พบผลลัพธ์ทั้งหมด 167 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1563-1564/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนทรัพย์สินไม่ใช่การฟ้องละเมิด อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ไม่ใช้บังคับ
จังหวัดฟ้องข้าราชการสังกัดจังหวัดนั้น ขอให้คืนหรือใช้เงินที่เบิกไปโดยไม่มีสิทธิเบิกกับเงินที่เบิกเกินสมควร เป็นเรื่องเจ้าของทรัพย์สินที่จำเลยผู้กระทำการอันมิชอบ ยึดถือครอบครองไว้โดยไม่มีสิทธิซึ่งเจ้าของมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องฟ้องเรียกค่าเสียหาย อันเกิดแต่มูลละเมิดจะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตเลื่อนการสืบพยานเนื่องจากทนายโจทก์ติดว่าความในคดีอื่น ศาลพิจารณาจากความไม่ประมาทและไม่ได้ประวิงคดี
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนสืบพยานโจทก์ โดยอ้างเหตุว่าติดว่าความในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2634/2509 ซึ่งศาลแพ่งส่งประเด็นไปสืบพยานโจทก์ที่ศาลจังหวัดสุรินทร์และนัดไว้ก่อนคดีนี้ จึงไม่สามารถมาว่าความในคดีนี้ได้ จำเลยรับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้านในเบื้องต้นจึงรับฟังได้ว่าทนายโจทก์ติดว่าความที่ศาลจังหวัดสุรินทร์ ทนายโจทก์หาได้หลีกเลี่ยงหรือไม่สนใจในคดีนี้ไม่ ทั้งเมื่อศาลกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบแล้ว ทนายโจทก์ยังได้มายื่นระบุพยานและยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งออกหมายเรียกพยานเอกสารมานำสืบในวันเวลาที่ศาลกำหนดไว้ มิได้ละเลยหรือไม่นำพาต่อคดีของโจทก์แต่อย่างใดและไม่ปรากฏว่าทนายโจทก์ดำเนินการในทำนองประวิงคดีให้ชักช้ากรณีจึงมีเหตุอันสมควรอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตเลื่อนการสืบพยานเมื่อทนายโจทก์ติดว่าความในคดีอื่น ศาลพิจารณาจากความสุจริตและไม่ได้ประวิงคดี
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนสืบพยานโจทก์ โดยอ้างเหตุว่าติดว่าความในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2634/2509 ซึ่งศาลแพ่งส่งประเด็นไปสืบพยานโจทก์ที่ศาลจังหวัดสุรินทร์และนัดไว้ก่อนคดีนี้ จึงไม่สามารถมาว่าความในคดีนี้ได้ จำเลยรับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน ในเบื้องต้นจึงรับฟังได้ว่าทนายโจทก์ติดว่าความที่ศาลจังหวัดสุรินทร์ ทนายโจทก์หาได้หลีกเลี่ยงหรือไม่สนใจในคดีนี้ไม่ ทั้งเมื่อศาลกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบแล้ว ทนายโจทก์ยังได้มายื่นระบุพยานและยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งออกหมายเรียกพยานเอกสารมานำสืบในวันเวลาที่ศาลกำหนดไว้ มิได้ละเลยหรือไม่นำพาต่อคดีของโจทก์แต่อย่างใดและไม่ปรากฏว่าทนายโจทก์ดำเนินการในทำนองประวิงคดีให้ชักช้ากรณีจึงมีเหตุอันสมควรอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเกิน 3 ปี ต้องจดทะเบียน การบังคับคดีตามสัญญาเช่าที่ไม่ได้จดทะเบียนมีผลใช้ได้เพียง 3 ปี
ตามมาตรา 538 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าการเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การเช่าที่โจทก์จำเลยตกลงกันมีกำหนด 28 ปีแม้ได้ทำเป็นหนังสือ แต่ก็ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์จึงฟ้องบังคับให้จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินรายพิพาทที่กำหนด28 ปี และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หาได้ไม่ การเช่ารายพิพาทคงยังมีผลบังคับได้แต่เพียงสามปี เพราะถ้ายอมให้บังคับคดีได้เต็มตามฟ้อง ก็เท่ากับยอมให้ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ระหว่างกันเองให้มีผลผูกพันเกินสามปีได้ โดยไม่จำต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นการขัดบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว การที่โจทก์จำเลยยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเพื่อจะเช่าที่ดินต่อกัน ตามเอกสารหมาย จ.3ยังถือไม่ได้ว่าได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ดังที่กฎหมายบัญญัติไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเกิน 3 ปี ต้องจดทะเบียน มิฉะนั้นมีผลบังคับใช้ได้เพียง 3 ปี
ตามมาตรา 538 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าการเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การเช่าที่โจทก์จำเลยตกลงกันมีกำหนด 28 ปี แม้ได้ทำเป็นหนังสือ แต่ก็ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์จึงฟ้องบังคับให้จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินรายพิพาทที่กำหนด 28 ปี และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หาได้ไม่ การเช่ารายพิพาทคงยังมีผลบังคับได้แต่เพียงสามปี เพราะถ้ายอมให้บังคับคดีได้เต็มตามฟ้อง ก็เท่ากับยอมให้ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ระหว่างกันเองให้มีผลผูกพันเกินสามปีได้ โดยไม่จำต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นการขัดบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว การที่โจทก์จำเลยยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเพื่อจะเช่าที่ดินต่อกันตามเอกสารหมาย จ.3ยังถือไม่ได้ว่าได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ดังที่กฎหมายบัญญัติไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน เป็นโมฆะ
