พบผลลัพธ์ทั้งหมด 442 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดก และลักษณะสัญญาเช่าที่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือ
แม้หน้าคำฟ้องในช่องคู่ความใส่เพียงชื่อโจทก์โดยไม่ได้บอกฐานะไว้ แต่ตามคำบรรยายฟ้องกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ บ. ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทดังนี้หาใช่โจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวไม่
เงินค่าซ่อมแซมห้องที่ผู้เช่าให้ผู้ให้เช่าเพื่อที่จะได้เช่าห้องต่อไปมีลักษณะเป็นเงินกินเปล่า เป็นการเช่าธรรมดามิใช่สัญญาต่างตอบแทนนอกเหนือไปจากสัญญาเช่าธรรมดา
เงินค่าซ่อมแซมห้องที่ผู้เช่าให้ผู้ให้เช่าเพื่อที่จะได้เช่าห้องต่อไปมีลักษณะเป็นเงินกินเปล่า เป็นการเช่าธรรมดามิใช่สัญญาต่างตอบแทนนอกเหนือไปจากสัญญาเช่าธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดก, สัญญาเช่า, เงินค่าซ่อมแซมลักษณะเงินกินเปล่า, การสิ้นสุดสัญญาเช่า
แม้หน้าคำฟ้องในช่องคู่ความใส่เพียงชื่อโจทก์ โดยไม่ได้บอกฐานะไว้ แต่ตามคำบรรยายฟ้องกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ บ. ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทดังนี้หาใช่โจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวไม่
เงินค่าซ่อมแซมห้องที่ผู้เช่าให้ผู้ให้เช่าเพื่อที่จะได้เช่าห้องต่อไป มีลักษณะเป็นเงินกินเปล่า เป็นการเช่าธรรมดามิใช่สัญญาต่างตอบแทนนอกเหนือไปจากสัญญาเช่าธรรมดา
เงินค่าซ่อมแซมห้องที่ผู้เช่าให้ผู้ให้เช่าเพื่อที่จะได้เช่าห้องต่อไป มีลักษณะเป็นเงินกินเปล่า เป็นการเช่าธรรมดามิใช่สัญญาต่างตอบแทนนอกเหนือไปจากสัญญาเช่าธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนไม่มีเลขทะเบียนเครื่องหมายของเจ้าพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นปืนของจำเลยที่ 2 ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมาย ดังนี้ ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ในข้อสารสำคัญ และจำเลยที่ 1 มิได้หลงต่อสู้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 588/2509)
ปืนมีเลขทะเบียนเครื่องหมายของเจ้าพนักงานเป็นของจำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 มอบอาวุธปืนกระบอกที่กล่าวให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรถือในขณะกำลังรอขึ้นรถกลับบ้านมาด้วยกัน ดังนี้ จำเลยที่ 1 ยังไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1824/2499)
ปืนมีเลขทะเบียนเครื่องหมายของเจ้าพนักงานเป็นของจำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 มอบอาวุธปืนกระบอกที่กล่าวให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรถือในขณะกำลังรอขึ้นรถกลับบ้านมาด้วยกัน ดังนี้ จำเลยที่ 1 ยังไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1824/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน หากไม่ได้ครอบครองเพื่อตนเอง
ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนไม่มีเลขทะเบียนเครื่องหมายของเจ้าพนักงานประทับไว้ในความครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นปืนของจำเลยที่ 2ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมาย ดังนี้ ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ในข้อสารสำคัญ และจำเลยที่ 1 มิได้หลงต่อสู้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 588/2509)
ปืนมีเลขทะเบียนเครื่องหมายของเจ้าพนักงานเป็นของจำเลยที่ 2ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 มอบอาวุธปืนกระบอกที่กล่าวให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรถือในขณะกำลังรอขึ้นรถกลับบ้านมาด้วยกัน ดังนี้ จำเลยที่ 1 ยังไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1824/2499)
ปืนมีเลขทะเบียนเครื่องหมายของเจ้าพนักงานเป็นของจำเลยที่ 2ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 มอบอาวุธปืนกระบอกที่กล่าวให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรถือในขณะกำลังรอขึ้นรถกลับบ้านมาด้วยกัน ดังนี้ จำเลยที่ 1 ยังไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1824/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1153/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยข่มขู่ใช้กำลังและความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 11
ผู้เสียหายซื้อเนื้อกระบือไว้จากจำเลยคนหนึ่ง ต่อมา จำเลยทั้งสองกับพวกได้สมคบกันไปแกล้งกล่าวหาว่าผู้เสียหายได้ซื้อเนื้อกระบือของพรรคพวกจำเลยซึ่งถูกคนร้ายลักมาฆ่า และได้ร่วมกันขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายใช้เงินให้โดยอ้างว่าเป็นค่าเสียหาย โดยจำเลยที่ 1 ใช้กำลังเข้าชกต่อยผู้เสียหาย และยิงปืนขู่ให้ผู้เสียหายเกรงกลัวจนผู้เสียหายยอมส่งเงินให้ ดังนี้ จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานปล้นทรัพย์
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวได้แก้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลง เป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด อันเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ศาลฎีกาต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาปรับบท
