คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุณยเกียรติ อรชุนะกะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 311 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกเงินคืนจากหุ้นส่วนก่อนการชำระบัญชีหลังเลิกหุ้นส่วนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์จะฟ้องขอคืนเงินที่ลงหุ้นไป โดยมิได้ขอให้มีการเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชี หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2148/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีแผ้วถางป่า: เพียงระบุเนื้อที่และที่ตั้งก็เพียงพอ หากจำเลยเข้าใจได้
โจทก์บรรยายฟ้องมีใจความสำคัญว่า จำเลยบังอาจแผ้วถางป่าและเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐในป่าห้วยอีเลิง ตำบลกุสุมาลย์อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร มีจำนวนเนื้อที่ 2 ไร่ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ฯลฯ นั้น เป็นการบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจได้ดีแล้วว่าเป็นที่ดินของรัฐในป่าห้วยอีเลิงจำนวนเนื้อที่ 2 ไร่ หาจำเป็นที่จะต้องระบุความกว้างยาวและทิศไหนจดอะไรไม่ เพราะได้ระบุจำนวนเนื้อที่ที่จำเลยทำการแผ้วถางยึดถือครอบครองแล้วฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2148/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีแผ้วถางป่า การระบุอาณาเขตไม่จำเป็นหากจำเลยเข้าใจที่ดินพิพาท
โจทก์บรรยายฟ้องมีใจความสำคัญว่า จำเลยบังอาจแผ้วถางป่าและเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐในป่าห้วยอีเลิง ตำบลกุสุมาลย์ อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร มีจำนวนเนื้อที่ 2 ไร่ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ฯลฯ นั้น เป็นการบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจได้ดีแล้วว่าเป็นที่ดินของรัฐในป่าห้วยอีเลิงจำนวนเนื้อที่ 2 ไร่ หาจำเป็นที่จะต้องระบุความกว้างยาวและทิศไหนจดอะไรไม่ เพราะได้ระบุจำนวนเนื้อที่ที่จำเลยทำการแผ้วถางยึดถือครอบครองแล้วฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับข้อพิพาทด้วยการชำระค่าปรับ การเรียกร้องเพิ่มเติมต้องมีการสงวนสิทธิ
โจทก์เป็นฝ่ายตั้งจำนวนเบี้ยปรับเรียกร้องมาเอง โดยตั้งใจจะปรับจำเลยเพียงเท่านั้น จำเลยก็ยอมชำระไปตามนั้น เรื่องเบี้ยปรับเป็นอันระงับสิ้นไป ถือว่าคู่กรณีไม่มีเจตนาจะเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากกันอีก
ถ้าโจทก์ถือว่าจำนวนเบี้ยปรับที่เรียกปรับแล้วเป็นแต่เพียงบางส่วนจะต้องมีการเรียกเพิ่มขึ้นอีกภายหน้า โจทก์จะต้องแสดงสงวนสิทธิเช่นนี้ไว้ มิฉะนั้นจะรื้อฟื้นเรียกร้องเบี้ยปรับซึ่งระงับเสร็จสิ้นกันไปแล้วเพิ่มเติมอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับหนี้จากการชำระค่าปรับตามสัญญา แม้จะคำนวณผิดพลาด โจทก์ต้องแสดงสงวนสิทธิหากต้องการเรียกร้องเพิ่มเติม
โจทก์เป็นฝ่ายตั้งจำนวนเบี้ยปรับเรียกร้องมาเอง โดยตั้งใจจะปรับจำเลยเพียงเท่านั้น จำเลยก็ยอมชำระไปตามนั้น เรื่องเบี้ยปรับเป็นอันระงับสิ้นไป ถือว่าคู่กรณีไม่มีเจตนาจะเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากกันอีก
ถ้าโจทก์ถือว่าจำนวนเบี้ยปรับที่เรียกปรับแล้วเป็นแต่เพียงบางส่วนจะต้องมีการเรียกเพิ่มขึ้นอีกภายหน้า โจทก์จะต้องแสดงสงวนสิทธิเช่นนี้ไว้ มิฉะนั้นจะรื้อฟื้นเรียกร้องเบี้ยปรับซึ่งระงับเสร็จสิ้นกันไปแล้วเพิ่มเติมอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมก่อนนำสินค้าเข้าเขต – ความผิดตามประกาศควบคุมการค้าเกินควร – อำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยปัญหาความสงบเรียบร้อย
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรจังหวัดพระนคร-ธนบุรี โดยนำน้ำแข็งจากจังหวัดสมุทรสาครเข้ามาจำหน่ายในเขตจังหวัดพระนครโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เมื่อตามฟ้องบรรยายว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมทั้งน้ำแข็งของกลางที่เชิงสะพานบางไผ่ตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ย่อมแสดงว่าจำเลยยังไม่ทันนำน้ำแข็งเข้ามาในเขตจังหวัดพระนครอันเป็นความผิดตามที่โจทก์กล่าวหา แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ จำเลยก็ไม่มีความผิดตามฟ้อง และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายน้ำแข็งข้ามเขตจังหวัดและการตีความข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัด
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรจังหวัดพระนคร-ธนบุรี โดยนำน้ำแข็งจากจังหวัดสมุทรสาครเข้ามาจำหน่ายในเขตจังหวัดพระนคร โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เมื่อตามฟ้องบรรยายว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมทั้งน้ำแข็งของกลางที่เชิงสะพานบางไผ่ตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ย่อมแสดงว่าจำเลยยังไม่ทันนำน้ำแข็งเข้ามาในเขตจังหวัดพระนคร อันเป็นความผิดตามที่โจทก์กล่าวหา แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ จำเลยก็ไม่มีความผิดตามฟ้อง และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการปล้นทรัพย์: การถือปืนขัดขวางความช่วยเหลือผู้เสียหายเป็นหลักฐานแสดงเจตนา
ในการปล้นทรัพย์ จำเลยถือปืนจ้องระวังอยู่หน้าบันไดเรือนผู้เสียหายเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยคอยขัดขวางมิให้คนมาช่วยผู้เสียหายซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่ง เพื่อให้การปล้นทรัพย์บรรลุผลสำเร็จเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ประกอบด้วยมาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการปล้นทรัพย์: การถือปืนขู่ขัดขวางความช่วยเหลือผู้เสียหายถือเป็นเจตนาช่วยเหลือการปล้นทรัพย์
ในการปล้นทรัพย์ จำเลยถือปืนจ้องระวังอยู่หน้าบันไดเรือนผู้เสียหายเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยคอยขัดขวางมิให้คนมาช่วยผู้เสียหายซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่ง เพื่อให้การปล้นทรัพย์บรรลุผลสำเร็จ เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ประกอบด้วยมาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน แม้มีอาวุธติดตัว เหตุเกิดจากความโมโหและผู้ตายหลบหนี
ผู้ตายมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภรรยาจำเลย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพาภรรยาจำเลยไปค้างที่อื่น จำเลยจึงไปหาผู้ตาย ณ ที่ทำงาน เพื่อขอให้ผู้ตายส่งภรรยาของจำเลยคืน ไม่ได้ตั้งใจไปทำร้ายผู้ตายเมื่อพบผู้ตาย ผู้ตายหลบหนีจำเลยเข้าไปในห้องน้ำ จำเลยจึงเกิดมีความโกรธขึ้นได้ตามเข้าไปแทงผู้ตายในห้องน้ำถึงแก่ความตายด้วยอาวุธที่จำเลยพกติดตัวมา ดังนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
of 32