คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุณยเกียรติ อรชุนะกะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 311 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบร่วมกันข่มขืนและฆ่าเพื่อความสะดวกในการข่มขืน ถือเป็นตัวการร่วม
จำเลยทั้งสามมีเจตจำนงร่วมกันที่จะเข้าแย่งผู้เสียหายจากผู้ตายเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ดังนั้น การที่จำเลยคนหนึ่งเข้ากำจัดขัดขวางผู้ตายด้วยวิธีการใดก็ตาม ก็ย่อมอยู่ในวิถีเพื่อประโยชน์ร่วมกันของจำเลยทุกคน ซึ่งจำเลยทุกคนอาจเล็งเห็นผลแห่งการกระทำนั้นได้ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกัน
การที่จำเลยใช้ไม้ไผ่ตันมีรูเล็ก ๆ ขนาดนิ้วก้อย ยาวประมาณ 2 ศอก โตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตร ตีผู้ตายอย่างแรง 1 ทีถูกศีรษะเป็นบาดแผลถึงขนาดทำให้กะโหลกศีรษะแตกแยกเป็น 4 เสี่ยง มีเลือดออกในและรอบ ๆ กะโหลกศีรษะมาก แสดงให้เห็นว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้เป็นเจตนาฆ่าให้ตาย
แย่งหญิงไปจากผู้ตายเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา ผู้ตายขัดขวางจึงทำร้ายผู้ตายถึงตาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(6)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสมคบร่วมกันฆ่าโดยเจตนาประกอบกับข่มขืนโทรมหญิง: ตัวการร่วม
จำเลยทั้งสามมีเจตจำนงร่วมกันที่จะเข้าแย่งผู้เสียหายจากผู้ตายเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ดังนั้น การที่จำเลยคนหนึ่งเข้ากำจัดขัดขวางผู้ตายด้วยวิธีการใดก็ตาม ก็ย่อมอยู่ในวิถีเพื่อประโยชน์ร่วมกันของจำเลยทุกคน ซึ่งจำเลยทุกคนอาจเล็งเห็นผลแห่งการกระทำนั้นได้ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกัน
การที่จำเลยใช้ไม้ไผ่ตันมีรูเล็ก ๆ ขนาดนิ้วก้อย ยาวประมาณ2 ศอก โตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตร ตีผู้ตายอย่างแรง 1 ทีถูกศีรษะเป็นบาดแผลถึงขนาดทำให้กะโหลกศีรษะแตกแยกเป็น 4 เสี่ยงมีเลือดออกในและรอบ ๆ กะโหลกศีรษะมาก แสดงให้เห็นว่า จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้เป็นเจตนาฆ่าให้ตาย
แย่งหญิงไปจากผู้ตายเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา ผู้ตายขัดขวางจึงทำร้ายผู้ตายถึงตาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (6)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: ผู้ซื้อโดยสุจริตย่อมได้สิทธิเหนือผู้ครอบครองก่อน แม้ผู้ครอบครองจะครอบครองก่อนและแจ้งการครอบครอง
ซื้อที่ดินมีโฉนด ทำนิติกรรมซื้อขายต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เมื่อชำระเงินค่าซื้อเรียบร้อยแล้วก็ได้จดทะเบียนโอนโฉนดกันตามระเบียบโดยถูกต้องตามกฎหมาย อันเป็นการกระทำโดยเปิดเผยและเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตทั้งได้จดทะเบียนโดยสุจริต แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่ดินในโฉนดบางส่วนจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382แต่กรรมสิทธิ์ดังกล่าวนี้กฎหมายยังไม่รับรองเด็ดขาดจนกว่าจะได้จดทะเบียนสิทธินั้นแล้ว กรรมสิทธิ์อันยังมิได้จดทะเบียนจะยกขึ้นต่อสู้ผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลภายนอกซึ่งรับโอนโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต ทั้งได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ซึ่งเป็นบทยกเว้นหลักกฎหมายทั่วไปว่า ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
