คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประพนธ์ ศาตะมาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 303 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เสียหายสมัครใจไป แต่เจตนาจำเลยไม่สุจริต
(ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่ไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยพรากพาหญิงไปเสียจากบิดามารดาด้วยเจตนาจะอยู่กินเป็นสามีภรรยากับผู้เสียหายโดยสุจริต)
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยพรากพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงมีอายุไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาด้วยเจตนาเพื่ออยู่กินเป็นสามีภรรยากับผู้เสียหายโดยสุจริต แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปกับจำเลยก็เป็นการพรากพาไปเพื่อการอนาจาร เป็นความผิดตามมาตรา 319 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากหลุดจำนอง ขยายเวลาสัญญาขัดมาตรา 496 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สัญญาเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยอ้างว่าจำเลยได้ขายฝากหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์แล้ว จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ตกลงขยายเวลาการขายฝากให้อีก 1 ปี และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ขยายเวลาการขายฝากตามที่ตกลงกันไว้ ดังนี้ หากแม้จะฟังว่าได้มีการตกลงกันจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้างก็ตาม ก็ไม่อาจบังคับตามฟ้องแย้งที่ขอให้ศาลขยายเวลาให้อีก 1 ปีได้ เพราะข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อ มาตรา 496 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงใช้บังคับไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 129/2501)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากขัดต่อมาตรา 496 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การขยายเวลาไม่ผูกพัน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยอ้างว่าจำเลยได้ขายฝากหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์แล้ว จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ตกลงขยายเวลาการขายฝากให้อีก 1 ปีและฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ขยายเวลาการขายฝากตามที่ตกลงกันไว้ ดังนี้ หากแม้จะฟังว่าได้มีการตกลงกันจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้างก็ตาม ก็ไม่อาจบังคับตามฟ้องแย้งที่ขอให้ศาลขยายเวลาให้อีก 1 ปีได้ เพราะข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อมาตรา 496 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงใช้บังคับไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 129/2501)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลฎีกาไม่รับ เหตุทนายจำเลยละเลยหน้าที่ แม้มีประโยชน์แห่งความยุติธรรม
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานภายหลังกำหนดเวลาโดยอ้างว่าหลงลืมนั้น เป็นคำแก้ตัวที่ยากจะรับฟัง เมื่อกฎหมายได้กำหนดหน้าที่ของคู่ความในการระบุอ้างพยานไว้โดยชัดเจน เช่นนี้ จะยกเรื่องประโยชน์แห่งความยุติธรรมมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย หาควรไม่เพราะความยุติธรรมนั้นจะต้องเป็นไปเพื่อคู่ความทั้งสองฝ่าย มิใช่เพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว จึงไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลฎีกาไม่รับ เหตุทนายจำเลยละเลยหน้าที่ แม้มีเหตุผลด้านเวลา
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานภายหลังกำหนดเวลาโดยอ้างว่าหลงลืมนั้น เป็นคำแก้ตัวที่ยากจะรับฟัง เมื่อกฎหมายได้กำหนดหน้าที่ของคู่ความในการระบุอ้างพยานไว้โดยชัดเจน เช่นนี้ จะยกเรื่องประโยชน์แห่งความยุติธรรมมาใช้อย่างฟุ่มเฟือยหาควรไม่ เพราะความยุติธรรมนั้นจะต้องเป็นไปเพื่อคู่ความทั้งสองฝ่าย มิใช่เพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว จึงไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมยกที่ดินเพื่อจำนองสหกรณ์ มิได้เจตนายกให้โดยเสน่หา เป็นโมฆะ ที่ดินยังเป็นของผู้ยก
จำเลยทำหนังสือจดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้ ส. โดยมิได้ตั้งใจยกให้โดยเสน่หา แต่กระทำไปเพื่อ ส. จะได้นำไปจำนองไว้กับสหกรณ์ แล้วเอาเงินมาให้จำเลยใช้สอย นิติกรรมดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ เป็นผลให้ที่ดินพิพาทไม่เคยตกทอดเป็นของ ส. แต่ยังคงเป็นของจำเลยตลอดมา ฉะนั้น เมื่อ ส. ตายไปเสียก่อนที่จะนำที่ดินพิพาทไปจำนองสหกรณ์ ที่ดินดังกล่าวจึงไม่ใช่มรดก ส. ทายาท ส. ไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมยกทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของสหกรณ์ เป็นโมฆะ ไม่เกิดผลทางกฎหมาย
จำเลยทำหนังสือจดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้ ส. โดยมิได้ตั้งใจยกให้โดยเสน่หา แต่กระทำไปเพื่อ ส. จะได้นำไปจำนองไว้กับสหกรณ์แล้วเอาเงินมาให้จำเลยใช้สอย นิติกรรมดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ เป็นผลให้ที่ดินพิพาทไม่เคยตกทอดเป็นของ ส. แต่ยังคงเป็นของจำเลยตลอดมาฉะนั้นเมื่อ ส. ตายไปเสียก่อนที่จะนำที่ดินพิพาทไปจำนองสหกรณ์ที่ดินดังกล่าวจึงไม่ใช่มรดก ส. ทายาท ส. ไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมฐานนำเข้าของผิดกฎหมายและการรับของโจร ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่ขัดกัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยบังอาจนำทองคำแท่ง ซึ่งเป็นของต้องห้ามต้องจำกัด และยังมิได้เสียภาษีอากรและผ่านด่านศุลกากรโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยบังอาจช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ฯลฯ ซึ่งทองคำดังกล่าวอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาตและหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อจำกัด เช่นนี้ ไม่ถือเป็นฟ้องที่ขัดกันอันจะเป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะความผิดทั้งสองฐานอาศัยข้อเท็จจริงใกล้เคียงกันมาก(เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 212/2504) และโจทก์ก็มิได้ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานความผิดประกอบทั้งไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้ ถือเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2513)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องรวมความผิดนำเข้าทองคำโดยผิดกฎหมายและรับของโจร ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม หากโจทก์ไม่ได้ประสงค์ลงโทษทั้งสองฐาน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยบังอาจนำทองคำแท่งซึ่งเป็นของต้องห้ามต้องจำกัด และยังมิได้เสียภาษีอากรและผ่านด่านศุลกากรโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยบังอาจช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ฯลฯ ซึ่งทองคำดังกล่าวอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาตและหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อจำกัด เช่นนี้ ไม่ถือเป็นฟ้องที่ขัดกันอันจะเป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะความผิดทั้งสองฐานอาศัยข้อเท็จจริงใกล้เคียงกันมาก(เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 212/2504) และโจทก์ก็มิได้ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานความผิดประกอบทั้งไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้ ถือเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2513)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการอุทธรณ์คำสั่งศาล: จำเลยต้องยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเท่านั้น หากศาลชั้นต้นไม่รับฎีกา จะอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาของจำเลยแล้ว จำเลยจะต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้ ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252
of 31