คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประสาท สุคนธมาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 261 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธุระจัดหาโสเภณีอายุไม่เกิน 18 ปี และกักขังจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงโสเภณีอายุ 17 ปีไปอยู่ในซ่องโสเภณีของจำเลย แล้วให้รับจ้างร่วมประเวณีกับชายอื่น เช่นนี้ แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปกับจำเลยและตกลงยินยอมรับจ้างร่วมประเวณีกับชายอื่นต่อมาก็ตามก็ถือว่าจำเลยเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุยังไม่เกิน 18 ปีมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282
ส่วนที่จำเลยกักตัวผู้เสียหายไว้ในห้อง ใส่กุญแจขังไว้ผู้เสียหายจะทำอะไรก็มีผู้ชายคอยควบคุมอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นการทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 อีกกระทงหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเช่า-การแจ้งให้ทราบ-ฟ้องขับไล่-ค่าเสียหายเคลือบคลุม-ฎีกาต้องห้าม
ข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ามาในศาลชั้นต้นถึงหากจะยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วก็ตาม จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ผู้โอนหรือผู้รับโอนทรัพย์สินที่มีผู้เช่าอยู่ไม่จำต้องแจ้งการโอนให้ผู้เช่าทราบก่อนฟ้องขับไล่ผู้เช่า
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิมจำเลยเช่าบ้านพิพาทจากนางห้องโดยไม่ได้ทำสัญญาเป็นหนังสือ ค่าเช่าเดือนละ 150 บาทเมื่อโจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทมาแล้วก็ได้บอกเลิกการเช่าไปยังจำเลย ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2512 กำหนดให้ออกไปภายในหนึ่งเดือนจำเลยทราบแล้วไม่ออกไปและในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอเรียกค่าเสียหายเดือนละ 150 บาท ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ชัดแจ้งพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์ในเรื่องค่าเสียหายจึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุตรนอกสมรสและอำนาจฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู ต้องดำเนินการตามมาตรา 1526
บุตรที่เกิดจากบิดามารดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา ก็ต่อเมื่อได้ดำเนินการตามมาตรา 1526 แล้ว
การพิสูจน์เพื่ออ้างว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 1524 นั้น ใช้ในกรณีที่บิดามารดาได้ทำการสมรสกันตามกฎหมาย หรือเคยได้ทำการสมรสกันมาแล้ว อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรา 1519 เท่านั้น จะนำมาพิสูจน์เพื่อแสดงว่าเด็กที่เกิดเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา ในเมื่อบิดามารดาไม่เคยได้ทำการจดทะเบียนสมรสกันหาได้ไม่
เมื่อโจทก์มิได้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ต้องรับผิดฐานละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริต: เจ้าของที่ดินฟ้องรื้อถอนมิได้ แต่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเฉพาะส่วนรุกล้ำ
การสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นโดยไม่สุจริต หมายความว่า ผู้สร้างต้องรู้ในขณะสร้างว่าที่ดินตรงนั้นเป็นของผู้อื่น หากเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนและสร้างโรงเรือนรุกล้ำไปครั้นภายหลังจึงทราบความจริง ถือว่าเป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต
ครัวเป็นส่วนหนึ่งของอาคารโรงเรือน การสร้างครัวรุกล้ำที่ดินของผู้อื่น ย่อมเป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นตามกฎหมาย การสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต ผู้สร้างย่อมเป็นเจ้าของโรงเรือนนั้นตามกฎหมาย เจ้าของที่ดินที่ถูกรุกล้ำไม่อาจฟ้องบังคับให้ผู้สร้างรื้อถอนโรงเรือนได้ แม้ผู้สร้างจะมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับเจ้าของที่ดินนั้นให้จดทะเบียนภารจำยอมก็ตาม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 เฉพาะโรงเรือนที่สร้างรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นเท่านั้นที่ได้รับความคุ้มครองสิ่งอื่น ๆ ที่มิใช่โรงเรือน หาได้รับความคุ้มครองด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำคุกตลอดชีวิตและการบวกโทษที่รอลงอาญา โดยบทบัญญัติกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมย่อมไม่มีผลย้อนหลัง
ฟ้องโจทก์ขอให้บวกโทษที่รอไว้เข้ากับโทษในคดีนี้เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตแล้ว แม้ว่าในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับซึ่งข้อ 1 ของประกาศดังกล่าวได้ยกเลิกความในมาตรา 51 ของประมวลกฎหมายอาญาให้ใช้ความใหม่แทน ซึ่งข้อความที่บัญญัติใหม่มีผลให้เพิ่มโทษหรือบวกโทษแก่จำเลยได้ก็ตาม แต่บทบัญญัติที่ประกาศใช้ในภายหลังนี้หาเป็นคุณแก่จำเลยไม่ จึงไม่อาจนำมาใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่าค่าเช่าต่ำกว่า 2,000 บาท ห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงเดิม
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงย่อมเป็นอันยุติแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จำต้องฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้น จะวินิจฉัยให้เป็นอย่างอื่นหาชอบด้วยวิธีพิจารณาไม่
การเช่าโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา เมื่อผู้ให้เช่าได้บอกเลิกการเช่ากับผู้เช่าด้วยวาจาแล้ว สัญญาเช่าย่อมระงับไปปัญหาที่ว่าการบอกเลิกการเช่าโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับซึ่งทำภายหลัง จะเป็นการบอกเลิกการเช่าโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ไม่จำต้องพิจารณาเพราะสัญญาเช่าได้ระงับไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่า: ข้อเท็จจริงยุติแล้ว ศาลต้องฟังตามชั้นต้น แม้การบอกเลิกซ้ำซ้อน
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงย่อมเป็นอันยุติแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จำต้องฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้น จะวินิจฉัยให้เป็นอย่างอื่นหาชอบด้วยวิธีพิจารณาไม่
การเช่าโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา เมื่อผู้ให้เช่าได้บอกเลิกการเช่ากับผู้เช่าด้วยวาจาแล้ว สัญญาเช่าย่อมระงับไปปัญหาที่ว่าการบอกเลิกการเช่าโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับซึ่งทำภายหลัง จะเป็นการบอกเลิกการเช่าโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ไม่จำต้องพิจารณาเพราะสัญญาเช่าได้ระงับไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความตั๋วสัญญาใช้เงิน: วันทวงถามเป็นวันเริ่มนับอายุความ
วันที่ 13 พฤษภาคม 2506 จำเลยได้ร่วมกันออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ ว่าจะใช้เงิน 390,000 บาท เมื่อโจทก์ทวงถาม ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม 2511 โจทก์มอบให้ทนายทวงถามจำเลยและวันที่ 25 กรกฎาคม 2511 โจทก์ยื่นฟ้องขอให้จำเลยร่วมกันใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังนี้ต้องถือว่า วันที่โจทก์ทวงถามจำเลยให้ใช้เงินเป็นวันเริ่มต้นกำหนดใช้เงิน ฉะนั้นเมื่อนับจากวันที่โจทก์ทวงถามจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 3 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาด อายุความ(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 32/2514)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องด้วยวาจาในศาลแขวง การรับสารภาพของผู้ต้องหา และข้อต่อสู้เรื่องความชอบด้วยกฎหมายของประกาศ
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 19 วรรค 2, 4และมาตรา 20 แสดงว่าวิธีพิจารณาของศาลแขวงนั้น ต้องการให้ดำเนินการให้เสร็จไปโดยเร็ว ทั้งการฟ้องด้วยวาจาต่อศาลแขวงนั้นกฎหมายก็มิได้เคร่งครัดเหมือนการฟ้องด้วยลายลักษณ์อักษรตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1121/2502
คดีที่เสนอคำฟ้องด้วยวาจาต่อศาลแขวง กล่าวหาว่าจำเลยกระทำการฝ่าฝืน ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร ที่สั่งห้ามมิให้นำน้ำแข็งเข้ามาในเขตท้องที่โดยอ้างประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรเรื่องห้ามนำน้ำแข็งนอกเขตจังหวัดเข้ามาจำหน่ายในเขตจังหวัดซึ่งเป็นประกาศที่เกี่ยวกับเรื่องโดยตรงมาแต่เพียงฉบับเดียวเมื่อศาลสอบถาม จำเลยก็คงรับสารภาพผิดเช่นเดียวกับที่รับสารภาพต่อพนักงานสอบสวน เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยพอเข้าใจข้อหาอันเป็นความผิดได้ดีแล้ว จำเลยจะกลับโต้เถียงมา ในฎีกาว่าประกาศฉบับนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่มีผลบังคับหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องด้วยวาจาต่อศาลแขวง ผู้ต้องสารภาพ การเข้าใจข้อหาเพียงพอ และวัตถุประสงค์ของประกาศ
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 19 วรรค 2,4และมาตรา 20 แสดงว่าวิธีพิจารณาของศาลแขวงนั้น ต้องการให้ดำเนินการให้เสร็จไปโดยเร็ว ทั้งการฟ้องด้วยวาจาต่อศาลแขวงนั้นกฎหมายก็มิได้เคร่งครัดเหมือนการฟ้องด้วยลายลักษณ์อักษรตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1121/2502
คดีที่เสนอคำฟ้องด้วยวาจาต่อศาลแขวง กล่าวหาว่าจำเลยกระทำการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร ที่สั่งห้ามมิให้นำน้ำแข็งเข้ามาในเขตท้องที่โดยอ้างประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรเรื่องห้ามนำน้ำแข็งนอกเขตจังหวัดเข้ามาจำหน่ายในเขตจังหวัดซึ่งเป็นประกาศที่เกี่ยวกับเรื่องโดยตรงมาแต่เพียงฉบับเดียวเมื่อศาลสอบถาม จำเลยก็คงรับสารภาพผิดเช่นเดียวกับที่รับสารภาพต่อพนักงานสอบสวน เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยพอเข้าใจข้อหาอันเป็นความผิดได้ดีแล้ว จำเลยจะกลับโต้เถียงมาในฎีกาว่าประกาศฉบับนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่มีผลบังคับหาได้ไม่
of 27