พบผลลัพธ์ทั้งหมด 474 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2332/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่อุปกรณ์สำคัญชำรุด และความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ชน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำโดยประมาท โดยได้ขับรถยนต์ประจำทางซึ่งห้ามล้อมือใช้การไม่ได้ เพราะไม่มีอุปกรณ์สำหรับดึงประการหนึ่ง และขณะที่จำเลยขับรถไปนั้นมีรถข้างหน้าหยุด แต่จำเลยไม่ดูแลระมัดระวังให้รอบคอบในขณะที่ขับรถและไม่หยุดรถของจำเลยอีกประการหนึ่ง เป็นเหตุให้ขับชนรถจักรยานยนต์ซึ่งผู้ตายขับขี่ข้างหน้าไปชนกระแทกกับท้ายรถยนต์ประจำทางซึ่งจอดอยู่ข้างหน้าโดยแรงถึงแก่ความตายดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ารถคันนี้ห้ามล้อมือใช้การไม่ได้โดยคันดึงไม่มี ย่อมถือว่าโจทก์สืบได้ความสมข้ออ้างประการหนึ่งแล้ว และข้อบกพร่องนี้ย่อมมีความสัมพันธ์กับการที่รถซึ่งจำเลยขับนั้นพุ่งเข้าชนรถแท็กซี่ด้วย เพราะถ้าจำเลยมิได้ประมาทโดยการนำรถยนต์ซึ่งมีเครื่องอุปกรณ์อันสำคัญใช้การไม่ได้เช่นนี้มาขับแล้ว เหตุร้ายย่อมไม่เกิดขึ้น จำเลยจะอ้างเอาเรื่องเหยียบห้ามล้อเท้าไม่ติดมาเนื่องจากห้ามล้อแตกเป็นข้อแก้ตัวหาได้ไม่ และต้องมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ: การกระทำเพื่อปกป้องตนจากภัยอันตรายจากการถูกทำร้าย
จำเลยที่ 2 ด่าจำเลยที่ 1 กับพวกที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ พอจำเลยที่ 1ว่า ไม่ควรพูดเช่นนั้น จำเลยที่ 2 ก็ชกจำเลยที่ 1 ก่อน ถูกที่หน้าอก แล้วจำเลยที่ 2 กับพวกเข้าช่วยกันทำร้ายจำเลยที่ 1 อีก จำเลยที่ 1 ถอยหลังหนีไปติดรั้วสวน ถอนเสาไม้รั้วขึ้นกวัดแกว่งร้องห้ามไม่ให้จำเลยที่ 2 กับพวกเข้าทำร้าย จำเลยที่ 2 กลับคว้าไม้กระโดดเข้าไปจะทำร้าย จึงถูกไม้ของจำเลยที่ 1 ที่ศีรษะเป็นแผลแตกลึกถึงกระโหลกศีรษะ รักษาประมาณ 12 วันหาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: การใช้เสารั้วป้องกันการทำร้าย เป็นการกระทำที่สมควรแก่เหตุ
จำเลยที่ 2 ด่าจำเลยที่ 1 กับพวกที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ พอจำเลยที่ 1 ว่า ไม่ควรพูดเช่นนั้น จำเลยที่ 2 ก็ชกจำเลยที่ 1 ก่อน ถูกที่หน้าอกแล้วจำเลยที่ 2 กับพวกเข้าช่วยกันทำร้ายจำเลยที่ 1 อีก จำเลยที่ 1 ถอยหลังหนีไปติดรั้วสวน ถอนเสาไม้รั้วขึ้นกวัดแกว่งร้องห้ามไม่ให้จำเลยที่ 2 กับพวกเข้าทำร้าย จำเลยที่ 2 กลับคว้าไม้กระโดดเข้าไปจะทำร้าย จึงถูกไม้ของจำเลยที่ 1 ที่ศีรษะเป็นแผลแตกลึกถึงกระโหลกศีรษะ รักษาประมาณ 12 วันหาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2173/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองเพื่อค้า แม้ฟ้องว่าสมคบ แต่พิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนก็ลงโทษได้
จำเลยที่ 4 รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนค้าอาวุธปืนเถื่อนโดยเคยรับจ้างเหมาขับเรือยนต์รับส่งจำเลยที่ 1 ไปเอาอาวุธปืนที่รวบรวมได้จากชาวบ้านมาไว้สำหรับการค้าหลายครั้ง ในครั้งที่เกิดเหตุจำเลยที่ 4 ก็รู้ว่าจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนเถื่อนที่เอามาจากชาวบ้านไปเพื่อค้า การที่จำเลยที่ 4 รู้แล้วยังใช้เรือเป็นพาหนะรับส่งจำเลยที่ 1 อีกเช่นนี้ จึงเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองสำหรับการค้า เป็นผู้สนับสนุนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ฟ้องว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยคนอื่นทางพิจารณาได้ความว่าเป็นผู้สนับสนุนความผิด ศาลก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษได้
ฟ้องว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยคนอื่นทางพิจารณาได้ความว่าเป็นผู้สนับสนุนความผิด ศาลก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2173/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สนับสนุนการค้าอาวุธปืน: การช่วยเหลือรับส่งอาวุธปืนโดยรู้เห็นเป็นใจ ถือเป็นความผิดฐานสนับสนุน
จำเลยที่ 4 รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนค้าอาวุธปืนเถื่อนโดยเคยรับจ้างเหมาขับเรือยนต์รับส่งจำเลยที่ 1 ไปเอาอาวุธปืนที่รวบรวมได้จากชาวบ้านมาไว้สำหรับการค้าหลายครั้ง ในครั้งที่เกิดเหตุจำเลยที่ 4 ก็รู้ว่าจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนเถื่อนที่เอามาจากชาวบ้านไปเพื่อค้า การที่จำเลยที่ 4 รู้แล้วยังใช้เรือเป็นพาหนะรับส่งจำเลยที่ 1อีกเช่นนี้ จึงเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองสำหรับการค้า เป็นผู้สนับสนุนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ฟ้องว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยคนอื่นทางพิจารณาได้ความว่าเป็นผู้สนับสนุนความผิด ศาลก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษได้
ฟ้องว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยคนอื่นทางพิจารณาได้ความว่าเป็นผู้สนับสนุนความผิด ศาลก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2157/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย: การสั่งจับด้วยวาจาโดยมิได้ออกหมายจับ และการปล่อยตัวผู้ต้องหาโดยไม่แจ้งข้อหา
พนักงานสอบสวนสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยด้วยวาจาโดยไม่ได้ออกหมายจับ และเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปจับจำเลยนั้นไม่ได้เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งจะจับจำเลยได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีหมายจับเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้แล้วได้ส่งมอบตัวจำเลยต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาแก่จำเลย และไม่ได้ควบคุมตัวจำเลยไว้หรือให้ประกันตัวไป เพียงแต่นัดให้จำเลยมาสถานีตำรวจในวันรุ่งขึ้นเท่านั้นพฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้ถูกจับตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2157/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย: การจับกุมต้องแจ้งข้อหาและควบคุมตัว หากไม่เป็นไปตามนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการจับกุม
พนักงานสอบสวนสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยด้วยวาจาโดยไม่ได้ออกหมายจับ และเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปจับจำเลยนั้นไม่ได้เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งจะจับจำเลยได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีหมายจับเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้แล้วได้ส่งมอบตัวจำเลยต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาแก่จำเลย และไม่ได้ควบคุมตัวจำเลยไว้หรือให้ประกันตัวไป เพียงแต่นัดให้จำเลยมาสถานีตำรวจในวันรุ่งขึ้นเท่านั้นพฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้ถูกจับตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพาผู้เยาว์ออกจากความดูแลโดยมิใช่การพรากตัว หากผู้เยาว์ออกจากบ้านด้วยความสมัครใจ
ผู้เยาว์เป็นหญิงอายุ 17 ปี ถูกมารดาตีและไล่ออกจากบ้านผู้เยาว์จึงหลบหนีออกจากบ้านมาเอง จำเลยพบเข้าสอบถามชื่อที่อยู่ อายุ ผู้เยาว์ไม่ยอมบอก จำเลยจึงพาไปฝากไว้กับพี่สาวของจำเลย ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพาผู้เยาว์ออกจากความดูแลโดยเจตนาปกป้อง ไม่ถือเป็นการพรากผู้เยาว์
ผู้เยาว์เป็นหญิงอายุ 17 ปี ถูกมารดาตีและไล่ออกจากบ้าน ผู้เยาว์จึงหลบหนีออกจากบ้านมาเอง จำเลยพบเข้าสอบถามชื่อ ที่อยู่ อายุ ผู้เยาว์ไม่ยอมบอก จำเลยจึงพาไปฝากไว้กับพี่สาวของจำเลย ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2106/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การใช้กำลังป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้าย และการประเมินความร้ายแรงของการตอบโต้
ผู้ตายก่อเหตุก่อนด่าว่าจำเลย ถือเหล็กไขควงบุกรุกขึ้นไปบนเรือน จำเลยแล้วใช้เหล็กไขควงแทงจำเลย แต่แทงไม่ถูกเพราะจำเลยหลบทัน จำเลยจึงใช้มีดดาบฟันผู้ตายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ถึง 4 แห่ง เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ เพราะจำเลยฟันผู้ตายเพียงครั้งเดียวก็จะหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายไม่ให้เข้าทำร้ายจำเลยได้ต่อไปอีกแล้ว