พบผลลัพธ์ทั้งหมด 309 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดิน: ความผิดฐานบุกรุกต้องมีเจตนาและที่ดินต้องชัดเจนว่าเป็นของผู้อื่น
คดียังไม่ได้ความชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของนางพอนจำเลยเข้าไปทำนาในที่พิพาทโดยนางพอนให้เข้าไปทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก ตามนัยฎีกาที่ 253/2510
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินพิพาท: เจตนาและความชัดเจนของกรรมสิทธิ์
คดียังไม่ได้ความชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของนางพอนจำเลยเข้าไปทำนาในที่พิพาทโดยนางพอนให้เข้าไปทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก ตามนัยฎีกาที่ 253/2510
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุช่วงเวลาที่จำเลยกระทำผิด ทำให้เข้าใจข้อหาได้ชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องในตอนแรกว่า เมื่อระหว่างวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2510 ถึงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2511 เวลากลางวัน และกลางคืน จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายแล้วต่อมาบรรยายรายละเอียดว่าจำเลยคนไหนมีหน้าที่อย่างไร แล้วบรรยายว่าจำเลยได้รับมอบหมายจากสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันให้เป็นผู้ดำเนินการรับสมัครสมาชิกประเภทสามัญโดยรับเงินจากผู้สมัครส่งเป็นผลประโยชน์รายได้ของสมาคม แล้วบรรยายต่อไปว่า ตามวันเวลาดังกล่าวนี้ จำเลยทั้งสองได้รับเงินของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันไว้จากประชาชนที่สมัครเป็นสมาชิกดังกล่าวแล้ว และเงินซึ่งสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันยืมจากบริษัทนฤมิตรธนาคมจำกัด แล้วจำเลยทั้งสองโดยเจตนาทุจริตได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเงินค่าสมัคร... กับเงินยืมอันเป็นทรัพย์สินของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตัน.... ดังนี้ คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงวันเวลาที่บ่งว่าจำเลยกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว เป็นคำฟ้องสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุช่วงเวลากระทำผิดที่ชัดเจนเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
โจทก์บรรยายฟ้องในตอนแรกว่า เมื่อระหว่างวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2510 ถึงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2511 เวลากลางวัน และกลางคืน จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายแล้วต่อมาบรรยายรายละเอียดว่าจำเลยคนไหนมีหน้าที่อย่างไร แล้วบรรยายว่าจำเลยได้รับมอบหมายจากสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันให้เป็นผู้ดำเนินการรับสมัครสมาชิกประเภทสามัญโดยรับเงินจากผู้สมัครส่งเป็นผลประโยชน์รายได้ของสมาคม แล้วบรรยายต่อไปว่า ตามวันเวลาดังกล่าวนี้ จำเลยทั้งสองได้รับเงินของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันไว้จากประชาชนที่สมัครเป็นสมาชิกดังกล่าวแล้ว และเงินซึ่งสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันยืมจากบริษัทนฤมิตรธนาคมจำกัด แล้วจำเลยทั้งสองโดยเจตนาทุจริตได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเงินค่าสมัคร... กับเงินยืมอันเป็นทรัพย์สินของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตัน.... ดังนี้ คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงวันเวลาที่บ่งว่าจำเลยกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว เป็นคำฟ้องสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น แม้ไม่ได้ลงมือแทงเอง แต่รู้เห็นและร่วมวางแผนทำร้าย
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้ร่วมมากับพวกของจำเลย รวม 3 คน เข้าชก ต่อย เตะ ผู้เสียหายและผู้ตาย แล้วต่างเลิกรากันไปตอนหนึ่งจนผู้เสียหายกับผู้ตายเดินพ้นจากที่เดิมไปแล้ว 100 เมตรจำเลยกับพวกชุดเดิมก็ย้อนกลับมาทำร้ายผู้เสียหายกับผู้ตายซ้ำอีกโดยพวกของจำเลยคนหนึ่งเป็นคนแทงผู้ตาย แล้วจำเลยกับพวกก็วิ่งหนีข้ามถนนไปด้วยกัน พฤติการณ์ของจำเลยกับพวก ดังนี้น่าเชื่อว่าจำเลยรู้อยู่ว่าพวกของจำเลยคนที่แทงผู้ตายมีมีดปลายแหลมเป็นอาวุธติดตัวอยู่ ได้ปรึกษาหารือกันมาก่อนแล้วจึงได้หวนกลับมาทำร้ายเป็นครั้งที่สอง ดังนี้ แม้จำเลยจะไม่ได้เป็นคนแทงทำร้ายผู้ตายจำเลยก็ต้องรับผิดฐานเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น แม้ไม่ได้ลงมือแทงเอง หากมีเจตนาและรู้เห็นการกระทำ
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้ร่วมมากับพวกของจำเลยรวม 3 คน เข้าชก ต่อย เตะ ผู้เสียหายและผู้ตาย แล้วต่างเลิกรากันไปตอนหนึ่งจนผู้เสียหายกับผู้ตายเดินพ้นจากที่เดิมไปแล้ว 100 เมตร จำเลยกับพวกชุดเดิมก็ย้อนกลับมาทำร้ายผู้เสียหายกับผู้ตายซ้ำอีกโดยพวกของจำเลยคนหนึ่งเป็นคนแทงผู้ตาย แล้วจำเลยกับพวกก็วิ่งหนีข้ามถนนไปด้วยกัน พฤติการณ์ของจำเลยกับพวก ดังนี้น่า เชื่อว่าจำเลยรู้อยู่ว่าพวกของจำเลยคนที่แทงผู้ตายมีมีดปลายแหลมเป็นอาวุธติดตัวอยู่ ได้ปรึกษาหารือกันมาก่อนแล้วจึงได้หวนกลับมาทำร้ายเป็นครั้งที่สอง ดังนี้ แม้จำเลยจะไม่ได้เป็นคนแทงทำร้ายผู้ตายจำเลยก็ต้องรับผิดฐานเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดสิทธิเรียกร้องเงินจากบุคคลภายนอกไม่ใช่การยึดทรัพย์ เจ้าหนี้ต้องขอเฉลี่ยก่อนชำระเงิน
ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งส่งเงินซึ่งจำเลยมีสิทธิจะได้รับมาตามคำสั่งอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดี ดังนี้มิใช่เรื่องเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเงินจำนวนนี้มา
การยึดทรัพย์ต้องเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเงินที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพียงมีสิทธิได้รับจากสำนักงานสลากกินแบ่งซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เป็นเรื่องอายัดเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเสียก่อนมีการชำระเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรค 4 ผู้ร้องยื่นคำร้องภายหลังที่สำนักงานสลากกินแบ่งชำระเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ผู้ร้องจึงหมดสิทธิขอเฉลี่ยได้
การยึดทรัพย์ต้องเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเงินที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพียงมีสิทธิได้รับจากสำนักงานสลากกินแบ่งซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เป็นเรื่องอายัดเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเสียก่อนมีการชำระเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรค 4 ผู้ร้องยื่นคำร้องภายหลังที่สำนักงานสลากกินแบ่งชำระเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ผู้ร้องจึงหมดสิทธิขอเฉลี่ยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินที่ลูกหนี้มีสิทธิได้รับจากบุคคลภายนอก เจ้าหนี้ต้องขอเฉลี่ยก่อนการชำระเงิน
ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งส่งเงินซึ่งจำเลยมีสิทธิจะได้รับมาตามคำสั่งอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดี ดังนี้มิใช่เรื่องเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเงินจำนวนนี้มา
การยึดทรัพย์ต้องเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเงินที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพียงมีสิทธิได้รับจากสำนักงานสลากกินแบ่งซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เป็นเรื่องอายัดเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเสียก่อนมีการชำระเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรค 4ผู้ร้องยื่นคำร้องภายหลังที่สำนักงานสลากกินแบ่งชำระเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ผู้ร้องจึงหมดสิทธิขอเฉลี่ยได้
การยึดทรัพย์ต้องเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเงินที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพียงมีสิทธิได้รับจากสำนักงานสลากกินแบ่งซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เป็นเรื่องอายัดเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเสียก่อนมีการชำระเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรค 4ผู้ร้องยื่นคำร้องภายหลังที่สำนักงานสลากกินแบ่งชำระเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ผู้ร้องจึงหมดสิทธิขอเฉลี่ยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า แม้สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ การแสดงเจตนาเช่าหลังสัญญาซื้อขายถือเป็นการโอนการครอบครอง
จำเลยทำสัญญาขายที่นาให้โจทก์โดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อที่นานั้นเป็นที่ดินมือเปล่ามีแต่เพียงสิทธิครอบครองและจำเลยซึ่งเคยครอบครองอยู่ได้ขอเช่าที่นานั้นจากโจทก์หลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้ว กรณีจึงต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 วรรคหนึ่ง ว่า การโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมเป็นผล ถ้าผู้โอนแสดงเจตนาว่าต่อไปจะยึดถือทรัพย์สินไว้แทนผู้รับโอน ถือได้ว่าได้มีการโอนการครอบครองให้โจทก์แล้วโดยถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า แม้ไม่มีสัญญาซื้อขายที่เป็นหนังสือ การแสดงเจตนาเช่าถือเป็นการโอนสิทธิ
จำเลยทำสัญญาขายที่นาให้โจทก์โดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อที่นานั้นเป็นที่ดินมือเปล่ามีแต่เพียงสิทธิครอบครองและจำเลยซึ่งเคยครอบครองอยู่ได้ขอเช่าที่นานั้นจากโจทก์หลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้ว กรณีจึงต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 วรรคหนึ่ง ว่าการโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมเป็นผล ถ้าผู้โอนแสดงเจตนาว่าต่อไปจะยึดถือทรัพย์สินไว้แทนผู้รับโอน ถือได้ว่าได้มีการโอนการครอบครองให้โจทก์แล้วโดยถูกต้อง