คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประสาท สุคนธมาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 261 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการฉุดคร่า ข่มขืน และพยายามฆ่าผู้ขัดขวาง ถือเป็นความผิดฐานร่วมกระทำ
จำเลยฉุดคร่าพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร โดยมีพวกของจำเลยคอยคุ้มกันขัดขวางไม่ให้ใครเข้าช่วยหญิงนั้น และพวกของจำเลยได้ใช้ปืนยิงพยายามฆ่าน้องสาวและบิดาของหญิงนั้นซึ่งเข้ามาขัดขวางถือว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เข้าขัดขวางนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉุดคร่า, พยายามฆ่า, และการร่วมกระทำความผิดโดยพวกของจำเลย
จำเลยฉุดคร่าพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร โดยมีพวกของจำเลยคอยคุ้มกันขัดขวางไม่ให้ใครเข้าช่วยหญิงนั้น และพวกของจำเลยได้ใช้ปืนยิงพยายามฆ่าน้องสาวและบิดาของหญิงนั้นซึ่งเข้ามาขัดขวางถือว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เข้าขัดขวางนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีความเสียหายจากการตอกเสาเข็ม และการยอมรับสภาพหนี้ของผู้รับเหมา
จำเลยเริ่มตอกเสาเข็มเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2510และตอกเสร็จภายในไม่เกินเดือนสิงหาคม 2510 ระหว่างนั้นโจทก์เคยทักท้วงจำเลยให้หาวิธีตอกอย่างอื่นแล้ว ดังนี้ ความเสียหายแก่อาคารสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ซึ่งเกิดจากแรงสะเทือนในการตอกเสาเข็มหากจะมีขึ้น โจทก์ย่อมรู้ได้อยู่แล้ว เมื่อจำเลยตอกเสาเข็มเสร็จ โจทก์มายื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2512 คดีโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับความเสียหายอันเกิดจากการตอกเสาเข็มของจำเลยสำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้รับสภาพหนี้ จึงขาดอายุความ
โจทก์เคยมีหนังสือถึงจำเลยที่ 1 แจ้งรายการความเสียหายและให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 22 สิงหาคม 2511จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้จัดการจำเลยที่ 2 ตอนรับรองจะทำการซ่อมแซมทรัพย์สินของโจทก์บางรายการ และวันที่ 14 ตุลาคม 2511โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยที่ 3 ให้รีบจัดการแก้ไขทรัพย์สินของโจทก์ที่เสียหายให้เรียบร้อยด้วยเอกสารทั้งสามฉบับประกอบกัน ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ยอมรับสภาพหนี้ความเสียหายของโจทก์เท่าที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ ฉบับลงวันที่ 22 สิงหาคม 2511 ของจำเลยแล้วคดีโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงยังไม่ขาดอายุความ
กรณีน้ำเน่าไหลซึมเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เกิดขึ้นหลังจากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ส่งมอบสิ่งปลูกสร้างให้แก่จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้สอยอาคารที่ปลูกสร้างจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ปลูกสร้างอาคารตามแบบแปลนซึ่งมีบ่อเกรอะสำหรับน้ำเสียไว้แล้ว จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความ, การยอมรับสภาพหนี้, และความรับผิดจากความเสียหายจากการก่อสร้าง
จำเลยเริ่มตอกเสาเข็มเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2510 และตอกเสร็จภายในไม่เกินเดือนสิงหาคม 2510 ระหว่างนั้นโจทก์เคยทักท้วงจำเลยให้หาวิธีตอกอย่างอื่นแล้ว ดังนี้ความเสียหายแก่อาคารสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ซึ่งเกิดจากแรงสะเทือนในการตอกเสาเข็มหากจะมีขึ้น โจทก์ย่อมรู้ได้อยู่แล้ว เมื่อจำเลยตอกเสาเข็มเสร็จ โจทก์มายื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2512 คดีโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับความเสียหายอันเกิดจากการตอกเสาเข็มของจำเลยสำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้รับสภาพหนี้ จึงขาดอายุความ
โจทก์เคยมีหนังสือถึงจำเลยที่ 1 แจ้งรายการความเสียหายและให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 22 สิงหาคม 2511 จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้จัดการจำเลยที่ 2 ตอนรับรองจะทำการซ่อมแซมทรัพย์สินของโจทก์บางรายการ และวันที่ 14 ตุลาคม 2511โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยที่ 3 ให้รีบจัดการแก้ไขทรัพย์สินของโจทก์ที่เสียหายให้เรียบร้อยด้วยเอกสารทั้งสามฉบับประกอบกัน ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ยอมรับสภาพหนี้ความเสียหายของโจทก์เท่าที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ ฉบับลงวันที่ 22 สิงหาคม 2511 ของจำเลยแล้วคดีโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงยังไม่ขาดอายุความ
กรณีน้ำเน่าไหลซึมเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เกิดขึ้นหลังจากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ส่งมอบสิ่งปลูกสร้างให้แก่จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้สอยอาคารที่ปลูกสร้างจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ปลูกสร้างอาคารตามแบบแปลนซึ่งมีบ่อเกรอะสำหรับน้ำเสียไว้แล้ว จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่คล้ายคลึงกันจนอาจทำให้สาธารณชนสับสน แม้มีการเปลี่ยนแปลงตัวอักษรเล็กน้อย
โจทก์ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า TAVIPEC สำหรับสินค้าจำพวก 3 จำพวกเดียวกับเครื่องหมายการค้าคำว่า VIPEXของจำเลยซึ่งจดทะเบียนไว้ก่อน เครื่องหมายการค้าทั้งสองเป็นคำประดิษฐ์ซึ่งเป็นตัวอักษรโรมัน สองพยางค์ท้ายอ่านออกเสียงหรือเรียกขานเหมือนกันว่า ไวเป๊ก แต่เครื่องหมายการค้าของโจทก์มีคำว่า TA เพิ่มข้างหน้าอีกพยางค์หนึ่ง แม้ตัวอักษรโรมันที่ประดิษฐ์ขึ้นจะต่างกันก็จริง แต่ประชาชนโดยทั่ว ๆ ไปก็มิได้พิจารณาตัวหนังสือ หากแต่อาศัยฟังจากเสียงตามสำเนียงเรียกขานแม้จะเปลี่ยนแปลงตัวอักษรตัวท้ายจาก X เป็น C สำเนียงที่อ่านก็ยังอ่านอย่างเดียวกันการที่เพิ่มพยางค์อีกพยางค์หนึ่ง ก็ยังมีคำว่า VIPEC อยู่ บางคนอาจเรียกย่อ ๆ ว่าไวเป๊กก็ได้ โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์สำหรับยาช่วยระงับไอและขับเสมหะส่วนจำเลยใช้สำหรับยาอมแก้ไอและยาทาแก้โรคผิวหนัง การที่โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า TAVIPEC อาจทำให้เกิดสับสนเข้าใจผิดได้ กล่องและคำอธิบายสำหรับสินค้าจะแตกต่างกันอย่างไรไม่สำคัญ เมื่อจำเลยเป็นผู้ประดิษฐ์คำว่า VIPEX และจดทะเบียนไว้ก่อนโดยสุจริต โจทก์จะยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอันมีถ้อยคำประดิษฐ์ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันหรือคล้ายกันใช้สำหรับสินค้าจำพวกเดียวกัน อันอาจทำให้สาธารณชนหลงผิดหาได้ไม่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 779/2506 และ 105/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่คล้ายคลึงกัน อาจทำให้สาธารณชนหลงผิดได้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวอักษรเล็กน้อย
โจทก์ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า TAVIPEC สำหรับสินค้าจำพวก 3 จำพวกเดียวกับเครื่องหมายการค้าคำว่า VIPEXของจำเลยซึ่งจดทะเบียนไว้ก่อน เครื่องหมายการค้าทั้งสองเป็นคำประดิษฐ์ซึ่งเป็นตัวอักษรโรมัน สองพยางค์ท้ายอ่านออกเสียงหรือเรียกขานเหมือนกันว่า ไวเป๊ก แต่เครื่องหมายการค้าของโจทก์มีคำว่า TA เพิ่มข้างหน้าอีกพยางค์หนึ่ง แม้ตัวอักษรโรมันที่ประดิษฐ์ขึ้นจะต่างกันก็จริง แต่ประชาชนโดยทั่ว ๆ ไปก็มิได้พิจารณาตัวหนังสือ หากแต่อาศัยฟังจากเสียงตามสำเนียงเรียกขานแม้จะเปลี่ยนแปลงตัวอักษรตัวท้ายจาก X เป็น C สำเนียงที่อ่านก็ยังอ่านอย่างเดียวกัน การที่เพิ่มพยางค์อีกพยางค์หนึ่ง ก็ยังมีคำว่า VIPEC อยู่ บางคนอาจเรียกย่อ ๆ ว่า ไวเป๊ก ก็ได้ โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์สำหรับยาช่วยระงับไอและขับเสมหะส่วนจำเลยใช้สำหรับยาอมแก้ไอและยาทาแก้โรคผิวหนัง การที่โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า TAVIPEC อาจทำให้เกิดสับสนเข้าใจผิดได้ กล่องและคำอธิบายสำหรับสินค้าจะแตกต่างกันอย่างไรไม่สำคัญ เมื่อจำเลยเป็นผู้ประดิษฐ์คำว่า VIPEX และจดทะเบียนไว้ก่อนโดยสุจริต โจทก์จะยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า อันมีถ้อยคำประดิษฐ์ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันหรือคล้ายกันใช้สำหรับสินค้าจำพวกเดียวกัน อันอาจทำให้สาธารณชนหลงผิดหาได้ไม่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 779/2506 และ 105/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงให้ถอนฟ้องคดีล้มละลาย ไม่ถือเป็นฉ้อโกงหากไม่เกิดการได้มาซึ่งทรัพย์สิน
จำเลยได้หลอกลวงให้โจทก์หลงเชื่อและถอนฟ้องคดีล้มละลายคำฟ้องคดีล้มละลายไม่ใช่เอกสารสิทธิ จำเลยก็ไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม โจทก์ถอนฟ้องไปจึงมิได้เป็นการถอนเอกสารสิทธิเพราะจำเลยหลอกลวงการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจถอนเงินที่ยังไม่ถูกเพิกถอน ไม่ถือเป็นหลอกลวงเจ้าหน้าที่ธนาคาร แม้ผู้มีอำนาจจะพ้นตำแหน่งไปแล้ว
จำเลยที่ 1 พ้นตำแหน่งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโจทก์ไปแล้วแต่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็ยังมีชื่อเป็นผู้มีอำนาจถอนเงินของวัดโจทก์จากธนาคารอยู่ โดยยังไม่มีผู้ใดเพิกถอนอำนาจของจำเลยในการถอนเงินและแจ้งไปให้ธนาคารทราบ เมื่อจำเลยทั้งสองร่วมกันถอนเงินของโจทก์จากธนาคาร โดยจำเลยมิได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารทราบว่าจำเลยที่ 1พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว ก็ยังไม่เป็นการหลอกลวงเจ้าหน้าที่ของธนาคารเพราะเมื่ออำนาจการถอนเงินซึ่งจำเลยมีมาแต่เดิมยังไม่ถูกเพิกถอนการที่จำเลยไปถอนเงิน จึงเป็นการถอนเงินตามที่วัดโจทก์ตกลงไว้กับธนาคาร และการที่จำเลยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบเรื่องการถอนเงินนี้ก็ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจถอนเงินยังไม่ถูกเพิกถอน การถอนเงินจึงไม่เป็นฉ้อโกง แม้ผู้มีอำนาจจะพ้นตำแหน่ง
จำเลยที่ 1 พ้นตำแหน่งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโจทก์ไปแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็ยังมีชื่อเป็นผู้มีอำนาจถอนเงินของวัดโจทก์จากธนาคารอยู่ โดยยังไม่มีผู้ใดเพิกถอนอำนาจของจำเลยในการถอนเงินและแจ้งไปให้ธนาคารทราบ เมื่อจำเลยทั้งสองร่วมกันถอนเงินของโจทก์จากธนาคาร โดยจำเลยมิได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารทราบว่าจำเลยที่ 1 พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว ก็ยังไม่เป็นการหลอกลวงเจ้าหน้าที่ของธนาคาร เพราะเมื่ออำนาจการถอนเงินซึ่งจำเลยมีมาแต่เดิมยังไม่ถูกเพิกถอน การที่จำเลยไปถอนเงิน จึงเป็นการถอนเงินตามที่วัดโจทก์ตกลงไว้กับธนาคาร และการที่จำเลยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบเรื่องการถอนเงินนี้ ก็ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสามีจัดการสิทธิเช่าของภริยา แม้จะมีการเช่าช่วง สิทธิเช่าเป็นทรัพย์สินจัดการได้ตามกฎหมาย
สามีมีอำนาจที่จะเอาตึกแถวซึ่งภริยาเช่าไปให้ผู้อื่นเช่าได้ เพราะสิทธิตามสัญญาเช่าเป็นทรัพย์สินซึ่งสามีมีอำนาจจัดการได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจะได้มีการเช่าช่วงระหว่างสามีภริยากันหรือไม่
of 27