คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุณยเกียรติ อรชุนะกะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 311 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องเขตที่ดินและสิทธิในผลผลิต แม้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผลผลิตที่เก็บไป ยังไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาชี้ขาดไปตามสัญญาประนีประนอมและคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างที่ดินของโจทก์และจำเลยจำเลยจะโต้เถียงว่าต้องแบ่งแนวเขตเป็นอย่างอื่นให้ผิดไปจากคำพิพากษาตามยอมหาได้ไม่
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินตรงที่ติดต่อกันในประเด็นที่ว่า มีอาณาเขตอยู่ตรงไหน จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 แล้วว่า ให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นแนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย ต้นมะม่วงที่เป็นแนวเขตจึงเป็นของโจทก์ จำเลยเก็บผลมะม่วงนั้นไป ต้องชดใช้ค่าผลมะม่วงให้โจทก์ประเด็นในคดีนี้เป็นคนละประเด็นกับคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเรียกค่าเสียหายผลมะม่วงหลังมีคำพิพากษาเรื่องเขตแดน ไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาชี้ขาดไปตามสัญญาประนีประนอมและคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างที่ดินของโจทก์และจำเลยจำเลยจะโต้เถียงว่าต้องแบ่งแนวเขตเป็นอย่างอื่นให้ผิดไปจากคำพิพากษาตามยอมหาได้ไม่
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินตรงที่ติดต่อกันในประเด็นที่ว่า มีอาณาเขตอยู่ตรงไหน จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 แล้วว่า ให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นแนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย ต้นมะม่วงที่เป็นแนวเขตจึงเป็นของโจทก์ จำเลยเก็บผลมะม่วงนั้นไป ต้องชดใช้ค่าผลมะม่วงให้โจทก์ประเด็นในคดีนี้เป็นคนละประเด็นกับคดีแพ่งแดงที่ 295/2510กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงต่อสู้และการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุผล การกระทำโดยสมัครใจเข้าต่อสู้ไม่อาจอ้างบันดาลโทสะได้
ผู้ตายกับจำเลยทะเลาะกัน แล้วผู้ตายถือไม้ยาวแค่แขนมายืนท้าทายอยู่ที่หน้าเรือนให้จำเลยลงไปตีกัน จำเลยเข้าไปหยิบปืนจากในเรือนลงเรือนไป อีก 1 วาจะถึงผู้ตาย ผู้ตายเงื้อไม้ขึ้นจะตี จำเลยจึงยิงผู้ตายดังนี้ จำเลยจะอ้างว่ากระทำไปด้วยบันดาลโทสะไม่ได้ เพราะจำเลยสมัครใจต่อสู้มาแต่แรก และมิได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1793/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบที่มาของหนี้ตามสัญญากู้ ไม่เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาหรือสืบนอกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินและรับเงินกู้ไปจากโจทก์ แล้วโจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อเชื่อสิ่งของบ้างยืมเงินก่อนวันทำสัญญากู้บ้างยืมในวันทำสัญญากู้บ้าง แล้วรวมทำเป็นสัญญากู้เงินจำนวนตามฟ้องดังนี้ เป็นการนำสืบถึงความเป็นมาแห่งหนี้ตามสัญญากู้ ไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารสัญญากู้ และไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1793/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบถึงที่มาแห่งหนี้ตามสัญญากู้ ไม่ถือเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารหรือสืบนอกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินและรับเงินกู้ไปจากโจทก์ แล้วโจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อเชื่อสิ่งของบ้าง ยืมเงินก่อนวันทำสัญญากู้บ้างยืมในวันทำสัญญากู้บ้าง แล้วรวมทำเป็นสัญญากู้เงินจำนวนตามฟ้องดังนี้ เป็นการนำสืบถึงความเป็นมาแห่งหนี้ตามสัญญากู้ ไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารสัญญากู้ และไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติคำท้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงต้องเป็นไปตามที่คู่ความตกลง หากไม่ตรงตามข้อตกลง ศาลยังไม่สามารถพิพากษาคดีได้
สำเนาคำฟ้องฎีกา เมื่อเจ้าพนักงานศาลรายงานว่า สั่งให้จำเลยฎีกาไม่ได้เพราะตัวจำเลยตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ฎีกาแถลงมาภายใน 5 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วครบกำหนด 5 วันไม่แถลงให้ศาลทราบย่อมถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอ คนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติคำท้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงต้องตรงตามความประสงค์คู่ความ หากไม่ตรง ศาลไม่ถือเป็นข้อพิสูจน์
สำเนาคำฟ้องฎีกา เมื่อเจ้าพนักงานศาลรายงานว่า สั่งให้จำเลยฎีกาไม่ได้เพราะตัวจำเลยตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ฎีกาแถลงมาภายใน 5 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วครบกำหนด 5 วันไม่แถลงให้ศาลทราบย่อมถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอคนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมที่ระงับคดีอาญาแผ่นดินขัดต่อความสงบเรียบร้อย ถือเป็นโมฆะ
บุตรจำเลยขับจักรยานยนต์ชนบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสโจทก์จำเลยจึงได้ทำสัญญาปรองดองกัน โดยฝ่ายจำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งสิ้น ฝ่ายโจทก์ไม่เอาความผิดในคดีอาญา ดังนี้ วัตถุประสงค์ของสัญญามีผลเท่ากับตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาชดใช้ค่าเสียหายแลกกับการไม่ดำเนินคดีอาญาเป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อย
บุตรจำเลยขับจักรยานยนต์ชนบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสโจทก์จำเลยจึงได้ทำสัญญาปรองดองกัน โดยฝ่ายจำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งสิ้น ฝ่ายโจทก์ไม่เอาความผิดในคดีอาญา ดังนี้วัตถุประสงค์ของสัญญามีผลเท่ากับตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษอาญาตามกระทงความผิด แม้ไม่เข้าเกณฑ์มาตรา 93 ก็เพิ่มโทษตามมาตรา 92 ได้
เมื่อศาลพิพากษาเรียงกระทงลงโทษและความผิดแต่ละกระทงที่ลงโทษเข้าเกณฑ์ที่จะเพิ่มโทษได้ ย่อมเพิ่มโทษได้ทุกกระทงความผิดที่ลงโทษนั้น
โจทก์ขอให้เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93เมื่อไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเพิ่มโทษตามมาตรา 93 แต่เข้าเกณฑ์เพิ่มโทษตามมาตรา 92 ได้ ศาลย่อมเพิ่มโทษตามมาตรา 92 ซึ่งเป็นบทที่เบากว่าให้ได้
of 32