พบผลลัพธ์ทั้งหมด 243 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1858/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแท้จริงในสัญญายอมความ: รายการทรัพย์ที่ระบุชัดเจนมีผลเหนือข้อความคลุมเครือ
สัญญายอมความซึ่งข้อความตอนต้นกล่าวว่าให้แบ่งมฤดกตามพินัยกรรม์ แต่ในตอนหลังของข้อเดียวกันนั้นระบุรายการทรัพย์ไว้ชัดแจ้งว่าให้แบ่งทรัพย์อย่างใด ให้ใคร และแบ่งกันอย่างไรซึ่งไม่ตรงกับพินัยกรรม์ ดังนี้ ถือว่าคู่ความมีเจตนาอันแท้จริงที่จะแบ่งทรัพย์มฤดกตามรายการที่ระบุในตอนหลัง
คดีที่ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว หากมีข้อขัดข้องสงสัย ให้คู่ความร้องขอให้ศาลสั่งได้ เพราะเป็นเรื่องพิพาทกันด้วยเรื่องบังคับคดี มิใช่เรื่องที่อ้างว่าคำพิพากษาไม่เป็นไปตามยอม เมื่อศาลชั้นต้นสั่งอย่างไรแล้ว ต่อไปคู่ความก็มีสิทธิอุทธรณ์,ฎีกาได้ตามวิธีพิจารณา
คดีที่ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว หากมีข้อขัดข้องสงสัย ให้คู่ความร้องขอให้ศาลสั่งได้ เพราะเป็นเรื่องพิพาทกันด้วยเรื่องบังคับคดี มิใช่เรื่องที่อ้างว่าคำพิพากษาไม่เป็นไปตามยอม เมื่อศาลชั้นต้นสั่งอย่างไรแล้ว ต่อไปคู่ความก็มีสิทธิอุทธรณ์,ฎีกาได้ตามวิธีพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1858/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแท้จริงในสัญญายอมความ: รายการทรัพย์ที่ระบุชัดเจนมีผลเหนือข้อความกว้างๆ ในตอนต้น
สัญญายอมความซึ่งข้อความตอนต้นกล่าวว่าให้แบ่งมรดกตามพินัยกรรม แต่ในตอนหลังของข้อเดียวกันนั้นระบุรายการทรัพย์ไว้ชัดแจ้งว่าให้แบ่งทรัพย์อย่างใด ให้ใคร และแบ่งกันอย่างไรซึ่งไม่ตรงกับพินัยกรรม ดังนี้ถือว่าคู่ความมีเจตนาอันแท้จริงที่จะแบ่งทรัพย์มรดกตามรายการที่ระบุในตอนหลัง
คดีที่ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว หากมีข้อขัดข้องสงสัย ให้คู่ความร้องขอให้ศาลสั่งได้ เพราะเป็นเรื่องพิพาทกันด้วยเรื่องบังคับคดี มิใช่เรื่องที่อ้างว่าคำพิพากษาไม่เป็นไปตามยอม เมื่อศาลชั้นต้นสั่งอย่างไรแล้ว ต่อไปคู่ความก็มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตามวิธีพิจารณา
คดีที่ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว หากมีข้อขัดข้องสงสัย ให้คู่ความร้องขอให้ศาลสั่งได้ เพราะเป็นเรื่องพิพาทกันด้วยเรื่องบังคับคดี มิใช่เรื่องที่อ้างว่าคำพิพากษาไม่เป็นไปตามยอม เมื่อศาลชั้นต้นสั่งอย่างไรแล้ว ต่อไปคู่ความก็มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตามวิธีพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยครอบครองปรปักษ์: หน้าที่การนำสืบของผู้คัดค้านเมื่อรับทราบการครอบครองเกิน 10 ปี
ผู้ร้องได้ร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินโฉนดมีชื่อนายวันเป็นเจ้าของเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินรายนี้มาโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า10 ปีแล้ว ผู้คัดค้านอ้างว่า นายวันเป็นบิดาผู้คัดค้าน
เมื่อ 10 ปีเศษนายวันได้นำโฉนดที่ดินรายนี้ไปวางประกันเงินกู้นายท้วมและให้ทำกินต่างดอกเบี้ย นายท้วมตายโฉนดจึงตกอยู่แก่ผู้ร้องดังนี้ เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านจะต้องนำสืบก่อน ในเมื่อผู้คัดค้านรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว
เมื่อ 10 ปีเศษนายวันได้นำโฉนดที่ดินรายนี้ไปวางประกันเงินกู้นายท้วมและให้ทำกินต่างดอกเบี้ย นายท้วมตายโฉนดจึงตกอยู่แก่ผู้ร้องดังนี้ เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านจะต้องนำสืบก่อน ในเมื่อผู้คัดค้านรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้ปกครอง: ผู้ร้องต้องพิสูจน์ความเหมาะสมของผู้ถูกเสนอชื่อ ไม่ใช่แค่เปรียบเทียบกับผู้คัดค้าน
อัยการได้ร้องขอให้ตั้ง ส.เป็นผู้ปกครองผู้เยาว์มีผู้คัดค้านว่าส.เป็นผู้ไม่สมควรเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ประเด็นคงมีแต่เพียงว่า สมควรจะตั้ง ส.เป็นผู้ปกครองผู้เยาว์หรือไม่ ผู้ร้องขอมุ่งสืบไปในทางว่า ส. เป็นผู้ที่สมควรเป็นผู้ปกครองมากกว่าผู้คัดค้าน แต่หาได้สืบให้เป็นที่พอใจศาลว่า ส. เป็นผู้ที่สมควรเป็นผู้ปกครองหรือไม่ ดังนี้ ต้องยกคำร้องขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาข้อคัดค้านการตั้งผู้จัดการมฤดก และการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ในเรื่องร้องขอเป็นผู้จัดมฤดก แม้ผู้คัดค้านไม่มีอำนาจศาลย่อมระลึกถึงข้องที่ผู้ร้องเรียกตลอดจนการเรียกพะยานเพื่อประกอบการพิจารณาได้
คำพิพากษาตามปกติย่อมเข้าใจว่า เป็นคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นหมดการพิจารณาสำหรับคดีนั้น ถ้ายังไม่ยุตติการพิจารณาคดีนี้ ก็ชอบที่จะใช้เป็นคำสั่งซึ่งในทางปฏิบัติเรียกว่าคำสั่งระหว่างพิจารณา
(ม.226 ป.ม.วิ.แพ่ง)
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ดำเนินคดีไปอย่างคดีมีข้อพิพาท ศาลชั้นต้นจะพิพากษาหรือสั่งว่าผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเป็นคู่ความไม่ได้ เพราะขัดต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการพิจารณาไปอย่างคดีมีข้อพิพาท
คำพิพากษาตามปกติย่อมเข้าใจว่า เป็นคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นหมดการพิจารณาสำหรับคดีนั้น ถ้ายังไม่ยุตติการพิจารณาคดีนี้ ก็ชอบที่จะใช้เป็นคำสั่งซึ่งในทางปฏิบัติเรียกว่าคำสั่งระหว่างพิจารณา
(ม.226 ป.ม.วิ.แพ่ง)
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ดำเนินคดีไปอย่างคดีมีข้อพิพาท ศาลชั้นต้นจะพิพากษาหรือสั่งว่าผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเป็นคู่ความไม่ได้ เพราะขัดต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการพิจารณาไปอย่างคดีมีข้อพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคัดค้านการจัดการมรดก และการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ในเรื่องร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก แม้ผู้คัดค้านไม่มีอำนาจคัดค้านศาลย่อมระลึกถึงข้อที่ผู้ร้องเรียนตลอดจนการเรียกพยานเพื่อประกอบการพิจารณาได้
คำพิพากษาตามปกติย่อมเข้าใจว่า เป็นคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นหมดการพิจารณาสำหรับคดีนั้น ถ้ายังไม่ยุติการพิจารณาคดีนั้น ก็ชอบที่จะใช้เป็นคำสั่งซึ่งในทางปฏิบัติเรียกว่าคำสั่งระหว่างพิจารณา(มาตรา 226ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง)
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ดำเนินคดีไปอย่างคดีมีข้อพิพาทศาลชั้นต้นจะพิพากษาหรือสั่งว่าผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเป็นคู่ความไม่ได้เพราะขัดต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการพิจารณาไปอย่างคดีมีข้อพิพาท
คำพิพากษาตามปกติย่อมเข้าใจว่า เป็นคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นหมดการพิจารณาสำหรับคดีนั้น ถ้ายังไม่ยุติการพิจารณาคดีนั้น ก็ชอบที่จะใช้เป็นคำสั่งซึ่งในทางปฏิบัติเรียกว่าคำสั่งระหว่างพิจารณา(มาตรา 226ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง)
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ดำเนินคดีไปอย่างคดีมีข้อพิพาทศาลชั้นต้นจะพิพากษาหรือสั่งว่าผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเป็นคู่ความไม่ได้เพราะขัดต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการพิจารณาไปอย่างคดีมีข้อพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับข้อเสนอของคู่ความศาลยึดถือเป็นสิ้นสุด แม้ภายหลังจะอ้างสำคัญผิดเกี่ยวกับเนื้อที่ดิน
มีผู้คัดค้านอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินบางส่วนแปลงที่ผู้ร้อง ร้องขอให้ศาลแสดงว่าเป็นของผู้ร้อง และได้แถลงต่อศาลว่า ถ้าผู้ร้องตกลงยอมให้ที่ดินกับผู้ค้านตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำคัดค้านแล้ว ผู้ค้านก็ไม่ติดใจคัดค้านอะไรอีก ผู้ร้องตกลงยอม ศาลจึงพิพากษาให้ที่ตามบัญชีท้ายคำคัดค้านเป็นของผู้ค้าน ส่วนที่เหลือจากนั้น ให้เป็นของผู้ร้อง ดังนี้ ผู้ค้านจะอ้างว่าคัดรายการเนื้อที่ในคำคัดค้านผิดไปจากความจริง ยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์,ฎีกาให้ศาลตัดสินให้ถูกต้องตามเนื้อที่ที่เป็นจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับข้อตกลงเฉพาะส่วนของคู่ความย่อมผูกพัน ทั้งไม่อาจยกข้อผิดพลาดในการคัดรายการเนื้อที่ขึ้นเป็นเหตุอุทธรณ์ฎีกาได้
มีผู้คัดค้านอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินบางส่วนแปลงที่ผู้ร้อง ร้องขอให้ศาลแสดงว่าเป็นของผู้ร้องและได้แถลงต่อศาลว่า ถ้าผู้ร้องตกลงยอมให้ที่ดินกับผู้ค้านตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำคัดค้านแล้ว ผู้ค้านก็ไม่ติดใจคัดค้านอะไรอีก ผู้ร้องตกลงยอม ศาลจึงพิพากษาให้ที่ตามบัญชีท้ายคำคัดค้านเป็นของผู้ค้าน ส่วนที่เหลือจากนั้น ให้เป็นของผู้ร้อง ดังนี้ ผู้ค้านจะอ้างว่าคัดรายการเนื้อที่ในคำคัดค้านผิดไปจากความจริง ยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์,ฎีกา ให้ศาลตัดสินให้ถูกต้องตามเนื้อที่ที่เป็นเป็นจริงไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุตรนอกสมรสขอรับรองสถานะทางกฎหมาย: เงื่อนไขและวิธีการฟ้องร้อง
การขอให้รับรองเด็กเป็นบุตร์นั้น เมื่อมีเหตุตามมาตรา 1529 แล้ว ก็ขอได้.
การขอให้รับรองเด็กเป็นบุตร์นั้น ถ้าบิดายังมีชีวิตอยู่ต้องฟ้องบิดาเป็นจำเลย ถ้าบิดาตายแล้ว ก็ยื่นเป็นคำร้องอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท
การขอให้รับรองเด็กเป็นบุตร์นั้น ถ้าบิดายังมีชีวิตอยู่ต้องฟ้องบิดาเป็นจำเลย ถ้าบิดาตายแล้ว ก็ยื่นเป็นคำร้องอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรนอกสมรส: สิทธิและวิธีการดำเนินการตามกฎหมาย
การขอให้รับรองเด็กเป็นบุตรนั้น เมื่อมีเหตุตามมาตรา 1529 แล้ว ก็ขอได้
การขอให้รับรองเด็กเป็นบุตรนั้น ถ้าบิดายังมีชีวิตอยู่ต้องฟ้องบิดาเป็นจำเลย ถ้าบิดาตายแล้ว ก็ยื่นเป็นคำร้องอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท
การขอให้รับรองเด็กเป็นบุตรนั้น ถ้าบิดายังมีชีวิตอยู่ต้องฟ้องบิดาเป็นจำเลย ถ้าบิดาตายแล้ว ก็ยื่นเป็นคำร้องอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท