คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จรัญ อิศระ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2297/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แก้ไขคำให้การได้ แม้ไม่เกี่ยวกับคำให้การเดิม ศาลพิพากษาตามเนื้อที่พิพาทที่คู่ความรับรอง ไม่เกินคำขอ
การแก้ไขคำให้การนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติว่า ข้อความที่ขอแก้ไขใหม่จะต้องเกี่ยวกับคำให้การเดิมหรือข้ออ้างเดิมคงบัญญัติห้ามเฉพาะเรื่องคำฟ้องเท่านั้น ฉะนั้น การแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ จะเป็นการยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่กล่าวแก้ข้อหาของโจทก์ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับคำให้การเดิมหรือไม่ จึงไม่สำคัญ
แม้ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยแต่ศาลฎีกาสั่งรับหากปรากฏว่าข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในท้องสำนวน พอแก่การวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกาก็ไม่จำต้องให้ศาลชั้นต้นสืบพยานฟังข้อเท็จจริงตามคำให้การเพิ่มเติมอีก
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินมีโฉนดที่โจทก์ครอบครอง โดยอ้างว่าเป็นของโจทก์รวม 3 ส่วน ในจำนวน 6 ส่วนหรือเท่ากับครึ่งหนึ่งของโฉนด แม้มิได้ขอเจาะจงว่าที่ดินส่วนใดเป็นของโจทก์ แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทภายในเส้นสีแดงตามแผนที่ซึ่งคู่ความนำชี้เนื้อที่ประมาณ 1 ใน 4 ของโฉนดเป็นของโจทก์ศาลย่อมพิพากษาว่าที่พิพาทภายในเส้นสีแดงเป็นของโจทก์ได้หาเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือเกินคำฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีซื้อขายที่ดินยังไม่ถึงที่สุด แม้มีการท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเฉพาะประเด็นฟ้องซ้ำ
คดีเดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อเรือนออกไปจากที่พิพาท โจทก์ต่อสู้ว่าซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การตั้งตัวแทนไม่มีหนังสือมอบอำนาจมาแสดง รับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลย โจทก์อุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้อ้างว่า ซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลยขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นฟ้องซ้ำและคู่ความตกลง ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 หรือไม่ ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าขณะที่โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อนี้และศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้ตามคำท้านั้น ศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิพากษาคดีเดิม คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148ส่วนจะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 144หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นที่คู่ความท้ากัน เมื่อไม่เห็นสมควร ศาลฎีกาก็ไม่หยิบยกขึ้นวินิจฉัย (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีซื้อขายที่ดินยังไม่ถึงที่สุด แม้มีการท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นเฉพาะ
คดีเดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อเรือนออกไปจากที่พิพาท โจทก์ต่อสู้ว่าซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลยศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การตั้งตัวแทนไม่มีหนังสือมอบอำนาจมาแสดง รับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลย โจทก์อุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้อ้างว่า ซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลย ขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นฟ้องซ้ำ และคู่ความตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148หรือไม่ ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าขณะที่โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ และศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้ตามคำท้านั้น ศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิพากษาคดีเดิม คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ส่วนจะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 144หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นที่คู่ความท้ากัน เมื่อไม่เห็นสมควร ศาลฎีกาก็ไม่หยิบยกขึ้นวินิจฉัย (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผูกพันตามคำท้าสาบานและการฟ้องซ้ำในประเด็นเดิม
โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให้จดทะเบียนรับรอง ก. เป็นบุตรแล้วตกลงท้าสาบานกันโดยถ้าจำเลยสาบานได้ ต้องฟังว่าก. ไม่ใช่บุตรของจำเลย จำเลยสาบานได้ตามคำท้า โจทก์จึงขอถอนฟ้อง และแถลงต่อศาลว่า ไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยอีก ศาลสั่งอนุญาต คำแถลงของโจทก์เช่นนี้เป็นการยอมสละสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 ซึ่งบัญญัติมิให้โจทก์มีสิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยได้ใหม่ จึงผูกมัดตัวโจทก์ตามคำท้า โจทก์จะนำคดีมาฟ้องจำเลยขอให้จดทะเบียนรับ ก. เป็นบุตร อันมีประเด็นอย่างเดียวกันอีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาว่าไม้แปรรูปอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้เพื่อเลี่ยงกฎหมายป่าไม้
ไม้ของกลางมีลักษณะใหม่และสด ตัดมาจากป่าไม่เกินสองปี ดูไม่ออกว่าเป็นชิ้นส่วนของเตียงนอน เพียงแต่ไสกบตบแต่งและบางชิ้นทาแชลแล็คไว้ ลักษณะของไม้ดังกล่าวประกอบเป็นเครื่องใช้พอเป็นพิธี มิได้มีเจตนาจะใช้เป็นเตียงนอนอย่างจริงจัง แต่เป็นการทำเพียงให้เห็นเป็นรูปลักษณะของเตียงนอนเพื่อพรางหรือลวงโดยเจตนาจะหลีกเลี่ยงกฎหมาย จะถือว่าเป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 4(4)หาได้ไม่ แต่เป็นไม้แปรรูปตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกสภาพไม้แปรรูปเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายป่าไม้: ไม้ที่ตกแต่งเป็นรูปลักษณ์เครื่องใช้แต่ไม่มีเจตนาใช้งานจริง ไม่ถือเป็นเครื่องใช้
ไม้ของกลางมีลักษณะใหม่และสด ตัดมาจากป่าไม่เกินสองปี ดูไม่ออกว่าเป็นชิ้นส่วนของเตียงนอนเพียงแต่ไสกบตบแต่งและบางชิ้นทาแชลแล็คไว้ลักษณะของไม้ดังกล่าวประกอบเป็นเครื่องใช้พอเป็นพิธีมิได้มีเจตนาจะใช้เป็นเตียงนอนอย่างจริงจัง แต่เป็นการทำเพียงให้เห็นเป็นรูปลักษณะของเตียงนอนเพื่อพรางหรือลวงโดยเจตนาจะหลีกเลี่ยงกฎหมาย จะถือว่าเป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4)พ.ศ.2503 มาตรา 4(4)หาได้ไม่ แต่เป็นไม้แปรรูปตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องโจทก์: แม้จำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยประเด็นเจ้าของที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติ
แม้จำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น ที่สั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยไว้ แต่เมื่อคดีมีประเด็นเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์ ศาลอุทธรณ์ย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ โดยให้ศาลชั้นต้นสืบพยานในประเด็นดังกล่าว แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2043/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล่อยตัวผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวก่อนศาลตัดสินและผลกระทบต่อการลงโทษตามมาตรา 316
จำเลยกับพวกจับ ก. ใส่กุญแจมือพาตัวไป มารดาของ ก. ตามไปทันจำเลย ขอตัว ก. คืน จำเลยเรียกเงินค่าไถ่ 2,000 บาท พวกผู้เสียหายมอบเงิน 2,000 บาทให้จำเลยเพื่อเป็นค่าไถ่ตามที่จำเลยเรียกร้อง แล้วจำเลยจึงได้จัดการปล่อยตัว ก. โดยไม่ปรากฏว่า ก. ได้รับอันตรายสาหัส หรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยได้จัดให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา โดยผู้นั้นมิได้รับอันตรายสาหัส หรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ซึ่งมาตรา 316 ให้ลงโทษน้อยกว่าที่กำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องเงินทดรองค่าจ้างทำของและการจ้างเหมา
โจทก์ว่าจ้างจำเลยทำไม้ โดยจำเลยผู้รับจ้างเป็นผู้ตัดฟันชักลาก ล่องนำไม้ไปส่งอู่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เป็นการจ้างเหมา สัญญาจ้างนี้อยู่ในลักษณะจ้างทำของ
สิทธิเรียกร้องในการที่โจทก์จะฟ้องเรียกเงินทดรองค่าจ้างทำของที่จ่ายล่วงหน้าและเหลืออยู่ คืนจากจำเลยผู้รับจ้าง มีอายุความ 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1973/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแทนวัด: ไวยาวัจกรต้องได้รับมอบอำนาจจากเจ้าอาวาสหรือผู้รักษาการแทนเท่านั้น
ไวยาวัจกรให้กู้เงินของวัดและทำสัญญาในฐานะไวยาวัจกรของวัด ซึ่งเท่ากับทำสัญญาในฐานะตัวแทนของวัด เมื่อจะฟ้องผู้กู้ให้ชำระหนี้ เจ้าอาวาสหรือผู้รักษาการแทนเท่านั้นที่มีอำนาจฟ้องคดีแทนวัด ไวยาวัจกรซึ่งไม่ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าอาวาสหรือผู้รักษาการแทนให้ดำเนินคดี หามีอำนาจฟ้องแทนวัดได้ไม่
เมื่อจำเลยต่อสู้ไว้ในคำให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์ย่อมยกประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้บางส่วน จำเลยไม่อุทธรณ์ โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้จำเลยชำระหนี้เต็มจำนวน เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียทั้งหมด (ข้อกฎหมายวรรคท้ายสรุปจากผลแห่งคำพิพากษา และโปรดสังเกตคำพิพากษาฎีกาที่ 678/2490 เทียบเคียง)
of 36