คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุธรรม วรรณแสง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 442 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311-1312/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการใช้รถร่วมเดินรถ และความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้างในการเดินรถ
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานเดินรถประจำทางในเส้นทางสายอำเภอเมืองภูเก็ตกับท่าฉัตรไชย ยินยอมให้จำเลยที่ 4 นำรถยนต์ที่เช่าซื้อซึ่งมีจำเลยที่ 5 เป็นคนขับเข้ามาเดินรถร่วมกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 มีและใช้รถคันดังกล่าวนั้นในกิจการของจำเลยที่ 3 แล้วแม้ตรงที่จำเลยที่ 5 ขับรถไปเกิดเหตุจะเป็นเส้นทางนอกสัมปทานของจำเลยที่ 3 แต่ก็ปรากฏว่าเป็นเส้นทางที่จำเลยที่ 3 ยินยอมให้รถคันดังกล่าววิ่งรับส่งคนโดยสารร่วมกับจำเลยที่ 3 ตลอดมาจำเลยที่ 3 จะอ้างว่ารถนั้นมิได้ร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 หาได้ไม่
จำเลยที่ 5 เป็นบุตรของจำเลยที่ 4 ได้ขับรถของจำเลยที่ 4 เข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 รับขนส่งคนโดยสารเก็บเงินค่าโดยสารตลอดมา อันเป็นการกระทำกิจการในทางหาประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 โดยจำเลยที่ 4 ใช้ให้กระทำ ลักษณะการกระทำของจำเลยที่ 5 ดังกล่าว ไม่มีเหตุจะคาดหมายได้ว่าจำเลยที่ 5 ขับรถของจำเลยที่ 4 ออกรับจ้างด้วยกระทำให้เปล่า ย่อมถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้สินจ้าง พฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4การที่จำเลยที่ 4 นำรถเข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 ได้รับประโยชน์ในการนี้จากจำเลยที่ 4 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1653/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างบทกฎหมายผิดพลาดในความผิดฐานมีไม้หวงห้าม ศาลต้องลงโทษตามบทที่ถูกต้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีไม้แดง 2 ท่อน ไม้เต็ง 1450 ท่อน และไม้สมอ 3 ท่อน รวม 1455 ท่อน ปริมาตร 58.20 ลูกบาศก์เมตรอันเป็นไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 ไว้ในความครอบครอง ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายและโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 ประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 ข้อ 1พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2504 มาตรา 4 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ลงวันที่ 10 เมษายน 2515 ข้อ 4 ซึ่งเป็นบทมาตราขอให้ลงโทษเฉพาะเรื่องมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง ดังนี้ ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ประกอบกับบทมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลย เห็นได้ว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมาท้ายฟ้อง คือ ฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครอง หากแต่ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เป็นฐานมีไม้ท่อนหวงห้ามไว้ในครอบครอง ไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง หาใช่อ้างบทกฎหมายผิดไม่ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างบทกฎหมายผิดพลาดในความผิดฐานมีไม้หวงห้าม ศาลไม่สามารถลงโทษตามบทมาตราที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีไม้แดง 2 ท่อน ไม้เต็ง 1450 ท่อนและไม้สมอ 3 ท่อน รวม 1455 ท่อน ปริมาตร 58.20 ลูกบาศก์เมตร อันเป็นไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 ไว้ในความครอบครอง ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายและโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503มาตรา 17 ประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 ข้อ 1 พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2504 มาตรา 4 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ลงวันที่ 10 เมษายน 2515 ข้อ 4 ซึ่งเป็นบทมาตราขอให้ลงโทษเฉพาะเรื่องมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง ดังนี้ ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ประกอบกับบทมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลยเห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมาท้ายฟ้อง คือ ฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองหากแต่ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เป็นฐานมีไม้ท่อนหวงห้ามไว้ในครอบครองไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง หาใช่อ้างบทกฎหมายผิดไม่ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน: โจทก์ต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรงจึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป โดยมอบใบทะเบียนเรือของตนให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน ต่อมาได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 2 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าใบทะเบียนเรือนั้นหายไป เป็นหลักฐานซึ่งทำให้จำเลยที่ 1 ขอให้กรมเจ้าท่าออกใบทะเบียนเรือให้จำเลยที่ 