พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงแบ่งผลผลิตข้าวแทนดอกเบี้ย ไม่ถือเป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา และสัญญากู้ใหม่ไม่รวมดอกเบี้ยเดิม
(1) การที่จำเลยกู้เงินโจทก์และตกลงกันให้จำเลยทำนาแบ่งผลข้าวที่ทำได้แต่ละปีแทนดอกเบี้ย บางปีได้มากบางปีได้น้อยจะถือว่ารายได้ของโจทก์ที่มากเกินกว่าอัตราที่กฎหมายรับรู้นั้นเป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราหาได้ไม่
(2) อนึ่ง การที่จำเลยเป็นหนี้ไม่ส่งข้าวเปลือกดังกล่าวตลอดมาจึงตกลงทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้จะอ้างว่าสัญญานี้รวมดอกเบี้ยเกินกำหนดเข้าไว้ด้วยไม่ได้
(2) อนึ่ง การที่จำเลยเป็นหนี้ไม่ส่งข้าวเปลือกดังกล่าวตลอดมาจึงตกลงทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้จะอ้างว่าสัญญานี้รวมดอกเบี้ยเกินกำหนดเข้าไว้ด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงแบ่งผลข้าวแทนดอกเบี้ยไม่ถือเป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา และสัญญากู้ใหม่ไม่รวมดอกเบี้ยเดิม
(1) การที่จำเลยกู้เงินโจทก์และตกลงกันให้จำเลยทำนาแบ่งผลข้าวที่ทำได้แต่ละปีแทนดอกเบี้ย บางปีได้มาก บางปีได้น้อย จะถือว่ารายได้ของโจทก์ที่มากเกินกว่าอัตราที่กฎหมายรับรู้นั้นเป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราหาได้ไม่
(2) อนึ่ง การที่จำเลยเป็นหนี้ไม่ส่งข้าวเปลือกดังกล่าวตลอดมาจึงตกลงทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้ จะอ้างว่าสัญญานี้รวมดอกเบี้ยเกินกำหนดเข้าไว้ด้วยไม่ได้
(2) อนึ่ง การที่จำเลยเป็นหนี้ไม่ส่งข้าวเปลือกดังกล่าวตลอดมาจึงตกลงทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้ จะอ้างว่าสัญญานี้รวมดอกเบี้ยเกินกำหนดเข้าไว้ด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลาย: เจ้าหนี้ตามสัญญาผ่อนชำระหนี้มีสิทธิฟ้องได้ แม้ไม่ได้โอนหนี้ และการจำหน่ายคดีเมื่อจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายแล้ว
จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ ส. 30,000 บาท ได้ออกเช็คเป็นการชำระหนี้ให้ก็ขึ้นเงินไม่ได้ และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราจนจำเลยที่ 1 ต้องเปลี่ยนเช็คให้ใหม่เรื่อยมา ในที่สุดได้ทำสัญญาให้แก่โจทก์ว่าจะผ่อนใช้หนี้ 62,000 บาทให้โจทก์ โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน แม้จะฟังว่าหนี้รายนี้สมบูรณ์เพียงต้นเงิน 30,000 บาท ส่วนดอกเบี้ยเกินอัตราตกเป็นโมฆะไป หนี้ 30,000 บาทนี้ก็ยังผูกพันจำเลย โจทก์ได้ทวงถามสองครั้งในระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน แม้จะทวงถามให้ชำระ 62,000 บาท เกินไปกว่าจำนวนที่ลูกหนี้ต้องผูกพัน จำเลยก็ไม่สามารถชำระหนี้ให้โจทก์ได้ และมีพฤติการณ์ที่ฟังได้ ว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว ศาลย่อมมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด
แม้จำเลยจะไม่ใช่ลูกหนี้โจทก์ แต่เอกสารผ่อนชำระหนี้และค้ำประกันที่โจทก์นำมาฟ้องแสดงว่าโจทก์เป็นตัวเจ้าหนี้เอง เมื่อโจทก์จำเลยตกลงกันระบุให้โจทก์มีฐานะเป็นเจ้าหนี้เองแล้ว ก็ไม่ต้องพิสูจน์ว่าโจทก์รับโอนหนี้มาอย่างไร โจทก์ย่อมฟ้องจำเลย (เป็นคดีล้มละลาย) ตามข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว ความจึงปรากฏแก่ศาลว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายตามคดีอีกสำนวนหนึ่ง ซึ่งคดีนั้นศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนคำสั่งในคดีนี้ ศาลสูงย่อมสั่งจำหน่ายคดี
แม้จำเลยจะไม่ใช่ลูกหนี้โจทก์ แต่เอกสารผ่อนชำระหนี้และค้ำประกันที่โจทก์นำมาฟ้องแสดงว่าโจทก์เป็นตัวเจ้าหนี้เอง เมื่อโจทก์จำเลยตกลงกันระบุให้โจทก์มีฐานะเป็นเจ้าหนี้เองแล้ว ก็ไม่ต้องพิสูจน์ว่าโจทก์รับโอนหนี้มาอย่างไร โจทก์ย่อมฟ้องจำเลย (เป็นคดีล้มละลาย) ตามข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว ความจึงปรากฏแก่ศาลว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายตามคดีอีกสำนวนหนึ่ง ซึ่งคดีนั้นศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนคำสั่งในคดีนี้ ศาลสูงย่อมสั่งจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มูลหนี้ดอกเบี้ยเกินกฎหมายทำให้เช็คไม่มีผลผูกพันทางอาญา ผู้รับเช็คไม่มีสิทธิเรียกร้องเงิน
