คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวน พูนคำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 309 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474-475/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของนิติกรรมซื้อขาย, การรับมรดก, และผลของการบอกเลิกสัญญาเช่าที่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อบกพร่องในการที่เจ้าหน้าที่กรอกชื่อบริษัทโจทก์ร่วมไว้ในทะเบียนการให้และสัญญาซื้อขายขาดคำว่า "จำกัด" ท้ายชื่อไปไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของนิติกรรมที่ทำขึ้น
ภริยาจำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นยอมรับเป็นผู้รับมรดกความแทนจำเลย และได้รับความยินยอมจากคู่ความ ทั้งไม่มีฝ่ายใดโต้แย้งในการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ภริยาจำเลยเข้ารับมรดกความ แม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้สั่งอย่างใด ถือได้ว่าอนุญาตให้เป็นไปตามที่ภริยาจำเลยยอมรับจึงไม่ชอบที่ภริยาจำเลยจะรื้อฟื้นขึ้นอ้างว่าศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำสั่งในเรื่องนี้อีก
เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าของทนายโจทก์ถึงจำเลย ไปยังที่อยู่ของจำเลยถึง 3 ครั้งก็ไม่มีผู้รับ ดังนี้ ถือได้ว่าคำบอกกล่าวเลิกสัญญาของโจทก์มีผลนับแต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำส่งไปถึงสถานที่ของจำเลย และจำเลยได้ทราบคำบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าของโจทก์โดยชอบสัญญาเช่าได้ระงับเลิกไปแล้วจำเลยจึงต้องออกจากตึกพิพาทของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์: การกระทำร่วมกันแบ่งหน้าที่ชัดเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญ
เริ่มแรกคนร้ายได้ร่วมกันมาสามคน และกระตุกท้ายรถจักรยานสองล้อที่ผู้เสียหายกำลังขี่อยู่ล้มลง จากนั้นคนร้ายคนหนึ่งก็ขี่รถจักรยานสองล้อคันนั้นไป อีกสองคนใช้มีดเข้าจี้และได้ขู่ไม่ให้ผู้เสียหายร้อง และให้ถอดสร้อยคอทองคำให้ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดกรณีจึงครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์โดยมีหลายคนร่วมกันกระทำความผิด แบ่งหน้าที่ชัดเจน ครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์
เริ่มแรกคนร้ายได้ร่วมกันมาสามคน และกระตุกท้ายรถจักรยานสองล้อที่ผู้เสียหายกำลังขี่อยู่ล้มลง จากนั้นคนร้ายคนหนึ่งก็ขี่รถจักรยานสองล้อคันนั้นไป อีกสองคนใช้มีดเข้าจี้และได้ขู่ไม่ให้ผู้เสียหายร้อง และให้ถอดสร้อยคอทองคำให้ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดกรณีจึงครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความถูกต้องของทรัพย์สินในคดีลักทรัพย์และรับของโจร หากทรัพย์สินไม่ตรงตามที่กล่าวอ้างในฟ้อง การลงโทษฐานรับของโจรเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องว่าคนร้ายบังอาจลักเอาโทรทัศน์ยี่ห้อ อาร์.ที. เอ.ขนาด 19 นิ้วของผู้เสียหายไป เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยโทรทัศน์ของกลาง ทางพิจารณาผู้เสียหายเบิกความว่าโทรทัศน์ที่ถูกคนร้ายลักไปยี่ห้อเซียร่า จึงต้องฟังว่าโทรทัศน์ของกลางกับของผู้เสียหายเป็นโทรทัศน์คนละเครื่อง เพราะต่างยี่ห้อกัน โทรทัศน์ของกลางอาจไม่ใช่ของผู้เสียหายที่หายไป แม้จะฟังว่าจำเลยได้รับโทรทัศน์ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จริง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะโทรทัศน์ของกลางไม่ใช่ของผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรับของโจรต้องมีทรัพย์สินตรงตามที่ถูกลักไป หากทรัพย์สินไม่ตรงกัน แม้ทราบว่าเป็นของผิดกฎหมายก็ไม่มีความผิด
โจทก์ฟ้องว่าคนร้ายบังอาจลักเอาโทรทัศน์ยี่ห้อ อาร์.ที. เอ. ขนาด 19 นิ้วของผู้เสียหายไป เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยโทรทัศน์ของกลาง ทางพิจารณาผู้เสียหายเบิกความว่าโทรทัศน์ที่ถูกคนร้ายลักไปยี่ห้อเซียร่า จึงต้องฟังว่าโทรทัศน์ของกลางกับของผู้เสียหายเป็นโทรทัศน์คนละเครื่องเพราะต่างยี่ห้อกัน โทรทัศน์ของกลางอาจไม่ใช่ของผู้เสียหายที่หายไป แม้จะฟังว่าจำเลยได้รับโทรทัศน์ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จริงก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะโทรทัศน์ของกลางไม่ใช่ของผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาล: ค่าสินไหมทดแทนยังคงมีผลตราบใดที่จำเลยยังกีดขวางการใช้ทาง
