คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุธรรม วรรณแสง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 442 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ – บรรเทาผลร้าย – รอการลงโทษ
รถยนต์ของจำเลยกับรถจักรยานยนต์ฝ่ายผู้ตายขับเกิดชนกันเพราะประมาททั้งสองฝ่าย.เมื่อเกิดเหตุแล้ว จำเลยมิได้หลบหนีแต่ได้หยุดลงไปดูผู้ตาย ได้มอบตัวเองกับเจ้าพนักงานตำรวจ และได้มอบเงินจำนวนหนึ่งพอสมควรเป็นค่าทำศพแก่บิดามารดาผู้ตาย ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดและเมื่อปรากฏว่าการที่รถชนกันเพราะความประมาทในการขับรถของผู้ตายมากกว่าจำเลยด้วยแล้ว เป็นเหตุให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์ที่เกิดจากการตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์ในผลผลิต ศาลต้องฟังพยานให้ครบถ้วนเพื่อพิสูจน์ความผิด
ฟ้องยักยอกทรัพย์ สืบพยาน 1 ปากแล้วศาลชั้นต้นงดสืบพยานเมื่อคำพยานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่เพียงพอจะชี้ขาดว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงควรจะได้ฟังพยานต่อไป กรณีต้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
ฟ้องว่า จำเลยกับผู้เสียหายได้ตกลงกันและยอมรับปฏิบัติตามประเพณีท้องถิ่นว่าจำเลยเป็นลูกน้องผู้เสียหายเป็นนายทุนออกค่าใช้จ่ายเมื่อจำเลยขุดหาพลอยได้เท่าใด จำเลยและผู้เสียหายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในพลอยนั้นคนละครึ่ง ต่อมาจำเลยขุดพลอยได้ 1 เม็ด ผู้เสียหายจึงมีกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่งและจำเลยเป็นผู้ได้รับมอบให้ครอบครองเก็บรักษาพลอยไว้ แล้วจำเลยได้บังอาจเบียดบังยักยอกเอาพลอยดังกล่าวไปเป็นของตนโดยทุจริต ถ้าข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้อง จำเลยอาจมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอุทธรณ์ฎีกา: คดีเช่าช่วง vs. ฟ้องแย้งโอนสิทธิ, สิทธิฟ้องขับไล่แม้สัญญาเช่าสิ้นสุด
คดีที่โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง จะอุทธรณ์ฎีกาได้เพียงใดหรือไม่ ต้องแยกพิจารณาคนละส่วน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์ เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาทและเรียกค่าเสียหายด้วยทุนทรัพย์ไม่เกินสองพันบาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
จำเลยฟ้องแย้งว่า โจทก์แลกเปลี่ยนสิทธิการเช่าตึกกับจำเลยขอให้บังคับโจทก์โอนสิทธิการเช่าให้จำเลยเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ว่ามาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ หากมีการฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับเจ้าของจะสิ้นอายุแล้วหรือไม่ก็ตาม เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์และเข้าอยู่ในตึกโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาซึ่งทำไว้กับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ส่งมอบตึกซึ่งเช่าจากโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่ผู้เช่าช่วง & ฟ้องแย้งขอโอนสิทธิเช่า: ข้อจำกัดการอุทธรณ์ & สิทธิฟ้องขับไล่
คดีที่โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง จะอุทธรณ์ฎีกาได้เพียงใดหรือไม่ ต้องแยกพิจารณาคนละส่วน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์ เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาทและเรียกค่าเสียหายด้วยทุนทรัพย์ไม่เกินสองพันบาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
จำเลยฟ้องแย้งว่า โจทก์แลกเปลี่ยนสิทธิการเช่าตึกกับจำเลยขอให้บังคับโจทก์โอนสิทธิการเช่าให้จำเลยเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ไม่ ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ว่ามาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ หากมีการฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับเจ้าของจะสิ้นอายุแล้วหรือไม่ก็ตาม เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์และเข้าอยู่ในตึกโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาซึ่งทำไว้กับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ส่งมอบตึกซึ่งเช่าจากโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 715/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปลาในหนองสาธารณะ และความผิดฐานชิงทรัพย์จากการขู่เข็ญและสั่งให้ผู้อื่นเอาปลาไป
โจทก์สูบน้ำออกจากหนองเพื่อจับปลาจนน้ำแห้งสามารถจับปลาได้แล้ว ย่อมถือว่าปลาในหนองอยู่ในความครอบครองของโจทก์ไม่ว่าหนองนั้นจะเป็นหนองสาธารณะหรือไม่จำเลยใช้ปืนขู่ห้ามมิให้โจทก์จับปลาในหนอง แล้วให้พวกของจำเลยจับปลาในหนองไป ย่อมมีความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากการเช่าทรัพย์สิน: ไม่จำเป็นต้องชี้สองสถานหากประเด็นข้อพิพาทชัดเจน
การพิจารณาคดีนั้นไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าจำต้องมีการชี้สองสถานก่อน
