พบผลลัพธ์ทั้งหมด 442 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1505/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความขัดแย้งตัวเลข-ตัวอักษรในเอกสารฝากเงิน ศาลพิจารณาหลักฐานเพื่อพิสูจน์เจตนาที่แท้จริงของผู้ฝาก
ในกรณีที่ตัวเลขกับตัวหนังสือในเอกสารแตกต่างกัน ถ้าเป็นเรื่องที่ศาลมิอาจหยั่งทราบเจตนาอันแท้จริงได้ จึงให้รับฟังความจริงตามตัวอักษรเป็นประมาณ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 12 แต่ถ้าเป็นเรื่องที่อาจนำสืบความจริงให้ปรากฏแก่ศาลได้ จะยกเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 12 มาบังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาจำเลย เนื่องจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิตปลอกกระสุนปืนของกลางริบ โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ปลอกกระสุนปืนของกลางโจทก์ไม่ได้ขอให้ริบ จึงไม่ริบ ดังนี้ คดีย่อมถึงที่สุดแล้ว จำเลยฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1422/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิต การแจ้งเท็จเกี่ยวกับประวัติการขอประกัน การพิจารณาสุขภาพของผู้เอาประกัน
บริษัทจำเลยไม่ถือว่าการที่ผู้ตายเคยถูกปฏิเสธการรับประกันชีวิตมาก่อนเป็นข้อสำคัญ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าขณะผู้ตายขอประกันชีวิตครั้งที่เกิดเหตุเรื่องนี้สุขภาพของผู้ตายสมบูรณ์ดีหรือไม่ ฉะนั้น เมื่อนายแพทย์ของบริษัทจำเลยตรวจสุขภาพผู้ตายและเสนอเรื่องให้บริษัทจำเลย จนบริษัทจำเลยพิจารณาอนุมัติให้ผู้ตายประกันชีวิต จึงแสดงว่าผู้ตายมีสุขภาพสมบูรณ์ บริษัทจำเลยจะมาปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าผู้ตายแจ้งเท็จว่า ไม่เคยได้รับปฏิเสธในการขอเอาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยมาก่อนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1422/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับประกันชีวิต: สุขภาพ ณ ขณะทำสัญญาสำคัญกว่าประวัติการปฏิเสธ
บริษัทจำเลยไม่ถือว่าการที่ผู้ตายเคยถูกปฏิเสธการรับประกันชีวิตมาก่อนเป็นข้อสำคัญ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าขณะผู้ตายขอประกันชีวิตครั้งที่เกิดเหตุเรื่องนี้สุขภาพของผู้ตายสมบูรณ์ดีหรือไม่ ฉะนั้นเมื่อนายแพทย์ของบริษัทจำเลยตรวจสุขภาพผู้ตายและเสนอเรื่องให้บริษัทจำเลย จนบริษัทจำเลยพิจารณาอนุมัติให้ผู้ตายประกันชีวิตจึงแสดงว่าผู้ตายมีสุขภาพสมบูรณ์ บริษัทจำเลยจะมาปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าผู้ตายแจ้งเท็จว่าไม่เคยได้รับปฏิเสธในการขอเอาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยมาก่อนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อในคดีชิงทรัพย์: ศาลฎีกาอนุญาตเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษในคดีที่เคยยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษต่อกับโทษในคดีดำที่ 2138/2513 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งคดีนี้และคดีดำที่ 2138/2513 ซึ่งเป็นคดีแดงที่ 2408/2513 จึงไม่มีทางจะนับโทษต่อ ต่อมาหลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนี้แล้วศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีแดงที่ 2408/2513นั้นด้วย จำเลยฎีกาในคดีนี้ โจทก์จึงขอมาในคำแก้ฎีกาให้นับโทษคดีนี้ต่อกับโทษในคดีแดงที่ 2408/2513 ดังนี้ศาลฎีกาสั่งให้นับโทษต่อได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อในคดีชิงทรัพย์: ศาลฎีกาอนุญาตเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษในคดีที่เกี่ยวข้องแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษต่อกับโทษในคดีดำที่ 2138/2513 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งคดีนี้และคดีดำที่ 2138/2513 ซึ่งเป็นคดีแดงที่ 2408/2513 จึงไม่มีทางจะนับโทษต่อ ต่อมาหลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนี้แล้ว ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีแดงที่2408/2513 นั้นด้วย จำเลยฎีกาในคดีนี้ โจทก์จึงขอมาในคำแก้ฎีกา ให้นับโทษคดีนี้ต่อกับโทษในคดีแดงที่2408/2513 ดังนี้ ศาลฎีกาสั่งให้นับโทษต่อได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดมูลค่าคดีและข้อจำกัดการฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น มูลค่าคดีต่ำกว่าเกณฑ์
จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทต้องถือราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องส่วนเนื้อที่ดินของที่พิพาทต้องถือตามจำนวนที่คำนวณได้จากแผนที่วิวาทซึ่งคู่ความได้รับรองความถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ 24 ตารางวา คิดเป็นราคาที่ดิน 9,600 บาท ในขณะฟ้องตกตารางวาละ 400 บาท แต่ในขณะเบิกความมีราคาตารางวาละ 700 บาท เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทตามรูปแผนที่กลางอันเป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดีนี้มีเนื้อที่ประมาณ 8 ตารางวา ที่พิพาทจึงมีราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องเพียง 3,200 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ 24 ตารางวา คิดเป็นราคาที่ดิน 9,600 บาท ในขณะฟ้องตกตารางวาละ 400 บาท แต่ในขณะเบิกความมีราคาตารางวาละ 700 บาท เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทตามรูปแผนที่กลางอันเป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดีนี้มีเนื้อที่ประมาณ 8 ตารางวา ที่พิพาทจึงมีราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องเพียง 3,200 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการฎีกา: ทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท และการฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว
จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทต้องถือราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องส่วนเนื้อที่ดินของที่พิพาทต้องถือตามจำนวนที่คำนวณได้จากแผนที่วิวาทซึ่งคู่ความได้รับรองความถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ 24 ตารางวาคิดเป็นราคาที่ดิน 9,600 บาท ในขณะฟ้องตกตารางวาละ 400 บาทแต่ในขณะเบิกความมีราคาตารางวาละ 700 บาท เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทตามรูปแผนที่กลางอันเป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดีนี้มีเนื้อที่ประมาณ 8 ตารางวา ที่พิพาทจึงมีราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องเพียง 3,200 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ 24 ตารางวาคิดเป็นราคาที่ดิน 9,600 บาท ในขณะฟ้องตกตารางวาละ 400 บาทแต่ในขณะเบิกความมีราคาตารางวาละ 700 บาท เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทตามรูปแผนที่กลางอันเป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดีนี้มีเนื้อที่ประมาณ 8 ตารางวา ที่พิพาทจึงมีราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องเพียง 3,200 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากสัญญาจ้างทำของ: ความชำรุดบกพร่อง vs. ผิดสัญญา
ความชำรุดบกพร่องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 หมายความถึงความชำรุดบกพร่องซึ่งเกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 598,599 และ600. อันหมายถึงความชำรุดบกพร่องในตัวทรัพย์ที่ผู้รับจ้างส่งมอบให้กับผู้ว่าจ้างครบถ้วนแล้ว มิใช่หมายถึงการไม่ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามสัญญา
จำเลยไม่ส่งมอบลูกรังและทรายให้โจทก์ให้ครบถ้วนตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
จำเลยไม่ส่งมอบลูกรังและทรายให้โจทก์ให้ครบถ้วนตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากการผิดสัญญาจ้างทำของ: ความชำรุดบกพร่องตามมาตรา 601 กับการไม่ส่งมอบงานให้ครบถ้วน
ความชำรุดบกพร่องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 601 หมายความถึงความชำรุดบกพร่องซึ่งเกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 598, 599 และ600. อันหมายถึงความชำรุดบกพร่องในตัวทรัพย์ที่ผู้รับจ้างส่งมอบให้กับผู้ว่าจ้างครบถ้วนแล้ว มิใช่หมายถึงการไม่ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามสัญญา
จำเลยไม่ส่งมอบลูกรังและทรายให้โจทก์ให้ครบถ้วนตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
จำเลยไม่ส่งมอบลูกรังและทรายให้โจทก์ให้ครบถ้วนตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164