คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จรัญ อิศระ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมกรรมความผิดฐานชุลมุนต่อสู้กับความผิดฐานฆ่าโดยเจตนา ศาลฎีกาตัดสินว่ากรรมเดียว
จำเลยสี่คนกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง มีอาวุธเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้กัน จนเป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตายสองคนและได้รับอันตรายสาหัสอีกคนหนึ่ง ผู้ตายคนหนึ่งถึงแก่ความตายเพราะถูกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยิงในการชุลมุนต่อสู้กันนั้นเช่นนี้ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทคือ จำเลยทุกคนผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294, 299, 83เฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 288 อีกบทหนึ่งซึ่งจะต้องลงโทษจำเลยสองคนนี้ตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ถูกต้องได้ (แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะเจ้าพนักงานในการไปรษณีย์: พนักงานรถไฟที่รับส่งถุงไปรษณีย์ ไม่ถือเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการไปรษณีย์
จำเลยเป็นพนักงานของการรถไฟฯ ได้รับมอบหมายจากนายสถานีให้เป็นเสมียนเมล์มีหน้าที่รับส่งถุงไปรษณีย์และไปรษณีย์ภัณฑ์ให้แก่การไปรษณีย์ หามีผลให้จำเลยมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการไปรษณีย์ไม่ เมื่อจำเลยกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยเปิดและทำให้เสียหายแก่จดหมายที่ส่งทางไปรษณีย์ ก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 163

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์: ยื่นก่อนวันขายทอดตลาดได้ หากยังไม่สามารถชำระหนี้ได้จากทรัพย์อื่นทั้งหมด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสาม บัญญัติว่า 'ในกรณีที่ยึดทรัพย์สินเพื่อขายทอดตลาดหรือจำหน่ายโดยวิธีอื่น คำขอเช่นว่านี้ให้ยื่นก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วันนับแต่วันขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้น' การที่ผู้ร้องยื่นคำขอเฉลี่ยก่อนวันขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นไม่มีอะไรห้ามไม่ให้ยื่นเพราะกฎหมายบัญญัติไว้แต่เพียงว่าอย่าให้ช้ากว่า 14 วันนับแต่วันขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินเท่านั้น
การขอเฉลี่ยทรัพย์นั้น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจะเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินไม่ได้ ก็แต่ในกรณีที่ยังมีทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่ และเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยังสามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ นั้น
คำว่า สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่นๆ ของลูกหนี้ได้นั้น หมายความว่าสามารถเอาชำระได้โดยสิ้นเชิง การได้รับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วน หาเป็นการสามารถเอาชำระหนี้ตามความหมายของมาตรา 290 วรรคสอง ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้หลังเจ้ามรดกเสียชีวิต ทำให้อายุความเริ่มนับใหม่ และการที่ผู้จัดการมรดกปฏิเสธสัญญาก่อให้เกิดความเสียหาย
คำฟ้องของโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงว่า เมื่อเจ้ามรดกคู่สัญญาถึงแก่กรรมลง จำเลยและทายาทของผู้ตายได้รับรู้สิทธิในสัญญาที่ผู้ตายได้ทำไว้กับโจทก์ และได้ปฏิบัติตามสิทธิทายาทผู้รับมรดกของผู้ตายด้วยดีตลอดมา ถือว่าโจทก์ได้ตั้งประเด็นไว้ในคำฟ้องแล้วว่าได้มีการรับสภาพหนี้หลังจากคู่สัญญาถึงแก่กรรม ฉะนั้น การที่ศาลวินิจฉัยว่ามีการรับสภาพหนี้ จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น
หลังจากคู่สัญญาถึงแก่กรรมและก่อนศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก โจทก์ได้ให้คนไปติดต่อกับจำเลยซึ่งเป็นทายาทของผู้ตายให้ไปให้ความยินยอมเกี่ยวกับการขยายแนวเขตถนนตามแบบแปลนปลูกสร้างที่ทางเทศบาลยังทักท้วงอยู่ จำเลยขอผัดให้จำเลยได้เป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อนแล้วจะไปให้ความยินยอม และจำเลยเองก็รับว่าหลังจากจำเลยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ได้ให้บุตรจำเลยไปเตือนโจทก์ด้วยวาจาและหนังสือให้โจทก์ไปทำการปลูกสร้างอาคารตามสัญญา เป็นการแสดงออกโดยชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับรู้สิทธิและหน้าที่ซึ่งจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของคู่สัญญาจะถือปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญา พฤติการณ์ของจำเลยจึงถือได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันปราศจากเคลือบแคลงสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172
เมื่อมีการรับสภาพหนี้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ที่มิให้เจ้าหนี้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันตายของเจ้ามรดกย่อมสะดุดหยุดลงและต้องเริ่มนับขึ้นใหม่แต่เวลานั้นสืบไปตามอายุความแห่งมูลหนี้ซึ่งในคดีนี้มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 นับแต่วันที่จำเลยรับสภาพหนี้จนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเพียงปีเศษ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
เมื่อไม่ปรากฏชัดในฎีกาว่าศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายที่ให้จำเลยใช้ ไม่ชอบด้วยเหตุผลในรายการใด และไม่ชอบอย่างไรศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของร้านค้าสวัสดิการกองทัพ และนายทหารผู้รับผิดชอบในการชำระหนี้ค่าสินค้า
ร้านค้าสวัสดิการในมณฑลทหารบก ซึ่งผู้บัญชาการมณฑลทหารบกอนุมัติให้ตั้งขึ้น ไม่ใช่ของทางราชการ กองทัพบกมีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพบกและป้องกันราชอาณาจักรไม่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบการค้าแม้มณฑลทหารบกจะเป็นหน่วยราชการสังกัดกองทัพบก ร้านค้าสวัสดิการนี้ก็ไม่ใช่ราชการของกองทัพบก กองทัพบกไม่มีส่วนรับผิดชอบด้วย
จำเลยมีตำแหน่งเป็นนายทหารฝ่ายสวัสดิการของมณฑลทหารบกได้จัดตั้งร้านค้าสวัสดิการขึ้นตามที่ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกดำริและอนุมัติ โดยจำเลยเป็นผู้ควบคุมดูแลกิจการค้าของร้านเมื่อจวนสิ้นเดือน เจ้าหน้าที่ผู้ขายจะรวบรวมบิลเงินเชื่อที่ข้าราชการมณฑลทหารบกเป็นผู้ซื้อเสนอจำเลยเพื่อจำเลยจะเสนอไปยังเจ้าหน้าที่การเงินให้หักเงินเดือนผู้ซื้อ เงินที่หักไว้นี้จำเลยเป็นผู้รับมาแล้วจ่ายให้พ่อค้า เมื่อจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ ย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงที่จะต้องเก็บรวบรวมเงินที่ขายได้ชำระให้โจทก์จะปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยต้องเป็นเหตุที่ป้องกันไม่ได้ การขาดความระมัดระวังในการขับขี่เครื่องบินถือเป็นประมาทเลินเล่อ