ตามคำบังคับของศาลมีใจความสำคัญว่าจำเลยจะต้องจดทะเบียนภารจำยอมที่ดินของจำเลยเพื่อให้โจทก์ใช้เป็นถนนเข้าสู่ที่ดินของโจทก์ได้ตลอดไป และให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนในอนาคตแก่โจทก์เดือนละ 300 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะขนย้ายอิฐและสัมภาระออกไปจากถนนดังกล่าวนี้ ดังนี้ กองอิฐที่โจทก์ฟ้องจำเลยได้ใช้ในการก่อสร้างหมดแล้วภายใน 3 เดือนนับแต่วันฟ้องแล้วจำเลยได้สั่งอิฐมากองไว้อีก อิฐที่จำเลยสั่งมากองไว้คราวหลังนี้ แม้โจทก์มิได้ฟ้อง แต่ก็เห็นว่าเป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำไปโดยเจตนาหลีกเลี่ยงที่จะไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล โดยทำให้โจทก์ไม่อาจใช้ถนนเข้าสู่ที่ดินของโจทก์ได้ตลอดไป ฉะนั้น ตราบใดที่จำเลยยังไม่ทำให้โจทก์ใช้ถนนได้ตลอดไปจำเลยก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์อยู่ตราบนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงคำพิพากษาศาลโดยการจงใจกีดขวางทางภารจำยอม ทำให้ต้องรับผิดค่าสินไหมทดแทนต่อเนื่อง
ตามคำบังคับของศาลมีใจความสำคัญว่าจำเลยจะต้องจดทะเบียนภารจำยอมที่ดินของจำเลยเพื่อให้โจทก์ใช้เป็นถนนเข้าสู่ที่ดินของโจทก์ได้ตลอดไป และให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนในอนาคตแก่โจทก์เดือนละ 300 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะขนย้ายอิฐและสัมภาระออกไปจากถนนดังกล่าวนี้ ดังนี้ กองอิฐที่โจทก์ฟ้องจำเลยได้ใช้ในการก่อสร้างหมดแล้วภายใน 3 เดือนนับแต่วันฟ้องแล้วจำเลยได้สั่งอิฐมากองไว้อีก อิฐที่จำเลยสั่งมากองไว้คราวหลังนี้ แม้โจทก์มิได้ฟ้อง แต่ก็เห็นว่าเป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำไปโดยเจตนาหลีกเลี่ยงที่จะไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล โดยทำให้โจทก์ไม่อาจใช้ถนนเข้าสู่ที่ดินของโจทก์ได้ตลอดไป ฉะนั้น ตราบใดที่จำเลยยังไม่ทำให้โจทก์ใช้ถนนได้ตลอดไปจำเลยก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์อยู่ตราบนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้บุริมสิทธิในการระมัดระวังผลประโยชน์จากการบังคับคดีและการประวิงการขายทอดตลาด
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยึดที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาด ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาล ขอรับชำระหนี้ก่อนในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ ศาลอนุญาต
ก่อนขายทอดตลาด จำเลยยื่นคำร้องว่าที่ดินส่วนของจำเลยเนื้อที่ 244 ไร่เศษ ขอให้แบ่งขายที่ละ แปลง ๆ ละ 50 ไร่ จึงจะได้ราคาดี ศาลเห็นชอบด้วย สั่งให้โจทก์จำเลยและผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมไปดำเนินการแบ่งแยก จนเวลาล่วงเลยมา 2 ปี จำเลยไม่ดำเนินการแบ่งแยก เป็นการประวิงการบังคับคดี ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียจึงย่อมมีสิทธิที่จะระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของตนอันควรจะได้จากการบังคับคดีนั้น สิทธิที่จะร้องหรือแถลงขอให้ศาลทำการขายทรัพย์ไปทั้งแปลงได้และคำสั่งของศาลที่ได้สั่งให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยทั้งแปลงก็เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้บุริมสิทธิในการระงับการขายทรัพย์เพื่อรักษาผลประโยชน์จากการบังคับคดี
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยึดที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาล ขอรับชำระหนี้ก่อนในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ ศาลอนุญาต
ก่อนขายทอดตลาด จำเลยยื่นคำร้องว่าที่ดินส่วนของจำเลยเนื้อที่ 244 ไร่เศษขอให้แบ่งขายทีละแปลง แปลงละ 50 ไร่ จึงจะได้ราคาดี ศาลเห็นชอบด้วย สั่งให้โจทก์จำเลยและผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมไปดำเนินการแบ่งแยก จนเวลาล่วงเลยมา 2 ปี จำเลยไม่ดำเนินการแบ่งแยกเป็นการประวิงการบังคับคดี ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียจึงย่อมมีสิทธิที่จะระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของตนอันควรจะได้จากการบังคับคดีนั้นสิทธิที่จะร้องหรือแถลงขอให้ศาลทำการขายทรัพย์ไปทั้งแปลงได้และคำสั่งของศาลที่ได้สั่งให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยทั้งแปลงก็เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223-224/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำร้ายร่างกาย: ผู้ถูกทำร้ายไม่มีอำนาจฟ้อง, การบรรยายฟ้องรวมความผิด, พยานหลักฐานไม่พอฟัง
โจทก์จำเลยต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้
แม้พยานหลักฐานของอัยการโจทก์ จะไม่พอฟังว่าจำเลยได้ร่วมกันชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย แต่ความผิดฐานชิงทรัพย์นี้ อัยการโจทก์บรรยายฟ้องรวมความผิดฐานทำร้ายร่างกายอยู่ด้วย และคดีฟังได้ว่าจำเลยได้ทำร้ายผู้เสียหายบาดเจ็บ ศาลจึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้
of 31