พบผลลัพธ์ทั้งหมด 243 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการชี้ขาดกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินมรดกเมื่อมีข้อโต้แย้งระหว่างทายาทและผู้จัดการมรดก
ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันโดยศาลตั้ง ผู้ร้องร้องต่อศาลขอให้ศาลชี้ขาดว่าทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเป็นทรัพย์มรดก ผู้คัดค้านค้านว่าเป็นทรัพย์ของ ส. บิดาของตน ดังนี้ การโต้แย้งของผู้คัดค้านเป็นการโต้แย้งในฐานะเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของ ส. จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่มีข้อโต้แย้งกันโดยเฉพาะระหว่างผู้จัดการมรดกร่วมกัน ผู้ร้องจะขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดในคดีขอตั้งผู้จัดการว่าทรัพย์สิ่งใดเป็นทรัพย์ของกองมรดกไม่ได้ เมื่อผู้คัดค้านโต้แย้งสิทธิของกองมรดก ผู้ร้องก็ชอบที่จะฟ้องร้องได้ตามสิทธิของผู้ร้อง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องทรัพย์สินมรดก: อำนาจศาลในการชี้ขาดกรรมสิทธิ์ระหว่างกองมรดกกับทายาท
ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันโดยศาลตั้ง.ผู้ร้องร้องต่อศาลขอให้ศาลชี้ขาดว่าทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเป็นทรัพย์มรดก. ผู้คัดค้านค้านว่าเป็นทรัพย์ของ ส. บิดาของตน. ดังนี้ การโต้แย้งของผู้คัดค้านเป็นการโต้แย้งในฐานะเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของ ส.. จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่มีข้อโต้แย้งกันโดยเฉพาะระหว่างผู้จัดการมรดกร่วมกัน. ผู้ร้องจะขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดในคดีขอตั้งผู้จัดการว่าทรัพย์สิ่งใดเป็นทรัพย์ของกองมรดกไม่ได้. เมื่อผู้คัดค้านโต้แย้งสิทธิของกองมรดก ผู้ร้องก็ชอบที่จะฟ้องร้องได้ตามสิทธิของผู้ร้อง. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2512).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องทรัพย์มรดก: ผู้จัดการมรดกฟ้องชี้ขาดกรรมสิทธิ์ได้ หากอีกฝ่ายโต้แย้งในฐานะทายาท
ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันโดยศาลตั้ง ผู้ร้องร้องต่อศาลขอให้ศาลชี้ขาดว่าทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเป็นทรัพย์มรดก ผู้คัดค้านว่าเป็นทรัพย์ของ ส. บิดาของตน ดังนี้ การโต้แย้งของผู้คัดค้านเป็นการโต้แย้งในฐานะเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกอง ส. จึงไม่ใช่เป็เรื่องที่มีข้อโต้แย้งกันโดยเฉพาะระหว่างผู้จัดการมรดกร่วมกัน ผู้ร้องจะขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดในคดีของตั้งผู้จัดการว่าทรัพย์สิ่งใดเป็นทรัพย์ของกองมรดกไมได้ เมื่อผู้คัดค้านโต้แย้งสิทธิของกองมรดก ผู้ร้องก็ชอบที่จะฟ้องร้องให้ตามสิทธิของผู้ร้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2512)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการวางเงินค่าทดแทนเวนคืน: ศาลต้องวินิจฉัยสถานะเจ้าของก่อนจ่ายเงิน
ผู้ร้องในฐานะเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าทดแทนตามที่เห็นสมควรต่อศาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2497 มาตรา 28 เพราะผู้ร้องคัดค้านมิใช่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถูกเวนคืน ส่วนผู้ร้องคัดค้านทั้งสองฝ่ายต่างคัดค้าน เป็นปรปักษ์กันเองว่าต่างคนต่างเป็นเจ้าของแต่ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองเห็นว่าเงินค่าทดแทนยังไม่เป็นธรรม ผู้ร้องไม่มีสิทธิวางเงินต่อศาล ขอให้ยกคำร้องคดีจึงมีประเด็นว่าผู้ร้องมีสิทธิวางเงินรายนี้ได้หรือไม่ และถ้ามีสิทธิวางได้ ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองจะมีสิทธิรับเงินที่วางได้เพียงไรหรือไม่ แต่ในการพิจารณา ศาลเพียงแต่สอบถามคู่ความเมื่อไม่ตกลงกันก็มีคำสั่งให้คู่กรณีไปดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นที่พิพาท ผู้ร้องคัดค้านจึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะมีสิทธิรับเงินรายนี้ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการวางเงินค่าทดแทนเวนคืนและการรับเงินเมื่อสถานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ยังไม่ชัดเจน