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวได้แก้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลง เป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด อันเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ศาลฎีกาต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาปรับบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดโทษปล้นทรัพย์ตามฟ้อง โทษจำคุกต้องไม่เกินที่โจทก์บรรยาย แม้มีเหตุเพิ่มโทษ
ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสองกับพวกอีก 2 คนใช้ปืนเป็นอาวุธขู่จะฆ่าผู้เสียหายให้ถึงตายเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์พาทรัพย์ไป และให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ แล้วลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป อันเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าในการปล้นทรัพย์นี้ จำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนยิงขู่ ซึ่งมีอัตราโทษกำหนดไว้ตามวรรคสี่ มาตรา 340 จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก 20 ปีศาลก็ไม่อาจพิพากษาลงโทษเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
พิพากษาลงโทษจำเลยเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีย่อมมีผลถึงจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกามาด้วย
พิพากษาลงโทษจำเลยเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีย่อมมีผลถึงจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกามาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษจำเลยต้องไม่เกินที่โจทก์บรรยายในฟ้อง แม้พยานหลักฐานเพิ่มเติมจะทำให้เห็นว่ามีความผิดร้ายแรงกว่า
ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสองกับพวกอีก 2 คนใช้ปืนเป็นอาวุธขู่จะฆ่าผู้เสียหายให้ถึงตายเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์พาทรัพย์ไปและให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ แล้วลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป อันเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าในการปล้นทรัพย์นี้ จำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนยิงขู่ ซึ่งมีอัตราโทษกำหนดไว้ตามวรรคสี่ มาตรา 340 จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก 20 ปีศาลก็ไม่อาจพิพากษาลงโทษเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
พิพากษาลงโทษจำเลยเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีย่อมมีผลถึงจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกามาด้วย
พิพากษาลงโทษจำเลยเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีย่อมมีผลถึงจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกามาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยปิดหมายตามคำสั่งศาล และสิทธิในการยื่นคำให้การของผู้ถูกฟ้อง
เจ้าพนักงานส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยวิธีปิดหมายและสำเนาฟ้อง ซึ่งศาลได้สั่งไว้แล้วตอนรับฟ้อง เป็นการส่งตามคำสั่งศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 76
ส่วนการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 นั้น เป็นเรื่องศาลมิได้มีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งไว้ล่วงหน้า ต่อมาไม่สามารถส่งตามวิธีปกติได้ ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งโดยวิธีการอื่นอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดี ศาลฎีกาจะวินิจฉัยเสียเองโดยไม่ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ได้
ส่วนการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 นั้น เป็นเรื่องศาลมิได้มีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งไว้ล่วงหน้า ต่อมาไม่สามารถส่งตามวิธีปกติได้ ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งโดยวิธีการอื่นอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดี ศาลฎีกาจะวินิจฉัยเสียเองโดยไม่ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการประมาทเลินเล่อของบุตรในการดูแลอาวุธปืน
บิดามารดาเก็บปืนไว้ใต้หมอนในห้องนอน โดยมิได้ถอดแมกกาซีนออก และมิได้ห้ามปรามมิให้บุตรเข้าไป เพื่อป้องกันเหตุร้ายอันอาจจะเกิดจากอาวุธปืนนั้น ถือว่าบิดามารดามิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของบิดามารดา เมื่อบุตรเอาปืนไปเล่นเป็นเหตุให้ปืนลั่นถูกเพื่อนตาย บิดามารดาต้องร่วมรับผิดกับบุตรในผลละเมิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการดูแลบุตรเมื่อเกิดเหตุละเมิดจากอาวุธปืน
บิดามารดาเก็บปืนไว้ใต้หมอนในห้องนอน โดยมิได้ถอดแมกกาซีนออก และมิได้ห้ามปรามมิให้บุตรเข้าไป เพื่อป้องกันเหตุร้ายอันอาจจะเกิดจากอาวุธปืนนั้น ถือว่าบิดามารดามิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของบิดามารดา เมื่อบุตรเอาปืนไปเล่นเป็นเหตุให้ปืนลั่นถูกเพื่อนตาย บิดามารดาต้องร่วมรับผิดกับบุตรในผลละเมิดด้วย