คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุธรรม วรรณแสง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 442 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งปืนและการป้องกันตัว: จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า เนื่องจากปืนเป็นของผู้เสียหายและปืนลั่นขณะแย่งกัน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีปืนซึ่งไม่มีเครื่องหมายเลขทะเบียน1 กระบอก กับกระสุน 1 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาตและจำเลยใช้ปืนนั้นยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 กับ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และริบปืนกับปลอกกระสุนปืนของกลาง แต่ข้อเท็จจริงในการพิจารณากลับปรากฏว่าปืนและกระสุนปืนเป็นของผู้เสียหายผู้เสียหายควักออกมาจะยิงจำเลย จำเลยเข้าแย่งกระสุนปืนลั่นขึ้นในขณะที่กอดปล้ำแย่งปืนกัน ถูกผู้เสียหายบาดเจ็บ จำเลยจึงไม่มีความผิด แต่ปืนและกระสุนปืนของกลางยังคงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3262/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาอาญา: จำเลยต้องระบุรายละเอียดการขาดหลักฐาน ไม่ใช่แค่กล่าวอ้าง
ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยรับรถยนต์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ซึ่งเพียงแต่ระบุว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ แต่มิได้ระบุข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่านำสืบไม่ได้อย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2,225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3262/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญา: การอ้างว่าโจทก์มิได้นำสืบพยานหลักฐาน ต้องระบุรายละเอียด
ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยรับรถยนต์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ซึ่งเพียงแต่ระบุว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ แต่มิได้ระบุข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่านำสืบไม่ได้อย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 วรรค 2, 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3251/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการปรับบทลงโทษและการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องผู้เสียหายในคดีอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 13 ศาลปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 13 ได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ถูกจำเลย 3 คนในอีกคดีหนึ่งทำร้ายร่างกาย แล้วโจทก์ได้แจ้งความต่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านให้จับกุมจำเลย 3 คนนั้น จำเลยไม่จับกลับรายงานเท็จว่าโจทก์กับจำเลย 3 คนนั้นทะเลาะวิวาทกัน แม้ในคดีอีกเรื่องหนึ่งนั้น โจทก์ถูกฟ้องว่าสมัครใจวิวาทกับจำเลย 3 คนนั้น โจทก์รับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษไปแล้วหลังจากพิพากษาคดีนี้ แต่เมื่อคดีนี้ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าโจทก์ถูกทำร้ายฝ่ายเดียวโจทก์เป็นผู้เสียหาย จำเลยจะฎีกาว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายเพราะโจทก์สมัครใจวิวาทกับอีกฝ่ายหนึ่งหาได้ไม่ เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3251/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษอาญาและการยืนยันสถานะผู้เสียหาย แม้มีคดีอื่นที่เกี่ยวข้อง ศาลฎีกาห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 13 ศาลปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 13 ได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ถูกจำเลย 3 คนในอีกคดีหนึ่งทำร้ายร่างกาย แล้วโจทก์ได้แจ้งความต่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านให้จับกุมจำเลย 3 คนนั้น จำเลยไม่จับ กลับรายงานเท็จว่าโจทก์กับจำเลย 3 คนนั้นทะเลาะวิวาทกัน แม้ในคดีอีกเรื่องหนึ่งนั้นโจทก์ถูกฟ้องว่าสมัครใจวิวาทกับจำเลย 3 คนนั้น โจทก์รับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษไปแล้วหลังจากพิพากษาคดีนี้ แต่เมื่อคดีนี้ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าโจทก์ถูกทำร้ายฝ่ายเดียวโจทก์เป็นผู้เสียหาย จำเลยจะฎีกาว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายเพราะโจทก์สมัครใจวิวาทกับอีกฝ่ายหนึ่งหาได้ไม่ เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3154/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินของบุคคลที่มิได้มีส่วนร่วมในความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ ต้องเป็นไปตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 35 มิได้มุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดด้วยเมื่อศาลพิพากษาให้ริบช้างของกลางตามบทบัญญัตินี้ และผู้ร้องมาร้องขอให้ศาลสั่งคืนช้าง ของกลาง กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3154/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินของบุคคลที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ ต้องเป็นไปตามหลักประเพณีการปกครองประเทศ
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 35 มิได้มุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่น ที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดด้วย เมื่อศาลพิพากษาให้ริบช้างของกลางตามบทบัญญัตินี้ และผู้ร้องมาร้องขอให้ศาลสั่งคืนช้างของกลาง กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3094/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมจากกิจการงานสมรส: สิทธิในการกันส่วนทรัพย์สินจากการบังคับคดี
ผู้ร้องรู้เห็นด้วยในการที่ภรรยาผู้ร้องออกเช็คแลกเงินสด ไปจากโจทก์เงินที่นำมาใช้จ่ายในการซื้อที่ดินและตึกแถวที่ถูกโจทก์บังคับคดี ส่วนหนึ่งเป็นเงินที่ภรรยาผู้ร้องยืมไปจากโจทก์โดยวิธีออกเช็คแลกเงินสดนั้นเองดังนี้ ผู้ร้องจึงขอกันส่วนในจำนวนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไม่ได้เพราะหนี้ที่ภรรยาผู้ร้องเป็นหนี้โจทก์ เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากการงานที่ผู้ร้องและภรรยาทำด้วยกัน จึงเป็นหนี้ร่วมผูกพันสินสมรสส่วนของผู้ร้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3094/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสินสมรส: สามีรู้เห็นภรรยาทำหนี้จากการทำงานร่วมกัน ไม่มีสิทธิขอส่วนแบ่งทรัพย์สินจากการบังคับคดี
ผู้ร้องรู้เห็นด้วยในการที่ภรรยาผู้ร้องออกเช็คแลกเงินสดไปจากโจทก์ เงินที่นำมาใช้จ่ายในการซื้อที่ดินและตึกแถวที่ถูกโจทก์บังคับคดี ส่วนหนึ่งเป็นเงินที่ภรรยาผู้ร้องยืมไปจากโจทก์โดยวิธีออกเช็คแลกเงินสดนั้นเองดังนี้ ผู้ร้องจึงขอกันส่วนในจำนวนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไม่ได้เพราะหนี้ที่ภรรยาผู้ร้องเป็นหนี้โจทก์เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากการงานที่ผู้ร้องและภรรยาทำด้วยกัน จึงเป็นหนี้ร่วมผูกพันสินสมรสส่วนของผู้ร้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3054/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้แปรรูปเป็นบานประตูหน้าต่างสำเร็จรูป ไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
บ้านประตูหน้าต่างของกลางมีตะปูขันเกลียว มีสลักยึดและไสกบประกอบขึ้นอย่างมั่นคง มีลักษณะอย่างเดียวกับบานประตูหน้าต่างที่มีขายทั่วไป แสดงให้เห็นเจตนาเพื่อจะใช้เป็นบานประตูหน้าต่างโดยเฉพาะ แม้ยังไม่ได้เซาะร่อง ติดกลอน และติดบานพับก็เป็นบานประตูหน้าต่างสำเร็จรูปแล้ว จึงเป็นเครื่องใช้สำหรับสิ่งปลูกสร้างไม่ใช่ไม้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 4(4) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 4
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 26/2516)
of 45