พบผลลัพธ์ทั้งหมด 309 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต้องมีเหตุพิเศษ มิใช่ความล่าช้าของผู้ร้องเอง
การขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 นั้น ศาลจะสั่งขยายได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษเท่านั้น
ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 15 วัน โดยอ้างเหตุว่ายังคัดคำพยานและเอกสารไม่หมด เพิ่งคัดไปได้ เพียงครึ่งหนึ่ง เนื่องจากคำให้การและเอกสารมากมาย เมื่อปรากฏว่าคดีมิได้มีถ้อยคำสำนวนมากมายใหญ่โตเป็นพิเศษจนถึงกับจะเป็นเหตุให้ตรวจและทำคำฟ้องอุทธรณ์ไม่ทันในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งการคัดไม่เสร็จเกิดจากเหตุที่เพิกเฉยไม่รีบจัดการเสียแต่เมื่อฟังคำพิพากษา มิใช่เพราะถ้อยคำสำนวนมากมายจนคัดไม่ทันดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปให้ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1095/2507)
ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 15 วัน โดยอ้างเหตุว่ายังคัดคำพยานและเอกสารไม่หมด เพิ่งคัดไปได้ เพียงครึ่งหนึ่ง เนื่องจากคำให้การและเอกสารมากมาย เมื่อปรากฏว่าคดีมิได้มีถ้อยคำสำนวนมากมายใหญ่โตเป็นพิเศษจนถึงกับจะเป็นเหตุให้ตรวจและทำคำฟ้องอุทธรณ์ไม่ทันในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งการคัดไม่เสร็จเกิดจากเหตุที่เพิกเฉยไม่รีบจัดการเสียแต่เมื่อฟังคำพิพากษา มิใช่เพราะถ้อยคำสำนวนมากมายจนคัดไม่ทันดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปให้ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1095/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาตหลังใบอนุญาตถูกเพิกถอน: ความผิดตาม พ.ร.บ.การขนส่ง พ.ศ. 2497
แต่เดิมจำเลยได้รับอนุญาตทำการขนส่งด้วยรถยนต์โดยสารประจำทาง 3 สาย คือ (1) สายภูเก็ต-นครศรีธรรมราช (2) สายภูเก็ต-ทุ่งสง และ (3) สายกระบี่-ทุ่งสง ต่อมาอธิบดีกรมการขนส่งทางบกได้เพิกถอนใบอนุญาตทำการขนส่งประจำทางสายภูเก็ต-นครศรีธรรมราช เสีย แต่จำเลยยังคงรับคนโดยสารเพื่อสินจ้างต่อจากกระบี่ผ่านทุ่งสงไปยังอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อันอยู่ในเส้นทางสายภูเก็ต-นครศรีธรรมราช ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว เช่นนี้ จึงเป็นการประกอบการขนส่งในเส้นทางที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 65 กรณีเช่นนี้มิใช่เป็นแต่เพียงการประกอบการขนส่งเกินเลยเส้นทางกระบี่-ทุ่งสง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขการจ่ายเงินรางวัลสลากกินแบ่ง หากสลากหาย ผู้ถูกรางวัลยังคงมีสิทธิรับเงินได้
เงื่อนไขหลังสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ว่าเงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับนั้นเป็นเพียงข้อกำหนดให้มีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัล ไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายไป เมื่อโจทก์มีหลักฐานเชื่อได้ว่าโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากหาย ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ต้องจ่ายเงินให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สลากหายแต่มีหลักฐานเชื่อได้ว่าถูกรางวัล สำนักงานสลากต้องจ่ายเงินรางวัลตามสัญญา
เงื่อนไขหลังสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ว่าเงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับนั้นเป็นเพียงข้อกำหนดให้มีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัล ไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายไป เมื่อโจทก์มีหลักฐานเชื่อได้ว่าโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากหาย ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ต้องจ่ายเงินให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้ขวานป้องกันการถูกประทุษร้ายด้วยอาวุธปืน
ผู้ตายกับพวกเข้าไปในเขตรั้วบ้านของจำเลยในเวลาวิกาลในลักษณะที่จะลักทรัพย์ เมื่อภรรยาจำเลยฉายไฟไปเห็นผู้ตายก็ยกปืนจ้องไปทางภรรยาจำเลยเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึง จำเลยย่อมมีสิทธิกระทำเพื่อป้องกันได้ และการที่จำเลยหยิบขวานด้ามไม้ยาวประมาณ 1 แขน ใบขวานเป็นเหล็กมีคม กว้าง 3 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว มาจากข้างฝาในขณะนั้นเองโดยมิได้เตรียมมาก่อน เหวี่ยงฟันผู้ตายไป 4 ทีติด ๆ กัน ในเวลาฉุกละหุกที่จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะต้องฟันหรือเหวี่ยงไปกี่ทีจึงจะพอยับยั้งผู้ตายมิให้ใช้อาวุธปืนยิงได้ จึงเป็นการกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อบ้านและผลของการผิดสัญญา โดยการไม่รื้อถอนบ้านตามกำหนด ทำให้สิทธิเรียกร้องค่ารื้อถอนสิ้นสุดลง
ผู้เช่าที่ดินปลูกบ้านอยู่อาศัยทำสัญญากับผู้ให้เช่าว่าจะรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินภายในเวลาที่กำหนด และผู้ให้เช่าตกลงจะให้เงินค่ารื้อถอน แต่ผู้เช่าผิดสัญญาขายบ้านให้ผู้ซื้อรื้อไปหลังจากพ้นกำหนดแล้ว ตามสัญญาระบุว่าหากผู้เช่าไม่รื้อบ้านออกจากที่เช่าไปให้เสร็จสิ้นตามกำหนด ผู้เช่ายอมเลิกสละสิทธิการเช่าที่ดินและให้บ้านของผู้เช่าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าตามสัญญาแล้วผู้เช่าย่อมหมดสิทธิที่จะรื้อถอนบ้านออกไปและเรียกค่ารื้อถอนจากผู้ให้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อบ้านและค่ารื้อถอน: สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาเมื่อผิดสัญญา
ผู้เช่าที่ดินปลูกบ้านอยู่อาศัยทำสัญญากับผู้ให้เช่าว่าจะรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินภายในเวลาที่กำหนด และผู้ให้เช่าตกลงจะให้เงินค่ารื้อถอน แต่ผู้เช่าผิดสัญญาขายบ้านให้ผู้ซื้อรื้อไปหลังจากพ้นกำหนดแล้ว ตามสัญญาระบุว่าหากผู้เช่าไม่รื้อบ้านออกจากที่เช่าไปให้เสร็จสิ้นตามกำหนด ผู้เช่ายอมเลิกสละสิทธิการเช่าที่ดินและให้บ้านของผู้เช่าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าตามสัญญาแล้วผู้เช่าย่อมหมดสิทธิที่จะรื้อถอนบ้านออกไปและเรียกค่ารื้อถอนจากผู้ให้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฉ้อโกงเจ้าหนี้ต้องระบุเจตนาทุจริตและองค์ประกอบความรู้เกี่ยวกับการใช้สิทธิเรียกร้องทางศาล
คำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ที่บรรยายแต่เพียงว่าโจทก์มีสิทธิที่จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลเท่านั้น กับทั้งมิได้บรรยายว่าจำเลยได้กระทำไปโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตน หรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสารสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีฉ้อโกงเนื่องจากศาลอุทธรณ์ไม่พบเจตนาทุจริต แม้โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาไม่มีทางเอาผิดแก่จำเลยได้แล้วปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ก็ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย (อ้างฎีกาที่ 321/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตเป็นสาระสำคัญในการพิพากษาคดีฉ้อโกง หากไม่มีเจตนาทุจริต แม้จะบรรยายฟ้องครบองค์ประกอบ ก็ไม่มีความผิด
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาไม่มีทางเอาผิดแก่จำเลยได้แล้วปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ก็ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย (อ้างฎีกาที่ 321/2502)