การแจ้งการครอบครองที่ดินตามพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้งประการใด การแจ้งการครอบครองที่ดินนั้นเป็นเพียงการแสดงเจตนาอย่างหนึ่งว่า ผู้แจ้งการครอบครองยังไม่สละสิทธิครอบครองที่ดินที่แจ้ง ถ้าผู้ครอบครองไม่แจ้งการครอบครองในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ให้ถือว่าสละสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยสุจริตและจดทะเบียน การคุ้มครองสิทธิผู้รับโอนจากการครอบครองก่อนหน้า
ซื้อที่ดินมีโฉนด ทำนิติกรรมซื้อขายต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เมื่อชำระเงินค่าซื้อเรียบร้อยแล้วก็ได้จดทะเบียนโอนโฉนดกันตามระเบียบโดยถูกต้องตามกฎหมาย อันเป็นการกระทำโดยเปิดเผยและเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตทั้งได้จดทะเบียนโดยสุจริต แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่ดินในโฉนดบางส่วนจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382แต่กรรมสิทธิ์ดังกล่าวนี้กฎหมายยังไม่รับรองเด็ดขาดจนกว่าจะได้จดทะเบียนสิทธินั้นแล้ว กรรมสิทธิ์อันยังมิได้จดทะเบียนจะยกขึ้นต่อสู้ผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลภายนอกซึ่งรับโอนโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต ทั้งได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 ซึ่งเป็นบทยกเว้นหลักกฎหมายทั่วไปว่า ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
การแจ้งการครอบครองที่ดินตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ. 2497 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้งประการใด การแจ้งการครอบครองที่ดินนั้นเป็นเพียงการแสดงเจตนาอย่างหนึ่งว่า ผู้แจ้งการครอบครองยังไม่สละสิทธิครอบครองที่ดินที่แจ้ง ถ้าผู้ครอบครองไม่แจ้งการครอบครองในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ให้ถือว่าสละสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน บาดแผลบวมช้ำและฟันโยกเข้าข่ายอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลย 5 คนกลุ้มรุมทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 5 ได้รับบาดเจ็บรวม 5 รายการ คือรายที่ 1 ถึง 3 เป็นรอยบวมช้ำโตกลมประมาณแห่งละ 4,5 และ 3 เซนติเมตรตามลำดับ รายการที่ 4 เป็นรอยข่วน 3 แห่งยาวประมาณแห่งละ 3 เซนติเมตร และรายการที่ 5 ฟันล่างด้านหน้าโยก 1 ซี่ อันเป็นผลเนื่องจากการร่วมกันกลุ้มรุมทำร้ายของจำเลยที่ 1 ถึง 4 เช่นนี้ แม้ไม่ปรากฏว่ามีโลหิตไหล แต่ก็เป็นบาดแผลบวมช้ำหลายแห่งและถึงกับฟันโยก อันส่อถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำอันรุนแรง กรณีถือว่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกลุ้มรุมทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลย 5 คนกลุ้มรุมทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 5 ได้รับบาดเจ็บรวม 5 รายการคือรายที่ 1 ถึง 3 เป็นรอยบวมช้ำโตกลมประมาณแห่งละ 4, 5 และ 3 เซ็นติเมตรตามลำดับ รายการที่ 4 เป็นรอยข่วน 3 แห่งยาวประมาณแห่งละ 3 เซ็นติเมตร และรายการที่ 5 ฟันล่างด้านหน้าโยก 1 ซี่อันเป็นผลเนื่องจากการร่วมกันกลุ้มรุมทำร้ายของจำเลยที่ 1 ถึง 4 เช่นนี้แม้ไม่ปรากฏว่ามีโลหิตไหล แต่ก็เป็นบาดแผลบวมช้ำหลายแห่งและถึงกับฟันโยก อันส่อถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำอันรุนแรงกรณีถือว่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 แล้ว
of 32