เหตุสุดวิสัยต้องเป็นเหตุผิดปกติ สุดวิสัยที่คิดว่าจะมีขึ้น หากอาจป้องกันผลพิบัติได้ด้วยการจัดการระมัดระวังตามสมควรย่อมไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
นักบินอื่นเคยนำเครื่องบินไปเติมน้ำมันที่สนามบินพาณิชย์ดอนเมืองบ่อย ๆ และประสบกับกระแสลมปั่นป่วนอยู่เป็นประจำ เพราะมีเครื่องบินลำอื่นเข้าออกอยู่เสมอ ในการบินขึ้นหรือลงในบริเวณที่มีเครื่องบินจอดอยู่ต้องระวังมากกว่าที่อื่น ฉะนั้นการที่จำเลยขับเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ไปเติมน้ำมัน ณ สถานที่ดังกล่าว แม้จะประสบกับอากาศปั่นป่วนเพราะเครื่องบินไอพ่นติดเครื่องท่อไอพ่นหันมาทางเครื่องบินที่จำเลยขับเคลื่อนลอยอยู่กับมีเครื่องบินใบพัดสี่เครื่องยนต์แท้กซี่ผ่านจนเป็นเหตุให้เครื่องบินที่จำเลยขับขี่เสียการทรงตัว เอียงกระแทกพื้นลานบินปลายใบพัดกระทบพื้นหักกระเด็นไปถูกเครื่องบินลำอื่นเสียหายจำเลยก็ไม่อาจอ้างได้ว่าความเสียหายเกิดจากเหตุสุดวิสัย
จำเลยได้ขับเครื่องบินไปลงจอดเติมน้ำมันที่หลุมเติมน้ำมันแต่ขาดความรู้ความชำนาญในการขับขี่บังคับเครื่องบินกว่าจะเข้าจอดตรงหลุมน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ต้องขยับเครื่องบินึ้นลงถึงสามครั้ง ประกอบกับบริเวณนั้นมีกระแสลมปั่นป่วนอยู่เป็นประจำ เนื่องจากมีเครื่องบินเข้าออกอยู่เสมอและจอดอยู่มาก ซึ่งในการบินขึ้นลงต้องระมัดระวังมากกว่าที่อื่น เมื่อจำเลยใช้ความระมัดระวังไม่เพียงพอ และก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น ย่อมถือได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยต้องเป็นเหตุที่ป้องกันไม่ได้ ความประมาทจากการขาดความชำนาญในการขับขี่ถือเป็นเหตุละเมิด
เหตุสุดวิสัยต้องเป็นเหตุผิดปกติ สุดวิสัยที่คิดว่าจะมีขึ้นหากอาจป้องกันผลพิบัติได้ด้วยการจัดการระมัดระวังตามสมควรย่อมไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
นักบินอื่นเคยนำเครื่องบินไปเติมน้ำมันที่สนามบินพาณิชย์ดอนเมืองบ่อย ๆ และประสบกับกระแสลมปั่นป่วนอยู่เป็นประจำเพราะมีเครื่องบินลำอื่นเข้าออกอยู่เสมอ ในการบินขึ้นหรือลงในบริเวณที่มีเครื่องบินจอดอยู่ต้องระวังมากกว่าที่อื่น ฉะนั้นการที่จำเลยขับเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ไปเติมน้ำมัน ณ สถานที่ดังกล่าว แม้จะประสบกับอากาศปั่นป่วนเพราะเครื่องบินไอพ่นติดเครื่องท่อไอพ่นหันมาทางเครื่องบินที่จำเลยขับเคลื่อนลอยอยู่กับมีเครื่องบินใบพัดสี่เครื่องยนต์แท้กซี่ผ่านจนเป็นเหตุให้เครื่องบินที่จำเลยขับขี่เสียการทรงตัว เอียงกระแทกพื้นลานบินปลายใบพัดกระทบพื้นหักกระเด็นไปถูกเครื่องบินลำอื่นเสียหายจำเลยก็ไม่อาจอ้างได้ว่าความเสียหายเกิดจากเหตุสุดวิสัย
จำเลยได้ขับเครื่องบินไปลงจอดเติมน้ำมันที่หลุมเติมน้ำมันแต่ขาดความรู้ความชำนาญในการขับขี่บังคับเครื่องบินกว่าจะเข้าจอดตรงหลุมน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ต้องขยับเครื่องบินขึ้นลงถึงสามครั้ง ประกอบกับบริเวณนั้นมีกระแสลมปั่นป่วนอยู่เป็นประจำเนื่องจากมีเครื่องบินเข้าออกอยู่เสมอและจอดอยู่มาก ซึ่งในการบินขึ้นลงต้องระมัดระวังมากกว่าที่อื่น เมื่อจำเลยใช้ความระมัดระวังไม่เพียงพอ และก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น ย่อมถือได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: การฟ้องร้องไม่สมบูรณ์เมื่อรั้วปิดกั้นอยู่บนที่ดินของโจทก์เอง