1 ได้ใหม่ ซึ่งจำเลยที่ 1 จะสามารถขายเรือให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องใช้ใบทะเบียนเดิมฉบับที่อยู่ที่โจทก์แต่เมื่อการแจ้งความเท็จนั้นเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำต่อเจ้าพนักงานและตามคำแจ้งความนั้น จำเลยมิได้แจ้งเจาะจงกล่าวถึงโจทก์อันจะถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2517)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ผู้เสียหายต้องได้รับความเสียหายโดยตรงจึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป โดยมอบใบทะเบียนเรือของตนให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน ต่อมาได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 2 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าใบทะเบียนเรือนั้นหายไป เป็นหลักฐานซึ่งทำให้จำเลยที่ 1 ขอให้กรมเจ้าท่าออกใบทะเบียนเรือให้จำเลยที่ 1 ได้ใหม่ ซึ่งจำเลยที่ 1 จะสามารถขายเรือให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องใช้ใบทะเบียนเดิมฉบับที่อยู่ที่โจทก์แต่เมื่อการแจ้งความเท็จนั้นเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำต่อเจ้าพนักงานและตามคำแจ้งความนั้น จำเลยมิได้แจ้งเจาะจงกล่าวถึงโจทก์อันจะถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่7/2517)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การตอบโต้เมื่อถูกทำร้าย และการใช้กำลังเพื่อป้องกันอันตรายถึงชีวิต
จำเลยเป็นหัวหน้ายาม เป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ตายผู้ตายไม่ได้อยู่ยามตามหน้าที่ จำเลยสอบถามดูแต่โดยดี ผู้ตายกลับพูดทำนองไม่ยำเกรงจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้า และตรงเข้าต่อยเตะจำเลยทันที การที่จำเลยชกต่อยตอบโต้ไปบ้างย่อมเป็นสิทธิของจำเลยที่จะป้องกันได้ หาจำต้องให้ผู้ตายทำร้ายแต่ฝ่ายเดียวไม่ ไม่ใช่เป็นเรื่องสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน และเมื่อผู้ตายเตะต่อยจำเลยล้มลงไปแล้วยังยืนรอจะทำร้ายจำเลยอีก พอจำเลยลุกขึ้นผู้ตายได้แทงจำเลยอีก 2 ครั้ง ครั้งที่สองถูกหน้าท้องถึงไส้ไหลจำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 1 นัด ในระยะห่าง 1 วา ขณะที่ผู้ตายขยับจะแทงเอาอีก หากจำเลยไม่ยิงผู้ตายก็อาจเข้าทำร้ายจำเลยถึงตายได้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุ: กรณีหัวหน้ายามถูกลูกน้องทำร้ายและป้องกันตนเอง
จำเลยเป็นหัวหน้ายาม เป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ตาย ผู้ตายไม่ได้อยู่ยามตามหน้าที่ จำเลยสอบถามดูแต่โดยดีผู้ตายกลับพูดทำนองไม่ยำเกรงจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้า และตรงเข้าต่อยเตะจำเลยทันที การที่จำเลยชกต่อยตอบโต้ไปบ้างย่อมเป็นสิทธิของจำเลยที่จะป้องกันได้ หาจำต้องให้ผู้ตายทำร้ายแต่ฝ่ายเดียวไม่ ไม่ใช่เป็นเรื่องสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน และเมื่อผู้ตายเตะต่อยจำเลยล้มลงไปแล้วยังยืนรอจะทำร้ายจำเลยอีก พอจำเลยลุกขึ้นผู้ตายได้แทงจำเลยอีก 2 ครั้ง ครั้งที่สองถูกหน้าท้องถึงไส้ไหลจำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 1 นัด ในระยะห่าง 1 วา ขณะที่ผู้ตายขยับจะแทงเอาอีก หากจำเลยไม่ยิงผู้ตายก็อาจเข้าทำร้ายจำเลยถึงตายได้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดตามเช็ค: ผู้ทรงโดยชอบมีสิทธิเรียกร้อง แม้มีคำพิพากษาให้ทำลายเช็ค หรือคดีอาญาไม่ฟัง
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้ ท. เพื่อชำระหนี้ ท. สลักหลังเช็คโอนให้โจทก์เพื่อชำระหนี้อีกต่อหนึ่ง เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบ จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ แม้ต่อมาศาลได้พิพากษาให้ทำลายเช็คนั้นแล้วก็ดี หรือโจทก์จะฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แต่ศาลพิพากษายกฟ้องแล้วก็ดี ก็ไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากความรับผิดทางแพ่งตามเช็คนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สั่งจ่ายเช็คต่อผู้ทรงโดยชอบ แม้มีคำพิพากษาให้ทำลายเช็คหรือคดีอาญา ยกฟ้อง
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้ ท. เพื่อชำระหนี้ ท. สลักหลังเช็คโอนให้โจทก์เพื่อชำระหนี้อีกต่อหนึ่ง เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบ จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ แม้ต่อมาศาลได้พิพากษาให้ทำลายเช็คนั้นแล้วก็ดี หรือโจทก์จะฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แต่ศาลพิพากษายกฟ้องแล้วก็ดีก็ไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากความรับผิดทางแพ่งตามเช็คนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ และสิทธิในการยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์โดยไม่ต้องฟ้อง
ผู้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 มีสิทธิยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียว เพื่อให้ศาลไต่สวนแสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนในโฉนดนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 188 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 109/2506)
of 45