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้เรียกร้องเอาดอกเบี้ยจำนองเกินจากที่กำหนดในสัญญา เรียกเอาประโยชน์เพิ่มนอกจากดอกเบี้ยที่ต้องเสีย และเป็นเรื่องดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย อันเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา และจำเลยได้ออกเช็คแก่โจทก์เพื่อชำระเงินดังกล่าว แม้ธนาคารจะไม่มีเงินพอจ่ายให้ตามเช็คเมื่อโจทก์ไปรับเงินนั้นก็ดี จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดแต่การใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 เพราะโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะทำได้ และไม่มีสิทธิเรียกร้องบังคับให้ใช้เงินจำนวนตามเช็คนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อเชื่อชำระด้วยข้าวเปลือก ไม่ใช่กู้ยืมเงินหรือไม่ซื้อเชื่อข้าว
จำเลยเอาสินค้าจากร้านบิดาของโจทก์ โดยโจทก์รับผิดชอบชำระราคาแทนทั้งนี้โดยจำเลยทำหลักฐานให้โจทก์ไว้ว่าจะนำข้าวเปลือกเหนียวชำระให้โจทก์แทนค่าสินค้า แม้ราคาข้าวจะขึ้นลงอย่างไรก็ตามดังนี้ แม้จำนวนและราคาข้าวจะเกินราคาสิ่งของไปมากเพียงใดก็ตามก็เป็นเรื่องผูกพันชำระหนี้กันตามสัญญานั้น ไม่ใช่เรื่องกู้ยืมเงินหรือซื้อเชื่อข้าวจึงไม่ตกอยู่ในบังคับประกาศห้ามตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ.1239 พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อเชื่อชำระด้วยข้าวเปลือก ไม่ใช่กู้ยืมเงิน จึงไม่อยู่ภายใต้กฎหมายห้ามตกข้าวและจำกัดดอกเบี้ย
จำเลยเอาสินค้าจากร้านบิดาของโจทก์ไป โดยโจทก์รับผิดชอบชำระราคาแทน ทั้งนี้ โดยจำเลยทำหลักฐานให้โจทก ์ไว้ว่า จะนำข้าเปลือกเหนียวชำระให้โจทก์แทนค่าสินค้า แม้ราคาข้าวจะขึ้นลงอย่างไรก็ตาม ดังนี้ แม้จำนวนและราคาข้าวจะเกินราคาสิ่งของมากไป เพียงใดก็ตาม ก็เป็นเรื่องผูกพันชำระหนี้กันตามสัญญานั้น ไม่ใช่เรื่องกู้ยืมเงิน หรือซื้อเชื่อข้าว จึงไม่ตกอยู่ในบังคับประกาศห้ามตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ. 1239 พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3, 4 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้กู้ตกลงรับดอกเบี้ยเกินอัตรา ไม่เป็นผู้เสียหายในคดีเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ศาลรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ร่วมได้
ผู้กู้ที่ยอมตกลงในการกู้ให้เขาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น ไม่ใช่ผู้เสียหายในกรณีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา (อ้างฎีกาที่ 642/2486, 1222/2502)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีแล้วภายหลังปรากฏว่าผู้อ้างไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้ผู้นั้นไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิงมานั้น ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัย ข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องฟังเฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน (ฎีกาที่ 133/134 /2491)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีแล้วภายหลังปรากฏว่าผู้อ้างไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้ผู้นั้นไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิงมานั้น ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัย ข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องฟังเฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน (ฎีกาที่ 133/134 /2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมชำระดอกเบี้ยเกินอัตรา ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราโดยบรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้กู้เงินจำเลยรวม 32,000 บาท โจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาทต่อเดือน ดอกเบี้ยนี้โจทก์ได้ชำระให้จำเลยตามที่จำเลยเรียกร้องเอาเสมอมา ดังนี้ แสดงว่าโจทก์ยินยอมตามที่จำเลยเรียกร้องเสียเอง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมชำระดอกเบี้ยเกินอัตรา ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราโดยบรรยายฟ้อง โจทก์ได้กู้เงินจำเลยรวม 32,000 บาท โจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาทต่อเดือน ดอกเบี้ยนี้โจทก์ได้ชำระให้จำเลยตามที่จำเลยเรียกร้องเอาเสมอมา ดังนี้ แสดงว่า โจทก์ยินยอมตามที่จำเลยเรียกร้องเสียเอง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย