พบผลลัพธ์ทั้งหมด 303 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการอุทธรณ์คำสั่งศาล: ต้องยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาเท่านั้น หากศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาของจำเลยแล้ว จำเลยจะต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้ ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการรับโอนโดยสุจริต: ศาลฎีกาตัดสินประเด็นการต่อสู้สิทธิในที่ดิน
สิทธิของผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมอันยังมิได้จดทะเบียน ที่มิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว ตามมาตรา 1299 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นถ้าคู่ความมิได้ตั้งประเด็นยกเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำฟ้องคำให้การ ย่อมไม่เป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยปรับแก่คดีได้ทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในที่ดินโดยสุจริตและจดทะเบียนได้เหนือสิทธิที่ได้มาจากการครอบครองปรปักษ์ ศาลต้องวินิจฉัยประเด็นที่คู่ความยกขึ้นเท่านั้น
สิทธิของผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมอันยังมิได้จดทะเบียนที่มิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว ตามมาตรา 1299 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นถ้าคู่ความมิได้ตั้งประเด็นยกเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำฟ้องคำให้การย่อมไม่เป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยปรับแก่คดีได้ทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าในคดีวิวาท ทำร้ายร่างกาย บาดแผลไม่ฉกรรจ์
สมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันคนหนึ่งถูกแทงที่รักแร้ขวาลึก 3 เซ็นติเมตร อีกคนหนึ่งถูกแทงที่ชายโครงลึกแฉลบไปใต้ผิวหนัง4 เซ็นติเมตร และอีกคนหนึ่งถูกแทงที่อกซ้ายเหนือราวนมลึก3 เซ็นติเมตร ซึ่งบาดแผลของบุคคลทั้ง 3 นี้แพทย์ลงความเห็นว่ารักษา 10 วันหาย ย่อมไม่ใช่บาดแผลฉกรรจ์ และอาวุธที่ใช้ทำร้ายร่างกายก็จับไม่ได้ จึงไม่ถือว่าผู้ทำร้ายมีเจตนาจะฆ่าฉะนั้น จึงลงโทษผู้ทำร้ายฐานพยายามฆ่ามิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าในคดีวิวาททำร้ายร่างกาย: การพิจารณาบาดแผลและอาวุธที่ใช้
สมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันคนหนึ่งถูกแทงที่รักแร้ขวาลึก 3 เซ็นติเมตร อีกคนหนึ่งถูกแทงที่ชายโครงลึกแฉลบไปใต้ผิวหนัง 4 เซ็นติเมตร และอีกคนหนึ่งถูกแทงที่อกซ้ายเหนือราวนมลึก 3 เซ็นติเมตร ซึ่งบาดแผลของบุคคลทั้ง 3 นี้แพทย์ลงความเห็นว่ารักษา 10 วันหาย ย่อมไม่ใช่บาดแผลฉกรรจ์ และอาวุธที่ใช้ทำร้ายร่างกายก็จับไม่ได้ จึงไม่ถือว่าผู้ทำร้ายมีเจตนาจะฆ่าฉะนั้น จึงลงโทษผู้ทำร้ายฐานพยายามฆ่ามิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฟุ่มเฟือยไม่แก้ไขตามคำสั่งศาล ศาลไม่รับฟ้อง ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ยื่นฟ้องที่มีคำบรรยายที่เขียนฟุ่มเฟือย ศาลสั่งให้ไปทำมาใหม่ใน 7 วัน โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ศาลย่อมสั่งไม่รับคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฟุ่มเฟือยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ศาลไม่รับฟ้องได้
โจทก์ยื่นฟ้องที่มีคำบรรยายที่เขียนฟุ่มเฟือย ศาลสั่งให้ไปทำมาใหม่ใน 7 วัน โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ศาลย่อมสั่งไม่รับคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งงานโดยไม่จดทะเบียน: สิทธิเรียกร้องสินสอดเมื่อฝ่ายหญิงไม่ยินยอมจดทะเบียน
