พบผลลัพธ์ทั้งหมด 309 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2228/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน: การแยกความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่
ตำรวจขอแรง บ. ราษฎรเจ้าของเรือยนต์ให้ขับเรือติดตามจำเลยซึ่งเป็นคนร้ายไปเมื่อตามไปทัน จำเลยวิ่งหนีขึ้นตลิ่ง ตำรวจกับบ.ก็ขึ้นตลิ่งแยกกันวิ่งไล่ตามจำเลย จำเลยยิง บ. ได้รับอันตรายแก่กาย การกระทำของจำเลยเป็นการพยายามฆ่า บ. ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(3),80 แต่ไม่ใช่การใช้กำลังประทุษร้ายในการต่อสู้หรือขัดขวางผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายฯ อันเป็นความผิดตามมาตรา 138 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2228/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน: การแยกความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่
ตำรวจขอแรง บ. ราษฎรเจ้าของเรือยนต์ให้ขับเรือติดตามจำเลยซึ่งเป็นคนร้ายไปเมื่อตามไปทัน จำเลยวิ่งหนีขึ้นตลิ่ง ตำรวจกับ บ.ก็ขึ้นตลิ่งแยกกันวิ่งไล่ตามจำเลย จำเลยยิง บ. ได้รับอันตรายแก่กายการกระทำของจำเลยเป็นการพยายามฆ่า บ. ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(3), 80 แต่ไม่ใช่การใช้กำลังประทุษร้ายในการต่อสู้หรือขัดขวางผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายฯ อันเป็นความผิดตามมาตรา 138 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำว่า 'ปศุสัตว์' ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ สุกรเข้าข่ายหรือไม่
คำว่า "ปศุสัตว์"' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359 (2)ย่อมหมายถึงสัตว์สี่เท้าที่เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร จำเลยใช้มีดฟันขาสุกรผู้เสียหายเป็นแผลเกือบขาด ย่อมมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่เป็นปศุสัตว์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 359 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิยาม 'ปศุสัตว์' ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์: สุกรเข้าข่ายหรือไม่
คำว่า "ปศุสัตว์"' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(2)ย่อมหมายถึงสัตว์สี่เท้าที่เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร จำเลยใช้มีดฟันขาสุกรผู้เสียหายเป็นแผลเกือบขาด ย่อมมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่เป็นปศุสัตว์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1967/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: ศาลฎีกาแก้โทษ ลดมาตราส่วนโทษ และพิจารณาอายุของจำเลย
คดีอาญาของศาลคดีเด็กและเยาวชน แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ทั้งบทและกำหนดโทษที่ศาลชั้นต้นวางมา เป็นการแก้มากแต่การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กนั้น ถือไม่ได้ว่าพิพากษาลงโทษจำเลยโดยจำคุกเกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22
การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาเป็นการพยายามฆ่า โดยการไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ก่อนที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย จำเลยกับพวกผู้เสียหายมีสาเหตุกันด้วยเรื่องผู้เสียหายขับรถเฉียดรถจำเลยแล้วมีการตะโกนท้าทายกันเล็กน้อย ทั้งสองฝ่ายมิได้หยุดรถ ต่อมาจำเลยกลับไปบ้านเอาปืนมายืนตรงที่เกิดเหตุ พอผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์มา จำเลยก็ยิงเอาโดยไม่มีข้อเท็จจริงใดยืนยันว่าจำเลยมารออยู่เพื่อจะยิงผู้เสียหาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นพยายามฆ่าโดยการ ไตร่ตรองไว้ก่อน
การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาเป็นการพยายามฆ่า โดยการไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ก่อนที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย จำเลยกับพวกผู้เสียหายมีสาเหตุกันด้วยเรื่องผู้เสียหายขับรถเฉียดรถจำเลยแล้วมีการตะโกนท้าทายกันเล็กน้อย ทั้งสองฝ่ายมิได้หยุดรถ ต่อมาจำเลยกลับไปบ้านเอาปืนมายืนตรงที่เกิดเหตุ พอผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์มา จำเลยก็ยิงเอาโดยไม่มีข้อเท็จจริงใดยืนยันว่าจำเลยมารออยู่เพื่อจะยิงผู้เสียหาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นพยายามฆ่าโดยการ ไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1967/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และการลดโทษสำหรับผู้กระทำผิดอายุน้อย คดีเด็กและเยาวชน
คดีอาญาของศาลคดีเด็กและเยาวชน แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ทั้งบทและกำหนดโทษที่ศาลชั้นต้นวางมา เป็นการแก้มากแต่การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กนั้น ถือไม่ได้ว่าพิพากษาลงโทษจำเลยโดยจำคุกเกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22
การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาเป็นการพยายามฆ่า โดยการไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ก่อนที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย จำเลยกับพวกผู้เสียหายมีสาเหตุกันด้วยเรื่องผู้เสียหายขับรถเฉียดรถจำเลยแล้วมีการตะโกนท้าทายกันเล็กน้อย ทั้งสองฝ่ายมิได้หยุดรถ ต่อมาจำเลยกลับไปบ้านเอาปืนมายืนตรงที่เกิดเหตุ พอผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์มา จำเลยก็ยิงเอาโดยไม่มีข้อเท็จจริงใดยืนยันว่าจำเลยมารออยู่เพื่อจะยิงผู้เสียหาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นพยายามฆ่าโดยการไตร่ตรองไว้ก่อน
การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาเป็นการพยายามฆ่า โดยการไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ก่อนที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย จำเลยกับพวกผู้เสียหายมีสาเหตุกันด้วยเรื่องผู้เสียหายขับรถเฉียดรถจำเลยแล้วมีการตะโกนท้าทายกันเล็กน้อย ทั้งสองฝ่ายมิได้หยุดรถ ต่อมาจำเลยกลับไปบ้านเอาปืนมายืนตรงที่เกิดเหตุ พอผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์มา จำเลยก็ยิงเอาโดยไม่มีข้อเท็จจริงใดยืนยันว่าจำเลยมารออยู่เพื่อจะยิงผู้เสียหาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นพยายามฆ่าโดยการไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดขืนคำสั่งพนักงานสอบสวนให้การเป็นพยาน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 169
พนักงานสอบสวนเชิญจำเลยไปให้ถ้อยคำในฐานะพยานที่สถานีตำรวจโดยไม่ได้ออกหมายเรียก จำเลยยอมมาโดยดีและพนักงานสอบสวนบอกจำเลยว่าจะสอบสวนเป็นพยานย่อมหมายความว่าสั่งให้จำเลยให้ถ้อยคำ คำสั่งของพนักงานสอบสวนเช่นนี้จึงเป็นคำบังคับตามกฎหมายให้จำเลยให้ถ้อยคำ เมื่อจำเลยขัดขืนคำบังคับดังกล่าว ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 169 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดขืนคำสั่งพนักงานสอบสวนให้การเป็นพยาน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 169
พนักงานสอบสวนเชิญจำเลยไปให้ถ้อยคำในฐานะพยานที่สถานีตำรวจโดยไม่ได้ออกหมายเรียก จำเลยยอมมาโดยดีและพนักงานสอบสวนบอกจำเลยว่าจะสอบสวนเป็นพยานย่อมหมายความว่าสั่งให้จำเลยให้ถ้อยคำ คำสั่งของพนักงานสอบสวนเช่นนี้จึงเป็นคำบังคับตามกฎหมายให้จำเลยให้ถ้อยคำ เมื่อจำเลยขัดขืนคำบังคับดังกล่าว ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 169 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1808/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เนื่องจากขาดรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และข้อหา
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157,172,173,174. โดยโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยมีอำนาจหน้าที่อย่างไร ทั้งคำบรรยายฟ้องก็ไม่ชัดแจ้งว่าข้อความที่จำเลยแจ้งเกี่ยวกับความผิดอาญาในฐานใด จะทำให้โจทก์ถูกหาคดีอาญาได้อย่างไรหรือไม่ ไม่พอแปลความหมายได้ว่าจำเลยได้แจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาจำเลยไม่อาจเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้ฟ้องคดีที่ส่งเสริมการขายทรัพย์สินตามพินัยกรรมแล้วกลับฟ้องคัดค้านการแบ่งเงิน
พระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชมีผลเด็ดขาดเป็นกฎหมาย เมื่อมิได้มีพระบรมราชโองการของพระองค์ท่านเองหรืออำนาจเด็ดขาดอื่นใดยกเลิกเพิกถอนพระบรมราชโองการดังกล่าวก็ยังมีผลอยู่ กฎหมายทั่วไปในปัจจุบันหาลบล้างพระบรมราชโองการนั้นไม่
พินัยกรรมซึ่งพระมหากษัตริย์ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชได้มีพระบรมราชโองการสลักหลังให้ใช้ได้เหมือนพินัยกรรมที่ได้ทำถูกต้องตามพระราชกำหนดกฎหมาย ย่อมมีผลใช้บังคับให้เป็นไปตามข้อกำหนดในพินัยกรรมนั้นได้ตลอดมา ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาที่ว่าพินัยกรรมนั้นจะมีข้อกำหนดที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ เพราะศาลจะพิพากษาให้ผิดไปจากพินัยกรรมนั้นไม่ได้
การที่โจทก์ได้ร่วมรู้เห็นยินยอมให้ผู้จัดการมรดกขายที่ดินตามพินัยกรรมเพื่อนำเงินมาแบ่งแก่ทายาท โดยโจทก์ยอมรับเอาเงินส่วนแบ่งเช่นเดียวกับทายาทอื่น และโจทก์เองเป็นผู้วิ่งเต้นขอปลดเปลื้องข้อกำหนดแห่งพินัยกรรมที่ห้ามขายที่ดินนั้นเพื่อรับประโยชน์ตอบแทนเป็นพิเศษนอกเหนือจากส่วนแบ่งและยังอาศัยเป็นเครื่องมือเรียกร้องผลประโยชน์จากผู้ซื้อที่ดินจนได้รับผลสมประสงค์ แล้วโจทก์กลับมาฟ้องขอให้ห้ามผู้จัดการมรดกแบ่งเงินแก่ทายาท แต่ให้นำเงินไปซื้อที่ดินอื่นแทนตามข้อกำหนดในพินัยกรรม เป็นการอาศัยศาลกลั่นแกล้งผู้จัดการมรดกและทายาทอื่นให้เดือดร้อนเสียหายถือได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พินัยกรรมซึ่งพระมหากษัตริย์ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชได้มีพระบรมราชโองการสลักหลังให้ใช้ได้เหมือนพินัยกรรมที่ได้ทำถูกต้องตามพระราชกำหนดกฎหมาย ย่อมมีผลใช้บังคับให้เป็นไปตามข้อกำหนดในพินัยกรรมนั้นได้ตลอดมา ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาที่ว่าพินัยกรรมนั้นจะมีข้อกำหนดที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ เพราะศาลจะพิพากษาให้ผิดไปจากพินัยกรรมนั้นไม่ได้
การที่โจทก์ได้ร่วมรู้เห็นยินยอมให้ผู้จัดการมรดกขายที่ดินตามพินัยกรรมเพื่อนำเงินมาแบ่งแก่ทายาท โดยโจทก์ยอมรับเอาเงินส่วนแบ่งเช่นเดียวกับทายาทอื่น และโจทก์เองเป็นผู้วิ่งเต้นขอปลดเปลื้องข้อกำหนดแห่งพินัยกรรมที่ห้ามขายที่ดินนั้นเพื่อรับประโยชน์ตอบแทนเป็นพิเศษนอกเหนือจากส่วนแบ่งและยังอาศัยเป็นเครื่องมือเรียกร้องผลประโยชน์จากผู้ซื้อที่ดินจนได้รับผลสมประสงค์ แล้วโจทก์กลับมาฟ้องขอให้ห้ามผู้จัดการมรดกแบ่งเงินแก่ทายาท แต่ให้นำเงินไปซื้อที่ดินอื่นแทนตามข้อกำหนดในพินัยกรรม เป็นการอาศัยศาลกลั่นแกล้งผู้จัดการมรดกและทายาทอื่นให้เดือดร้อนเสียหายถือได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่มีอำนาจฟ้อง