ผู้ร้องในฐานะเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าทดแทนตามที่เห็นสมควรต่อศาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2497 มาตรา 28 เพราะผู้ร้องคัดค้านมิใช่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถูกเวนคืน ส่วนผู้ร้องคัดค้านทั้งสองฝ่ายต่างคัดค้านเป็นปรปักษ์กันเองว่าต่างคนต่างเป็นเจ้าของ แต่ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองเห็นว่าเงินค่าทดแทนยังไม่เป็นธรรม ผู้ร้องไม่มีสิทธิวางเงินต่อศาล ขอให้ยกคำร้อง คดีจึงมีประเด็นว่าผู้ร้องมีสิทธิวางเงินรายนี้ได้หรือไม่ และถ้ามีสิทธิวางได้ ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองจะมีสิทธิรับเงินที่วางได้เพียงไรหรือไม่ แต่ในการพิจารณา ศาลเพียงแต่สอบถามคู่ความ เมื่อไม่ตกลงกันก็มีคำสั่งให้คู่กรณีไปดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นที่พิพาท ผู้ร้องคัดค้านจึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะมีสิทธิรับเงินรายนี้ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการวางเงินค่าทดแทนเวนคืน: เจ้าของกรรมสิทธิ์ยังไม่ชัดเจน ศาลยังไม่วินิจฉัยสิทธิรับเงิน
ผู้ร้องในฐานะเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ. ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าทดแทนตามที่เห็นสมควรต่อศาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2497 มาตรา 28. เพราะผู้ร้องคัดค้านมิใช่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถูกเวนคืน. ส่วนผู้ร้องคัดค้านทั้งสองฝ่ายต่างคัดค้านเป็นปรปักษ์กันเองว่าต่างคนต่างเป็นเจ้าของ. แต่ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองเห็นว่าเงินค่าทดแทนยังไม่เป็นธรรม. ผู้ร้องไม่มีสิทธิวางเงินต่อศาล. ขอให้ยกคำร้อง. คดีจึงมีประเด็นว่าผู้ร้องมีสิทธิวางเงินรายนี้ได้หรือไม่. และถ้ามีสิทธิวางได้. ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองจะมีสิทธิรับเงินที่วางได้เพียงไรหรือไม่. แต่ในการพิจารณา ศาลเพียงแต่สอบถามคู่ความ. เมื่อไม่ตกลงกัน.ก็มีคำสั่งให้คู่กรณีไปดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นที่พิพาท. ผู้ร้องคัดค้านจึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะมีสิทธิรับเงินรายนี้ได้ตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอให้ศาลสั่งให้บุคคลเป็นคนสาบสูญ เมื่อขาดการติดต่อและออกจากภูมิลำเนาเป็นเวลานาน
ในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้บิดาของผู้ร้องเป็นคนสาบสูญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 และมีผู้คัดค้านเข้ามาในคดี เมื่อพยานหลักฐานของผู้ร้องและผู้คัดค้านไม่มีใครทราบแน่ว่า บิดาผู้ร้องเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่เมื่อฟังได้ว่าบิดาผู้ร้องไปจากภูมิลำเนาได้ 20 ปีเศษแล้ว โดยไม่กลับมาอีกเลย กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 ในอันที่จะมีคำสั่งให้บิดาผู้ร้องเป็นคนสาบสูญได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาบุคคลเป็นคนสาบสูญเมื่อขาดการติดต่อและหายตัวไปเป็นเวลานาน
ในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้บิดาของผู้ร้องเป็นคนสาบสูญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 และมีผู้คัดค้านเข้ามาในคดี เมื่อพยานหลักฐานของผู้ร้องและผู้คัดค้านไม่มีใครทราบแน่ว่า บิดาผู้ร้องเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่เมื่อฟังได้ว่าบิดาผู้ร้องไปจากภูมิลำเนาได้ 20 ปีเศษแล้ว โดยไม่กลับมาอีกเลย กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 ในอันที่จะมีคำสั่งให้บิดาผู้ร้องเป็นคนสาบสูญได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งให้บุคคลเป็นคนสาบสูญเมื่อหายตัวไปนานและไม่มีข้อมูลการกลับมา
ในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้บิดาของผู้ร้องเป็นคนสาบสูญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64. และมีผู้คัดค้านเข้ามาในคดี. เมื่อพยานหลักฐานของผู้ร้องและผู้คัดค้านไม่มีใครทราบแน่ว่า บิดาผู้ร้องเป็นตายร้ายดีอย่างไร. แต่เมื่อฟังได้ว่าบิดาผู้ร้องไปจากภูมิลำเนาได้ 20 ปีเศษแล้ว โดยไม่กลับมาอีกเลย. กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 ในอันที่จะมีคำสั่งให้บิดาผู้ร้องเป็นคนสาบสูญได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการรับคำคัดค้านหลังเริ่มไต่สวนพยานในคดีจัดการมรดก
การที่ผู้ร้องคัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านในกรณีขอเป็นผู้จัดการมรดก. ภายหลังจากศาลได้เริ่มสืบพยานผู้ร้องไปแล้วนั้น. ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะเห็นสมควรรับคำร้องคัดค้านหรือไม่.