ชายหญิงแต่งงานกันโดยไม่นำพาต่อการที่จะไปจดทะเบียนสมรสครั้นอยู่กินด้วยกันถึง 9 เดือนแล้วเกิดทะเลาะกัน ชายจึงไปแจ้งอำเภอให้เรียกหญิงไปและขอจดทะเบียนสมรส แต่หญิงก็ไม่ยอมจด เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่นำพาต่อการไปจดทะเบียนสมรสมาแต่เดิมเช่นนี้ชายจึงไม่อาจอ้างได้ว่าฝ่ายหญิงผิดสัญญา จึงไม่อาจเรียกสินสอดทองหมั้นคืนจากฝ่ายหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยบริษัทที่มีกรรมการเป็นชาวต่างชาติ และผลกระทบของประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 96 และ 97
โจทก์เป็นผู้ออกเงินซื้อที่พิพาทและทำการก่อสร้างโกดังขึ้นบนที่แปลงนี้เพื่อใช้ในกิจการของบริษัทโจทก์ เหตุที่โจทก์ไม่ลงชื่อเป็นผู้ซื้อในโฉนดเป็นเพราะกรรมการคนหนึ่งในบริษัทโจทก์เป็นบุคคลต่างด้าว ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 97 บัญญัติให้โจทก์มีฐานะเสมือนคนต่างด้าวในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน กรรมการบริษัทโจทก์จึงตกลงให้โอนโฉนดจากผู้ขายมาเป็นชื่อ ส. ต้องถือว่า ส. ได้มาซึ่งที่ดินในฐานะเป็นเจ้าของแทนนิติบุคคล ซึ่งกฎหมายให้ถือเสมือนคนต่างด้าว โจทก์จะเรียกร้องเอาที่ดินมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนไม่ได้ ที่พิพาทรายนี้ตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 96 แม้ต่อมามีคำสั่งของคณะปฏิวัติฉบับที่ 49 ยกเลิกประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 97 (5) เสียก็ตามคำสั่งของคณะปฏิวัติดังกล่าวก็หามีผลย้อนหลังไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินได้แต่อย่างใด ผลต่อไปต้องบังคับตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 96 ซึ่งเป็นบทบัญญัติในเรื่องนี้โดยเฉพาะจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินจำหน่ายที่พิพาทเสีย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2513)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินกรณีมีบุคคลต่างด้าวเป็นกรรมการบริษัท: การโอนชื่อและผลกระทบจากคำสั่งคณะปฏิวัติ
โจทก์เป็นผู้ออกเงินซื้อที่พิพาทและทำการก่อสร้างโกดังขึ้นบนที่แปลงนี้เพื่อใช้ในกิจการของบริษัทโจทก์ เหตุที่โจทก์ไม่ลงชื่อเป็นผู้ซื้อในโฉนดเป็นเพราะกรรมการคนหนึ่งในบริษัทโจทก์เป็นบุคคลต่างด้าว ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 97 บัญญัติให้โจทก์มีฐานะเสมือนคนต่างด้าวในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน กรรมการบริษัทโจทก์จึงตกลงให้โอนโฉนดจากผู้ขายมาเป็นชื่อ ส. ต้องถือว่า ส. ได้มาซึ่งที่ดินในฐานะเป็นเจ้าของแทนนิติบุคคลซึ่งกฎหมายให้ถือเสมือนคนต่างด้าว โจทก์จะเรียกร้องเอาที่ดินมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนไม่ได้ ที่พิพาทรายนี้ตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 96 แม้ต่อมามีคำสั่งของคณะปฏิวัติฉบับที่ 49 ยกเลิกประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 97(5) เสียก็ตามคำสั่งของคณะปฏิวัติดังกล่าวก็หามีผลย้อนหลังไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินได้แต่อย่างใด ผลต่อไปต้องบังคับตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 96 ซึ่งเป็นบทบัญญัติในเรื่องนี้โดยเฉพาะจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินจำหน่ายที่พิพาทเสีย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2513)