เมื่อศาลชั้นต้นสอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความ ได้จดคำรับของคู่ความไว้แล้วและเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทไม่จำเป็นที่จะต้องสืบพยานต่อไป คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาคดีไปได้
จำเลยเป็นผู้เช่าแผงขายของจากโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าคืน หรือขอให้ขับไล่จำเลยได้จำเลยมิได้โต้เถียงว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเหนือที่พิพาทในอันที่จะให้เช่าจำเลยจะเถียงสิทธิโจทก์ว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นของผู้อื่นไม่ใช่ของโจทก์เจ้าของไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดี ย่อมเถียงไม่ขึ้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายมาเกินอัตราค่าเช่าที่จำเลยเช่าแต่โจทก์แถลงขอเรียกร้องเอาเท่ากับค่าเช่าที่จำเลย ยอมรับว่าต้องเสียให้โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ต้องสืบประเด็นข้อนี้
คดีก่อน พนักงานอัยการเคยฟ้องจำเลยทางอาญาเรื่องวางสิ่งของปิดทางเดินเข้าตลาด คดีนี้ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่า, การงดการชี้สองสถาน, และประเด็นฟ้องซ้ำในคดีแพ่ง
การพิจารณาคดีนั้นไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าจำต้องมีการชี้สองสถานก่อน
เมื่อศาลชั้นต้นสอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความ ได้จดคำรับของคู่ความไว้แล้วและเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทไม่จำเป็นที่จะต้องสืบพยานต่อไป คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาคดีไปได้
จำเลยเป็นผู้เช่าแผงขายของจากโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าคืน หรือขอให้ขับไล่จำเลยได้จำเลยมิได้โต้เถียงว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเหนือที่พิพาทในอันที่จะให้เช่าจำเลยจะเถียงสิทธิโจทก์ว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นของผู้อื่นไม่ใช่ของโจทก์เจ้าของไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดี ย่อมเถียงไม่ขึ้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายมาเกินอัตราค่าเช่าที่จำเลยเช่าแต่โจทก์แถลงขอเรียกร้องเอาเท่ากับค่าเช่าที่จำเลยยอมรับว่าต้องเสียให้โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ต้องสืบประเด็นข้อนี้
คดีก่อน พนักงานอัยการเคยฟ้องจำเลยทางอาญาเรื่องวางสิ่งของปิดทางเดินเข้าตลาด คดีนี้ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกตามพินัยกรรม: การขอเป็นผู้จัดการมรดกโดยบุตรที่พินัยกรรมกำหนด และการไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อน มารดาของผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และผู้ร้องเป็นผู้คัดค้านคดีหลัง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกรายเดียวกัน และผู้คัดค้านได้ยื่นคำคัดค้านคู่ความทั้งสองคดีมิใช่คู่ความเดียวกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้ผู้ร้องจะร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกในคดีหลังในระหว่างที่คดีก่อนยังพิจารณาอยู่ก็ไม่เป็นการฟ้องซ้อน เพราะผู้ร้องมิได้เคยร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ในคดีก่อนมาก่อน
พินัยกรรมของผู้ตายกำหนดตั้งบุตรห้าคนเป็นผู้จัดการมรดกแต่บุตรสองคนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่สามารถจัดการมรดกได้และบุตรอีกคนหนึ่งไม่เต็มใจที่จะจัดการมรดก ดังนี้บุตรอีกสองคนซึ่งไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมาย ย่อมร้องขอต่อศาล ขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกตามพินัยกรรม: สิทธิของผู้รับมรดกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและการฟ้องซ้ำ
คดีก่อน มารดาของผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และผู้ร้องเป็นผู้คัดค้านคดีหลัง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกรายเดียวกัน และผู้คัดค้านได้ยื่นคำคัดค้านคู่ความทั้งสองคดีมิใช่คู่ความเดียวกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้ผู้ร้องจะร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกในคดีหลังในระหว่างที่คดีก่อนยังพิจารณาอยู่ก็ไม่เป็นการฟ้องซ้อน เพราะผู้ร้องมิได้เคยร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ในคดีก่อนมาก่อน
พินัยกรรมของผู้ตายกำหนดตั้งบุตรห้าคนเป็นผู้จัดการมรดกแต่บุตรสองคนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่สามารถจัดการมรดกได้และบุตรอีกคนหนึ่งไม่เต็มใจที่จะจัดการมรดก ดังนี้บุตรอีกสองคนซึ่งไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมาย ย่อมร้องขอต่อศาล ขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธอันตรายถึงอวัยวะสำคัญ ผู้กระทำเล็งเห็นผลถึงแก่ความตาย
ในขณะวิวาทต่อสู้กัน จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาวทั้งด้ามคืบเศษแทงผู้ตายที่ใต้รักแร้ซ้าย อันเป็นอวัยวะสำคัญเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย แม้จำเลยแทงเพียงทีเดียว จำเลยก็ย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำนั้นได้ว่าผู้ถูกแทงจะถึงแก่ความตาย จำเลยมีเจตนาฆ่า
of 45