศเขตควบคุมการแปรรูปไม้มาพร้อมฟ้อง ก็เป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) เขตควบคุมมีอาณาบริเวณเพียงใด จำเลยกระทำผิดภายในเขตควบคุมหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้
อำนาจของพนักงานสอบสวนจะมีประการใดย่อมเป็นไปตามกฎหมาย และข้อบังคับทั้งหลายของทางราชการที่ระบุถึงอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนนั้น ๆ ไว้ ดังนั้นการที่จะฟังว่าพนักงานสอบสวนผู้ใดมีอำนาจในการสอบสวนหรือไม่จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง