พบผลลัพธ์ทั้งหมด 311 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ให้แก่ตัวแทนหรือญาติใกล้ชิดของเจ้าหนี้ หากเจ้าหนี้ให้สัตยาบัน ถือว่าการชำระหนี้สมบูรณ์
โจทก์ชำระหนี้ค่าซื้อที่ดินที่ซื้อจากจำเลยให้แก่มารดาจำเลยและน้องชายจำเลยซึ่งอยู่บ้านเดียวกับจำเลย แล้วแจ้งให้จำเลยทราบในเวลาต่อมา แต่จำเลยกลับเพิกเฉยมิได้ปฏิเสธหรือโต้แย้ง และมิได้ใช้สิทธิติดตามทวงถามคงปล่อยให้โจทก์ครอบครองที่ดินที่ซื้อขาย จนล่วงเลยกำหนดเวลาชำระหนี้ถึง 8-9 ปี ย่อมถือได้ว่าจำเลย ได้ให้สัตยาบันรับรองการชำระหนี้ของโจทก์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละการครอบครองที่ดินเพื่อประโยชน์สาธารณะ และการละเมิดสิทธิการใช้น้ำ
จำเลยยอมให้ขุดลำเหมืองใหม่ให้น้ำไหลเลาะผ่านที่ดินจำเลยไปทางเหนือ แทนที่จะไหลผ่านนาจำเลย เพื่อให้โจทก์และเจ้าของนาอื่นใช้ประโยชน์ร่วมกันในการใช้น้ำทำนาเมื่อที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินมือเปล่า ย่อมถือได้ว่าจำเลยสละการครอบครองที่ดินส่วนที่ขุดลำเหมืองใหม่นั้นแล้วสิทธิครอบครองของจำเลยจึงสิ้นสุดลง หากจำเลยถมดินปิดลำเหมือง ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งดการบังคับคดี: ศาลไม่มีอำนาจสั่งงดหลังการขายทอดตลาดแล้ว การเพิกถอนการบังคับคดีต่างจากการงด
การขอให้งดขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไว้ก่อนเป็นเรื่องขอให้งดการบังคับคดีการงดการบังคับคดีนั้นงดได้เฉพาะการบังคับคดีที่ยังไม่ได้กระทำหรือที่จะกระทำต่อไป จะงดการบังคับคดีที่ได้ปฏิบัติมาแล้วมิได้
เมื่อจำเลยอุทธรณ์ขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ แต่ปรากฏว่าได้มีการขายทอดตลาดทรัพย์ไปแล้วก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาดังนี้ ศาลอุทธรณ์หามีอำนาจที่จะสั่งให้งดการขายทอดตลาดอีกไม่จะพิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขายทอดตลาดรวมทั้งการขายทอดตลาดเสียนั้นก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่เป็นการงดการบังคับคดีแต่เป็นการเพิกถอนการบังคับคดี ซึ่งต่างประเด็นกัน
จำเลยอุทธรณ์เพียงแต่ขอให้ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ ไม่ได้ขอให้เพิกถอนการบังคับคดีโดยมีข้ออ้างว่าได้ปฏิบัติมาไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด ดังนี้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้เพิกถอนมิได้ เพราะเกินคำขอของจำเลยซึ่งเป็นโจทก์อุทธรณ์ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ประกอบด้วยมาตรา 246
เมื่อจำเลยอุทธรณ์ขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ แต่ปรากฏว่าได้มีการขายทอดตลาดทรัพย์ไปแล้วก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาดังนี้ ศาลอุทธรณ์หามีอำนาจที่จะสั่งให้งดการขายทอดตลาดอีกไม่จะพิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขายทอดตลาดรวมทั้งการขายทอดตลาดเสียนั้นก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่เป็นการงดการบังคับคดีแต่เป็นการเพิกถอนการบังคับคดี ซึ่งต่างประเด็นกัน
จำเลยอุทธรณ์เพียงแต่ขอให้ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ ไม่ได้ขอให้เพิกถอนการบังคับคดีโดยมีข้ออ้างว่าได้ปฏิบัติมาไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด ดังนี้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้เพิกถอนมิได้ เพราะเกินคำขอของจำเลยซึ่งเป็นโจทก์อุทธรณ์ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ประกอบด้วยมาตรา 246
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความความผิดไม่ต่ออายุใบสำคัญคนต่างด้าว: ความผิดสำเร็จรายปี
การไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกำหนดในปีใดก็เป็นความผิดสำเร็จสำหรับปีนั้น คดีโจทก์สำหรับปีที่ จำเลยขาดต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวซึ่งอยู่ในระยะเกินกว่า 1 ปี ก่อนโจทก์ฟ้อง ย่อมขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(5) (อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 942/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซ้ำ และฎีกาเรื่องริบของกลางไม่ถูกต้อง
ฎีกาขอให้ริบของกลางโดยกล่าวขึ้นมาลอย ๆ ไม่ปรากฏว่าเป็นของกลางรายใด และไม่แสดงเหตุแห่งข้อเท็จจริงว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ไม่ชอบไม่ควรประการใด เป็นฎีกาที่ไม่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดต้องกันมาแล้วว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานนำสืบให้เห็นชัดว่าจำเลยกระทำการขนย้ายข้าวเพื่อจะนำออกไปนอกราชอาณาจักร ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. 2489 มาตรา 13 ทวิ(2) ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 6 จำคุก 5 ปี การที่โจทก์ฎีกาว่าพยานหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าจะขนย้ายข้าวของกลางออกไปนอกราชอาณาจักรต้องลงโทษด้วยมาตรา 13ทวิ(1) แห่งพระราชบัญญัติที่กล่าวข้างต้นเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยที่ศาลล่างทั้งสองศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดมาแล้ว ต้องห้ามมิให้ฎีกา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดต้องกันมาแล้วว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานนำสืบให้เห็นชัดว่าจำเลยกระทำการขนย้ายข้าวเพื่อจะนำออกไปนอกราชอาณาจักร ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. 2489 มาตรา 13 ทวิ(2) ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 6 จำคุก 5 ปี การที่โจทก์ฎีกาว่าพยานหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าจะขนย้ายข้าวของกลางออกไปนอกราชอาณาจักรต้องลงโทษด้วยมาตรา 13ทวิ(1) แห่งพระราชบัญญัติที่กล่าวข้างต้นเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยที่ศาลล่างทั้งสองศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดมาแล้ว ต้องห้ามมิให้ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมหลังชำระหนี้: เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แล้ว สิทธิในการขอเพิกถอนนิติกรรมย่อมสิ้นสุด
การฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 นั้น หากจำเลยนำเงินกู้ตามคำพิพากษามาวางศาลเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ก็ไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้จำเลยอันจะขอให้เพิกถอนต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมหลังชำระหนี้: เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แล้ว สิทธิในการเพิกถอนนิติกรรมย่อมสิ้นสุดลง
การฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 นั้น หากจำเลยนำเงินกู้ตามคำพิพากษามาวางศาล เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ก็ไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้จำเลยอันจะขอให้เพิกถอนต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งเจตนาออกเช็คเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่อาจฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน โดยวินิจฉัยข้อเท็จจริงต้องกันมาแล้วว่า จำเลยออกเช็คให้โจทก์ร่วมโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เมื่อข้อฎีกาขอบจำเลยที่อ้างว่าเป็นข้อกฎหมาย มีใจความเป็นการโต้แย้งว่า จำเลยออกเช็ค โดยมิได้มีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฎีกาของจำเลยย่อมเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าใช้จ่ายก่อตั้งบริษัท: สิทธิเรียกร้องทดแทนค่าใช้จ่ายของผู้เริ่มก่อตั้งบริษัท ไม่ใช่ค่าจ้าง, อายุความ 2 ปีไม่ใช้ได้
เมื่ออ่านฟ้องของโจทก์ประกอบกับเอกสารท้ายฟ้องฟ้องของโจทก์เป็นอันชัดแจ้งว่าเงินที่โจทก์เรียกร้องเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการที่โจทก์ได้กระทำในฐานะผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทจำเลยได้ให้สัตยาบันแล้วหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการ ก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการ ก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าใช้จ่ายในการก่อตั้งบริษัท: สิทธิเรียกร้องของผู้เริ่มก่อตั้ง และอายุความ
เมื่ออ่านฟ้องของโจทก์ประกอบกับเอกสารท้ายฟ้อง ฟ้องของมาตรา172 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา165(8), 526,1108(2) โจทก์เป็นอันชัดแจ้งว่าเงินที่โจทก์เรียกร้องเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการที่โจทก์ได้กระทำในฐานะผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลย
ซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทจำเลยได้ให้สัตยาบันแล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่
ซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทจำเลยได้ให้สัตยาบันแล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่