ลักษณะสำคัญของภารจำยอม คือ ต้องมีอสังหาริมทรัพย์อย่างน้อยสองอสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์หนึ่งต้องตกอยู่ในภาระรับกรรมบางอย่างหรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างเพื่อประโยชน์แก่อีกอสังหาริมทรัพย์หนึ่ง อสังหาริมทรัพย์ที่ต้องตกอยู่ในภาระรับกรรมนั้นเรียก'ภารยทรัพย์' และที่มีสิทธิเหนือภารยทรัพย์นั้นเรียก 'สามยทรัพย์'
โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิภารจำยอมให้บังคับจำเลยเปิดทางเดินโดยอ้างว่าจำเลยล้อมรั้วปิดกั้นทางผ่านเข้าออกบนที่ดินของจำเลย แต่ตามแผนที่พิพาทที่โจทก์นำชี้กลับปรากฏว่ารั้วที่จำเลยปิดกั้นทางผ่านเข้าออกที่โจทก์ขอให้รื้อถอนนั้นอยู่ภายในเขตที่ดินของโจทก์เอง ดังนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการฟ้องร้องในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จะฟ้องอ้างสิทธิภารจำยอมให้จำเลยรื้อรั้วและจดทะเบียนทางเป็นภารจำยอมในที่ดินซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์หาได้ไม่ กรณีเช่นนี้ถือว่าโจทก์นำสืบได้ไม่สมสภาพข้อหาข้ออ้างในคำฟ้อง ศาลชอบที่จะยกฟ้องเสียได้
แม้จะปรากฏในแผนที่พิพาทว่าทางบางส่วนอยู่ในเขตที่ดินจำเลย แต่เป็นทางตอนปลายซึ่งจำเลยมิได้ทำรั้วปิดกั้น เมื่อทางตอนต้นทางซึ่งจำเลยปิดกั้นรั้ว โจทก์ไม่อาจขอให้บังคับ จำเลยเปิดในฐานะเป็นทางภารจำยอมได้ในคดีนี้ย่อมไม่มีประโยชน์ที่ศาลจะวินิจฉัยเฉพาะทางตอนปลายเพราะถึงอย่างไรโจทก์ก็ยังไม่อาจใช้ทางผ่านเข้าออกได้ศาลย่อมยกฟ้องได้ทั้งหมด แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่เกี่ยวกับทางนี้ตามที่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่ง-อาญาแยกส่วน การประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งไม่ผูกพันคดีอาญา
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาไว้แล้ว ต่อมาได้ฟ้องในทางแพ่งเป็นอีกคดีหนึ่ง แล้วได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งโดยมิได้มีข้อความว่า โจทก์จำเลยตกลงยอมความคดีส่วนอาญาที่ได้ยื่นฟ้องไว้แล้วนั้นด้วย และที่จำเลยอ้างว่าเมื่อจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันนั้น โจทก์ก็รับว่าจะถอนคดีส่วนอาญาให้ด้วย ความข้อนี้ก็ไม่ปรากฏในสำนวน ดังนี้คดีอาญาที่ได้ยื่นฟ้องไว้แล้วนั้นยังหาระงับไปด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่ง-อาญาแยกส่วน ประนีประนอมแพ่งไม่ผูกพันคดีอาญา สิทธิฟ้องอาญาไม่ระงับ
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาไว้แล้ว ต่อมาได้ฟ้องในทางแพ่งเป็นอีกคดีหนึ่ง แล้วได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งโดยมิได้มีข้อความว่า โจทก์จำเลยตกลงยอมความคดีส่วนอาญาที่ได้ยื่นฟ้องไว้แล้วนั้นด้วย และที่จำเลยอ้างว่าเมื่อจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันนั้น โจทก์ก็รับว่าจะถอนคดีส่วนอาญาให้ด้วย ความข้อนี้ก็ไม่ปรากฏในสำนวน ดังนี้ คดีอาญาที่ได้ยื่นฟ้องไว้แล้วนั้นยังหาระงับไปด้วยไม่
of 36