พบผลลัพธ์ทั้งหมด 261 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2513
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาประนีประนอมที่ระงับคดีอาญาแผ่นดินขัดต่อความสงบเรียบร้อย ถือเป็นโมฆะ
                        
                        บุตรจำเลยขับจักรยานยนต์ชนบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสโจทก์จำเลยจึงได้ทำสัญญาปรองดองกัน โดยฝ่ายจำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งสิ้น ฝ่ายโจทก์ไม่เอาความผิดในคดีอาญา  ดังนี้ วัตถุประสงค์ของสัญญามีผลเท่ากับตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาชดใช้ค่าเสียหายแลกกับการไม่ดำเนินคดีอาญาเป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อย
                        
                        บุตรจำเลยขับจักรยานยนต์ชนบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสโจทก์จำเลยจึงได้ทำสัญญาปรองดองกัน โดยฝ่ายจำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งสิ้น ฝ่ายโจทก์ไม่เอาความผิดในคดีอาญา  ดังนี้วัตถุประสงค์ของสัญญามีผลเท่ากับตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1690/2513
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การป้องกันตัวและการใช้สิทธิป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธ การกระทำพอสมควรแก่เหตุ
                        
                        เมื่อผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุวิ่งไปเอาขวานมาฟันจำเลยถึงบ้านจำเลย2 ที ถูกพื้นกระดาน 1 ที ถูกศีรษะจำเลย 1 ที  จำเลยย่อมมีสิทธิจะป้องกันชีวิตของตนได้  และจำเลยมิได้กระโดดลงมาจากบ้านเข้าต่อสู้กับผู้ตายที่พื้นดินหน้าบ้าน จึงไม่มีเหตุที่จะถือว่าจำเลยสมัครใจวิวาทกับผู้ตาย  การที่จำเลยแทงภายหลังที่ผู้ตายใช้ขวานฟันถึง 2 ครั้งในเวลามืดค่ำ มีแต่แสงตะเกียงในบ้านจำเลย  และต่างคนมึนเมาสุราด้วยกัน โดยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน  พฤติการณ์เหล่านี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำพอสมควรแก่เหตุ
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1690/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุ: ผู้ถูกทำร้ายมีสิทธิป้องกันตนเองเมื่อถูกข่มขู่ด้วยอาวุธ
                        
                        เมื่อผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุวิ่งไปเอาขวานมาฟันจำเลยถึงบ้านจำเลย2  ที ถูกพื้นกระดาน 1 ที ถูกศีรษะจำเลย 1 ที  จำเลยย่อมมีสิทธิจะป้องกันชีวิตของตนได้  และจำเลยมิได้กระโดดลงมาจากบ้านเข้าต่อสู้กับผู้ตายที่พื้นดินหน้าบ้าน จึงไม่มีเหตุที่จะถือว่าจำเลยสมัครใจวิวาทกับผู้ตาย  การที่จำเลยแทงภายหลังที่ผู้ตายใช้ขวานฟันถึง  2  ครั้งในเวลามืดค่ำ มีแต่แสงตะเกียงในบ้านจำเลย  และต่างคนมึนเมาสุราด้วยกัน โดยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน  พฤติการณ์เหล่านี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำพอสมควรแก่เหตุ
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาประนีประนอมยอมความและเหตุผลสมควรในการงดบังคับคดี กรณีกรรมสิทธิ์พิพาทไม่ชัดเจน
                        
                        โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกัน  โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไป  และจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนถ้าผิดนัดจะยอมออกจากตึกพิพาท ในสัญญายอมความมีข้อความแสดงว่าจำเลยยังไม่ทราบว่าตึกพิพาทเป็นของใครกันแน่  เพราะโจทก์กับบุคคลภายนอกกำลังมีคดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์อยู่ ต่อมาบุคคลภายนอกชนะคดีโจทก์ และเร่งรัดจำเลย จนต้องไปทำสัญญาเช่าให้แต่คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด และจำเลยค้างชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตามสัญญายอมความ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าจะชำระให้ใครถูก ดังนี้เมื่อโจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายออกจากตึกพิพาท คดีมีเหตุผลควรให้งดการบังคับคดีไว้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2513
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้มีสิทธิไม่ชัดเจน: เหตุผลสมควรให้งดบังคับคดีได้
                        
                        โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกัน  โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไป  และจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนถ้าผิดนัดจะยอมออกจากตึกพิพาท ในสัญญายอมความมีข้อความแสดงว่า จำเลยยังไม่ทราบว่าตึกพิพาทเป็นของใครกันแน่  เพราะโจทก์กับบุคคลภายนอกกำลังมีคดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์อยู่ ต่อมาบุคคลภายนอกชนะคดีโจทก์ และเร่งรัดจำเลย จนต้องไปทำสัญญาเช่าให้แต่คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด และจำเลยค้างชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตามสัญญายอมความ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าจะชำระให้ใครถูก ดังนี้ เมื่อโจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายออกจากตึกพิพาท คดีมีเหตุผลควรให้งดการบังคับคดีไว้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2513
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การท้าพิสูจน์แนวเขตที่ดินและการสืบพยานเพิ่มเติมเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ตามที่ตกลง
                        
                        คู่ความตกลงท้ากันว่า  ถ้ามีคันนาด้านตะวันออกของที่พิพาทยาวเกินกว่า 15 วา  โจทก์ยอมแพ้คดี  ถ้าไม่เกิน 15 วา  จำเลยยอมแพ้  โดยไม่ติดใจสืบพยานกันต่อไป  ครั้นศาลไปตรวจดู  ปรากฏว่าเขตที่พิพาทด้านนั้นเป็นนาเรียบราบ  มีรอยไถด้วยรถและมีรอยคนเดิน  และมีกอหญ้าเป็นแนวอยู่เป็นระยะ ๆ เมื่อไม่มีคันนาจะวัดความยาวเพื่อชี้ขาดตัดสินคดีตามที่คู่ความท้ากันดังนี้  ก็ต้องสืบพยานกันต่อไปตามประเด็นเดิมแห่งคดี
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ตัวการร่วมกันฆ่าโดยเจตนา: การกระทำร่วมและผลกรรมที่ต้องรับ
                        
                        จำเลยที่ 2  วิวาทกับผู้ตาย  แล้วกลับไปชวนจำเลยที่ 1  ซึ่งเป็นน้องชายมาท้าทายให้ผู้ตายซึ่งอยู่บนชานเรือนลงไปต่อสู้กับจำเลย  โดยจำเลยที่ 1  ถือมีดปลายแหลม  จำเลยที่ 2 ถือไม้  ครั้นผู้ตายนิ่งเฉย  จำเลยที่ 2 ก็โดดขึ้นไปหาผู้ตาย  ใช้ไม้ตีผู้ตาย 1 ที  แต่ตีพลาดไม่ถูกผู้ตาย  แล้วโดดหนีไป  จำเลยที่ 1  โดดขึ้นไปใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ที  ถูกที่บริเวณลิ้นปี่ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย  เป็นบาดแผลลึกถึง 12 เซนติเมตร  แล้วโดดหนีตามจำเลยที่ 2 ไป  ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุเล็กน้อย  เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 1  แทงผู้ตายอย่างแรง  โดยมีเจตนาฆ่า  จำเลยทั้งสองย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2513
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ตัวการร่วมกันฆ่า: การกระทำร่วมและการสนับสนุนการกระทำผิด
                        
                        จำเลยที่ 2 วิวาทกับผู้ตาย แล้วกลับไปชวนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นน้องชายมาท้าทายให้ผู้ตายซึ่งอยู่บนชานเรือนลงไปต่อสู้กับจำเลยโดยจำเลยที่ 1 ถือมีดปลายแหลม จำเลยที่ 2 ถือไม้ครั้นผู้ตายนิ่งเฉยจำเลยที่ 2 ก็โดดขึ้นไปหาผู้ตาย ใช้ไม้ตีผู้ตาย 1 ที  แต่ตีพลาดไม่ถูกผู้ตายแล้วโดดหนีไป จำเลยที่1 โดดขึ้นไปใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ที ถูกที่บริเวณลิ้นปี่ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกายเป็นบาดแผลลึกถึง 12 เซนติเมตรแล้วโดดหนีตามจำเลยที่ 2 ไป ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุเล็กน้อยเช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 1 แทงผู้ตายอย่างแรงโดยมีเจตนาฆ่า จำเลยทั้งสองย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ขอบเขตคำว่า 'พนักงาน' ใน พ.ร.บ. ความผิดของพนักงานในหน่วยงานของรัฐ: ผู้ทดลองงานชั่วคราว
                        
                        คำว่าพนักงานตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ  พ.ศ. 2502  จะต้องเป็นบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่ปฏิบัติงานโดยมีความรับผิดชอบต่องานในหน้าที่ด้วยตนเอง  ดังนั้น  จำเลยซึ่งเป็นคนงานทดลองปฏิบัติงานชั่วคราวในองค์การสวนสัตว์ยังไม่ได้รับการบรรจุ  และไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่องานอย่างใดโดยเฉพาะ  แต่ทำงานอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่อีกชั้นหนึ่ง  ย่อมไม่เป็นพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้  เมื่อจำเลยยักยอกทรัพย์ขององค์การสวนสัตว์ไป  ก็ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352  แต่ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4