คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวน พูนคำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 309 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้เจ้าของเดิมซื้อที่ดินมาแล้วแต่ทิ้งร้าง
โจทก์ซื้อที่นามือเปล่าได้จากการขายทอดตลาดของศาลศาลได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอมอบให้โจทก์เพื่อนำไปให้อำเภอทำสัญญาซื้อขายให้ แต่โจทก์ก็มิได้นำหนังสือของศาลไปให้อำเภอทำสัญญาซื้อขายแต่อย่างใด ส่วนที่นานั้นโจทก์คงปล่อยทิ้งร้างไว้มิได้เข้าครอบครองเลยหลังจากโจทก์ซื้อแล้ว จำเลยได้เข้าครอบครองที่นานั้นติดต่อกันมาเป็นเวลา 4 ปี ดังนี้ จำเลยย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครอง โจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยมิได้ และโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินร่วมกันฉันสามีภริยา การโอนโดยไม่สุจริต และสิทธิเรียกร้องเพิกถอนการจดทะเบียน
ขณะที่ ห. กับโจทก์อยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้น ห. กับโจทก์เอาเงินที่หาได้ร่วมกันไปซื้อที่ดินพิพาท โจทก์จึงเป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกับ ห. ต่อมา ห.กับจำเลยจดทะเบียนซื้อขายโอนที่พิพาททั้งแปลงโดยไม่สุจริตการที่ ห. กับจำเลยจดทะเบียนโอนที่พิพาทส่วนของโจทก์ด้วยนั้นจึงเป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ได้อยู่ก่อนแล้ว ฉะนั้น แม้การโอนจะมีค่าตอบแทนแต่เมื่อจำเลยผู้รับโอนกระทำการโดยไม่สุจริตแล้ว โจทก์ย่อมเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินร่วมกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส การโอนที่ดินโดยไม่สุจริต และสิทธิเรียกร้องเพิกถอนการจดทะเบียน
ขณะที่ ห. กับโจทก์อยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้น ห. กับโจทก์เอาเงินที่หาได้ร่วมกันไปซื้อที่ดินพิพาท โจทก์จึงเป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกับ ห. ต่อมา ห. กับจำเลยจดทะเบียนซื้อขายโอนที่พิพาททั้งแปลงโดยไม่สุจริตการที่ ห. กับจำเลยจดทะเบียนโอนที่พิพาทส่วนของโจทก์ด้วยนั้น จึงเป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ได้อยู่ก่อนแล้ว ฉะนั้น แม้การโอนจะมีค่าตอบแทน แต่เมื่อจำเลยผู้รับโอนกระทำการโดยไม่สุจริตแล้ว โจทก์ย่อมเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยต่อบุคคลภายนอก: คดีไม่มีทุนทรัพย์ ค่าขึ้นศาล
กรณีที่ศาลมีคำสั่งอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยต่อผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกให้ชำระเงินและมีการโต้แย้งระหว่างโจทก์กับผู้ร้องในปัญหาที่ว่าจะอายัดได้หรือไม่ เพียงใดเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 50 บาท
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1590/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันผู้อื่นเกินสมควรแก่เหตุ: การยิงในสถานการณ์ชุลมุนและความจำเป็นในการพิจารณาบุคคลและอาวุธ
จำเลยตั้งใจยิงคนร้ายที่ปล้ำอยู่กับบุตรสาวและบุตรเขยของจำเลยในน้ำลึกถึงเอว เพื่อช่วยให้บุตรสาวและบุตรเขยพ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่กำลังมีอยู่ โดยไม่พินิจพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนว่าคนไหนเป็นคนร้าย คนไหนเป็นบุตรสาวบุตรเขย คนร้ายมีอาวุธอะไรหรือไม่ เมื่อลูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงพลาดไปถูกบุตรเขยถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาเพื่อป้องกันผู้อื่นเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการกระทำเกินคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
จ่านายสิบตำรวจ ส. สั่งให้พลตำรวจ ย. ขึ้นไปจับ ป. บนเรือนและสั่งให้พลตำรวจ ท. และ น. ซุ่มอยู่รอบเรือน พลตำรวจ ย. ขึ้นไปบนเรือนยิง ป. ตาย ดังนี้ พลตำรวจ ย. กระทำเกินคำสั่งจึงต้องรับผิดในผลของการที่ตนกระทำลงนั้นแต่ผู้เดียวจ่านายสิบตำรวจ ส. และพลตำรวจ ท. และ น. มิได้ร่วมกระทำด้วยจึงไม่ต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้นนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ร้องสอดในคดีละเมิดและอสังหาริมทรัพย์ที่กระทบสิทธิในที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยไถคราดและขุดดินถมเหมืองน้ำสาธารณะทำให้โจทก์และบุคคลอื่นซึ่งมีนาอยู่บริเวณนั้น ไม่มีทางระบายน้ำหรือทดน้ำเข้านาได้ โจทก์ห้าม จำเลยเถียงว่าเหมืองน้ำผ่านกลางที่นาของจำเลย จำเลยมีสิทธิกลบถมได้ ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย และพิพากษาแสดงว่าทำนบพิพาท เหมืองน้ำพิพาทและคลองเป็นสาธารณะ คำฟ้องเช่นนี้เป็นทั้งคดีละเมิดและคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์
ในระหว่างพิจารณา ผู้ร้องสอดร้องขอเข้าเป็นคู่ความเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองบังคับตามสิทธิของตน โดยอ้างว่านาที่โจทก์อ้างว่าเหมืองน้ำผ่านเป็นของผู้ร้องสอด จำเลยทำไปโดยอาศัยสิทธิและความเห็นชอบของผู้ร้องสอด ดังนี้ เป็นการร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) เมื่อได้ยื่นคำร้องขอมาถูกต้อง คือ คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาผู้ร้องสอดย่อมมีสิทธิเข้าเป็นคู่ความได้
การร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)นั้นแม้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ผู้ร้องสอดก็หาหมดสิทธิร้องสอดเข้าเป็นคู่ความไม่
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขุดเหมืองน้ำซึ่งจำเลยขุดดินถมให้มีสภาพเดิม เมื่อผู้ร้องสอดอ้างว่าเป็นเจ้าของนา ที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยขุดเหมืองน้ำ ย่อมเป็นกรณีพิพาทกันเกี่ยวถึงนาที่ผู้ร้องสอดอ้างว่าเป็นเจ้าของ การที่ผู้ร้องสอดร้องเข้ามาจึงไม่เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้องสอด แล้วพิจารณาคดีไปโดยจำเลยขาดนัดพิจารณาและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่ง และศาลอุทธรณ์เห็นว่าผู้ร้องสอดมีสิทธิเข้าเป็นคู่ความได้ จะพิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้รับคำร้องสอดไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยไม่พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียด้วยนั้น ยังไม่บริบูรณ์เพราะถ้าหากคำพิพากษาศาลชั้นต้นยังมีอยู่ ย่อมไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นขึ้นมาด้วย และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่แล้ว ซึ่งมีผลถึงผู้ร้องสอดด้วย ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องแก้ไข

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลยกฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีใดว่าลูกหนี้จะต้องรับผิดเพียงใด ย่อมเป็นเรื่องที่คู่ความจะต้องดำเนินการในคดีนั้นเพื่อขอคำวินิจฉัยจากศาล แม้คดีนั้นจะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แต่ในชั้นบังคับคดี เมื่อมีเหตุอันควรสงสัย คู่ความก็ยังมีสิทธิขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาได้
การที่โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนกลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนเกี่ยวกับหนี้จำนองซึ่งศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรับชำระหนี้รายเดียวกันนั้นอีก ย่อมเป็นฟ้องซ้ำเพราะเป็นคู่ความเดียวกัน และศาลต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นอื่น และสละประเด็นข้อฟ้องซ้ำเมื่อศาลเห็นสมควรก็ยังมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีบังคับคดี: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยแม้มีข้อตกลงสละประเด็น และคู่ความมีสิทธิขออธิบายคำพิพากษาในชั้นบังคับคดี
เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีใดว่าลูกหนี้จะต้องรับผิดเพียงใด ย่อมเป็นเรื่องที่คู่ความจะต้องดำเนินการในคดีนั้นเพื่อขอคำวินิจฉัยจากศาล แม้ คดีนั้นจะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แต่ในชั้นบังคับคดี เมื่อมีเหตุอันควรสงสัย คู่ความก็ยังมีสิทธิขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาได้
การที่โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนกลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนเกี่ยวกับหนี้จำนองซึ่งศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรับชำระหนี้รายเดียวกันนั้นอีก ย่อมเป็นฟ้องซ้ำเพราะเป็นคู่ความเดียวกัน และศาลต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นอื่น และสละประเด็นข้อฟ้องซ้ำเมื่อศาลเห็นสมควรก็ยังมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในกรรมสิทธิ์รวม: การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกโดยเจ้าของรวมคนหนึ่ง ย่อมผูกพันกรรมสิทธิ์รวมทั้งหมด
การที่เจ้าของรวมคนหนึ่งฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกย่อมมีอำนาจทำได้โดยลำพัง
เมื่อเจ้าของรวมคนหนึ่งเคยฟ้องขับไล่จำเลยหาว่าบุกรุกที่ดินกรรมสิทธิ์รวมมาแล้ว และได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่งจะกลับมาฟ้องว่าจำเลยบุกรุก ขอให้ขับไล่อีก ย่อมเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันแม้ในคดีก่อนเจ้าของรวมนั้นจะไม่ได้รับมอบฉันทะให้ฟ้องแทนโจทก์หรือไม่ได้บรรยายฟ้องว่าฟ้องแทนโจทก์ ฟ้องของโจทก์ในคดีหลังนี้ก็เป็นฟ้องซ้ำ
of 31