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ซึ่งเป็นบิดาผู้เยาว์มีข้อความว่า จำเลยยินยอมชดใช้เงินให้แก่โจทก์ โดยจะนำเงินมามอบให้ในวันที่ได้กำหนดไว้ หากถึงกำหนดวันนั้น จำเลยไม่ชำระ โจทก์จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่ถ้าจำเลยปฏิบัติตามข้อตกลง โจทก์ก็จะถอนคดีด้วยความเต็มใจ การที่จำเลยยินยอมชดใช้เงินให้แก่โจทก์ก็เพราะจำเลยประสงค์ให้โจทก์ถอนคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์ที่ได้แจ้งความไว้ แต่ความผิดฐานพรากผู้เยาว์นี้เป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ ฉะนั้น ข้อตกลงดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ เพราะมีวัตถุประสงค์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน (อ้างฎีกาที่ 1181/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความที่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนเป็นโมฆะ
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ซึ่งเป็นบิดาผู้เยาว์มีข้อความว่า จำเลยยินยอมชดใช้เงินให้แก่โจทก์ โดยจะนำเงินมามอบให้ในวันที่ได้กำหนดไว้ หากถึงกำหนดวันนั้น จำเลยไม่ชำระ โจทก์จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่ถ้าจำเลยปฏิบัติตามข้อตกลง โจทก์ก็จะถอนคดีด้วยความเต็มใจ การที่จำเลยยินยอมชดใช้เงินให้แก่โจทก์ก็เพราะจำเลยประสงค์ให้โจทก์ถอนคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์ที่ได้แจ้งความไว้ แต่ความผิดฐานพรากผู้เยาว์นี้เป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ ฉะนั้น ข้อตกลงดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะเพราะมีวัตถุประสงค์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
(อ้างฎีกาที่ 1181/2491)
(อ้างฎีกาที่ 1181/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์ก่อนล้มละลายเพื่อเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายหนึ่งเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของกฎหมายล้มละลาย ศาลมีอำนาจเพิกถอนได้
ก่อนฟ้องคดีแปดวัน ลูกหนี้ได้โอนขายอาคารโรงเรียนซึ่งปลูกอยู่ในที่เช่าให้แก่เจ้าของที่ดินที่เช่า คือ ผู้คัดค้านในคดีนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ด้วยคนหนึ่งในราคา 300,000 บาท (น้อยกว่าราคาจริง)โดยไม่มีการชำระราคากัน แต่มีข้อสัญญาว่า หนี้สินต่าง ๆ ของลูกหนี้ให้ผู้คัดค้านรับเป็นลูกหนี้ชำระให้เอง ส่วนหนี้สินต่าง ๆของผู้คัดค้านที่ค้างอยู่กับลูกหนี้ ผู้คัดค้านยอมยกให้แก่ลูกหนี้ทั้งหมดลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นอีก การรับโอนของผู้คัดค้านและวิธีการชำระหนี้ของลูกหนี้ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งประสงค์ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายได้รับชำระหนี้โดยเสมอหน้ากัน การโอนทรัพย์ของลูกหนี้ดังกล่าวเห็นได้ว่า ทำให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ซึ่งมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์ก่อนล้มละลายเพื่อเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายหนึ่งขัดเจตนารมณ์กฎหมายล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิเพิกถอนได้
ก่อนฟ้องคดีแปดวัน ลูกหนี้ได้โอนขายอาคารโรงเรียนซึ่งปลูกอยู่ในที่เช่าให้แก่เจ้าของที่ดินที่เช่า คือผู้คัดค้านในคดีนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ด้วยคนหนึ่งในราคา 300,000 บาท (น้อยกว่าราคาจริง)โดยไม่มีการชำระราคากัน แต่มีข้อสัญญาว่า หนี้สินต่าง ๆ ของลูกหนี้ให้ผู้คัดค้านรับเป็นลูกหนี้ชำระให้เอง ส่วนหนี้สินต่าง ๆของผู้คัดค้านที่ค้างอยู่กับลูกหนี้ ผู้คัดค้านยอมยกให้แก่ลูกหนี้ทั้งหมดลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นอีก การรับโอนของผู้คัดค้านและวิธีการชำระหนี้ของลูกหนี้ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งประสงค์ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายได้รับชำระหนี้โดยเสมอหน้ากัน การโอนทรัพย์ของลูกหนี้ดังกล่าวเห็นได้ว่า ทำให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ซึ่งมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยเจตนาด้วยบันดาลโทสะ: การพิจารณาเหตุแห่งการกระทำและความเป็นเหตุผลของบันดาลโทสะ
ผู้ตายเข้าไปในร้านของจำเลยแล้วขอเช็คดูเพื่อชำระเงินสดให้ เมื่อจำเลยส่งเช็คให้ผู้ตาย ๆ กลับฉีกเช็คนั้นทันที ครั้นจำเลยเข้าแย่งเพื่อจะเอาเช็คนั้นกลับคืน ผู้ตายยังด่าจำเลยอีก จำเลยโมโหจึงได้หยิบมีดที่อยู่ใกล้มือแทงผู้ตายไป ถูกผู้ตายเป็นบาดแผล 3 แผลถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการบันดาลโทสะ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา