พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระดอกเบี้ยด้วยการให้ทำนาและการรับสภาพหนี้ ทำให้ขาดอายุความ
พฤติการณ์ที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกของ ด. ผู้กู้ ให้โจทก์ผู้ให้กู้ทำนาถือได้ว่าจำเลยได้ปฏิบัติการชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ด้วยการให้โจทก์ได้ทำนาจึงเป็นการรับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยการส่งดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ได้ทำนาต่างดอกเบี้ย หรือมิฉะนั้นให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีดังนี้ โจทก์จะมีสิทธิทำนาได้ก็แต่โดยจำเลยยินยอม เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้โจทก์ทำนาและเอาที่นาคืนไปทำเองแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิติดตามเอาคืนด. เจ้ามรดกกู้เงินโจทก์ตกลงจะให้ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ตกลงให้ก็คือให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย เมื่อจำเลยไม่ยอมชำระดอกเบี้ยโดยไม่ยอมให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินนับแต่วันผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดวันใดก่อนโจทก์ฟ้องศาลคิดคำนวณให้จากวันฟ้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1,3/2513)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ได้ทำนาต่างดอกเบี้ย หรือมิฉะนั้นให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีดังนี้ โจทก์จะมีสิทธิทำนาได้ก็แต่โดยจำเลยยินยอม เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้โจทก์ทำนาและเอาที่นาคืนไปทำเองแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิติดตามเอาคืนด. เจ้ามรดกกู้เงินโจทก์ตกลงจะให้ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ตกลงให้ก็คือให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย เมื่อจำเลยไม่ยอมชำระดอกเบี้ยโดยไม่ยอมให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินนับแต่วันผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดวันใดก่อนโจทก์ฟ้องศาลคิดคำนวณให้จากวันฟ้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1,3/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมหลังปล้นทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสี่
จำเลยได้ทำการปล้นทรัพย์ แล้วได้พากันหนีไปห่างที่เกิดเหตุประมาณ 2 เส้น เห็นคนเดินสวนทางมา จำเลยจึงได้ยิงปืนขึ้น 1 นัด เป็นการยิงเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ขาดตอนกับการปล้นการกระทำของจำเลยจึงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมหลังปล้นทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4
จำเลยได้ทำการปล้นทรัพย์ แล้วได้พากันหนีไปห่างที่เกิดเหตุประมาณ 2 เส้น เห็นคนเดินสวนทางมา จำเลยจึงได้ยิงปืนขึ้น 1 นัด เป็นการยิงเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ขาดตอนกับการปล้น การกระทำของจำเลยจึงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและการพิจารณาบาดแผลสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
เมื่อฟ้องโจทก์บรรยายว่า ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัสโดยแจ้งชัดตามกฎหมายว่าสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต ขาเป๋และทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้ว และเมื่อนับจากวันเกิดเหตุที่ผู้เสียหายถูกจำเลยทำร้ายจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องและจำเลยรับสารภาพก็เป็นเวลาร่วม 10 เดือน ซึ่งเท่ากับจำเลยยอมรับในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว จึงเป็นบาดแผลสาหัสตามกฎหมายจริง โดยไม่มีข้อโต้แย้งคัดค้าน ศาลจึงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพบาดแผลสาหัส: ศาลพิจารณาจากระยะเวลาและการยอมรับข้อเท็จจริงของผู้ต้องหา
เมื่อฟ้องโจทก์บรรยายว่า ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัสโดยแจ้งชัดตามกฎหมายว่าสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต ขาเป๋และทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้ว และเมื่อนับจากวันเกิดเหตุที่ผู้เสียหายถูกจำเลยทำร้ายจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องและจำเลยรับสารภาพก็เป็นเวลาร่วม 10 เดือน ซึ่งเท่ากับจำเลยยอมรับในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว จึงเป็นบาดแผลสาหัสตามกฎหมายจริงโดยไม่มีข้อโต้แย้งคัดค้าน ศาลจึงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาจากการลงทุนประกอบอาชีพ และการยึดทรัพย์สินร่วมเพื่อชำระหนี้
กู้เงินมาลงทุนเพื่อประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว จึงเป็นหนี้ของจำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภริยากัน สวนพิพาทไม่ว่าจะเป็นสินสมรสหรือสินเดิม จึงเป็นสินบริคณห์ที่โจทก์นำยึดใช้หนี้ได้ทั้งสิ้น
โจทก์มิใช้อิสลามศาสนิก จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี ฯลฯ พ.ศ. 2489 มาตรา 3 มิได้
โจทก์มิใช้อิสลามศาสนิก จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี ฯลฯ พ.ศ. 2489 มาตรา 3 มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาจากการลงทุนประกอบอาชีพ และการยึดทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้
กู้เงินมาลงทุนเพื่อประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว จึงเป็นหนี้ร่วมของจำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภริยากัน สวนพิพาทไม่ว่าจะเป็นสินสมรสหรือสินเดิม จึงเป็นสินบริคณห์ที่โจทก์นำยึดใช้หนี้ได้ทั้งสิ้น
โจทก์มิใช่อิสลามศาสนิก. จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานีฯลฯ พ.ศ.2489มาตรา 3 มิได้
โจทก์มิใช่อิสลามศาสนิก. จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานีฯลฯ พ.ศ.2489มาตรา 3 มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาจากการลงทุนประกอบอาชีพ: ยึดทรัพย์สินใช้หนี้ได้ แม้เป็นสินสมรสหรือสินเดิม
กู้เงินมาลงทุนเพื่อประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว จึงเป็นหนี้ร่วมของจำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภริยากัน. สวนพิพาทไม่ว่าจะเป็นสินสมรสหรือสินเดิม. จึงเป็นสินบริคณห์ที่โจทก์นำยึดใช้หนี้ได้ทั้งสิ้น.
โจทก์มิใช่อิสลามศาสนิก. จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานีฯลฯ พ.ศ.2489มาตรา 3 มิได้.
โจทก์มิใช่อิสลามศาสนิก. จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานีฯลฯ พ.ศ.2489มาตรา 3 มิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1883/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากเหตุถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ศาลลดโทษได้ตามดุลพินิจ
จำเลยมาพบเห็นผู้ตายกำลังกอดจูบภริยาตน จึงบันดาลโทสะเข้าแทงผู้ตายขณะนั้นทันที. กรณีเช่นนี้ถือว่าจำเลยบันดาลโทสะกระทำไปโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม. ซึ่งศาลอาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้.(เทียบฎีกาที่435/2500).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1883/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากเหตุถูกข่มเหงร้ายแรง ศาลลดโทษได้ตามดุลยพินิจ
จำเลยมาพบเห็นผู้ตายกำลังกอดจูบภริยาตน จึงบันดาลโทสะเข้าแทงผู้ตายขณะนั้นทันที กรณีเช่นนี้ถือว่าจำเลยบันดาลโทสะกระทำไปโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม ซึ่งศาลอาจลงโทษจำน้อยเลยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้(เทียบฎีกาที่ 435/2500)