พบผลลัพธ์ทั้งหมด 442 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทจากการไม่จัดการผู้โดยสารเกาะห้อยโหนรถ และขอบเขตความรับผิดของนายจ้างและผู้ถือหุ้น
จำเลยซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์โดยสาร เห็นโจทก์ยืนเกาะห้อยโหนบันไดรถ ตัวโจทก์ยื่นออกไปนอกรถ แล้วยังคงขับรถต่อไปโดยไม่จัดการมิให้มีการเกาะห้อยโหนเช่นนั้นเสียก่อน ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาท
โจทก์มีส่วนผิดเพราะเกาะห้อยโหนรถ ความรับผิดของจำเลยจึงต้องลดลงตามส่วน
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว มิใช่นายจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1
โจทก์มีส่วนผิดเพราะเกาะห้อยโหนรถ ความรับผิดของจำเลยจึงต้องลดลงตามส่วน
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว มิใช่นายจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทของผู้ขับรถโดยสารที่ปล่อยให้ผู้โดยสารเกาะห้อยโหน และความรับผิดของนายจ้าง
จำเลยซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์โดยสาร เห็นโจทก์ยืนเกาะห้อยโหนบันไดรถ ตัวโจทก์ยื่นออกไปนอกรถ แล้วยังคงขับรถต่อไปโดยไม่จัดการมิให้มีการเกาะห้อยโหนเช่นนั้นเสียก่อน ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาท
โจทก์มีส่วนผิดเพราะเกาะห้อยโหนรถ ความรับผิดของจำเลยจึงต้องลดลงตามส่วน
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว มิใช่นายจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1
โจทก์มีส่วนผิดเพราะเกาะห้อยโหนรถ ความรับผิดของจำเลยจึงต้องลดลงตามส่วน
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว มิใช่นายจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เรือโป๊ะที่ต่อขึ้นและใช้งานได้จริง แม้สภาพไม่สมบูรณ์ ไม่ถือเป็นไม้แปรรูป แต่เป็นเครื่องใช้ตามกฎหมายป่าไม้
แม้สภาพของเรือของกลางจะมีส่วนไม่เรียบร้อยอยู่หลายอย่างเมื่อปรากฏว่าเรือของกลางมีเครื่องยนต์ติดตั้งและใช้แล่นขนส่งสินค้าตามลำน้ำมาก่อนแล้วหลายครั้ง ขณะถูกจับก็ใช้แล่นอยู่ ทั้งกรมเจ้าท่าได้รับจดทะเบียนเป็นเรือประเภทขนส่งของส่วนบุคคลไว้แล้ว ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ว่าเรือของกลางมีสภาพเป็นเรือใช้ประโยชน์ได้สมบูรณ์แล้ว จึงมีสภาพเป็นเครื่องใช้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 4 ไม่ใช่ไม้แปรรูป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เรือโป๊ะต่อใหม่มีเครื่องยนต์ใช้ได้จริง ไม่ใช่ไม้แปรรูป
แม้สภาพของเรือของกลางจะมีส่วนไม่เรียบร้อยอยู่หลายอย่างเมื่อปรากฏว่าเรือของกลางมีเครื่องยนต์ติดตั้งและใช้แล่นขนส่งสินค้าตามลำน้ำมาก่อนแล้วหลายครั้ง ขณะถูกจับก็ใช้แล่นอยู่ทั้งกรมเจ้าท่าได้รับจดทะเบียนเป็นเรือประเภทขนส่งของส่วนบุคคลไว้แล้ว ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ว่าเรือของกลางมีสภาพเป็นเรือใช้ประโยชน์ได้สมบูรณ์แล้ว จึงมีสภาพเป็นเครื่องใช้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 4 ไม่ใช่ไม้แปรรูป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วยถ้อยคำหยาบคายและอ้างอิงถึงร่างกาย ทำให้ผู้เสียหายได้รับความอับอาย
จำเลยร้องด่าผู้เสียหายว่า 'ออกมาซิกูจะจับหีมึงให้มึงดู' และ 'มึงไปเล่าใหม่ซิว่ากูจับหีมึง' ต่อหน้าคนเดินผ่านไปมาประกอบกับผู้เสียหายเป็นหญิงสาวเช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้เสียหายได้รับความอับอายขายหน้า จึงเป็นถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วยคำพูดหยาบคายทำให้เกิดความอับอายต่อหน้าสาธารณชน ถือเป็นการดูหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
จำเลยร้องด่าผู้เสียหายว่า 'ออกมาซิกูจะจับหีมึงให้มึงดู'และ 'มึงไปเล่าใหม่ซิว่ากูจับหีมึง' ต่อหน้าคนเดินผ่านไปมาประกอบกับผู้เสียหายเป็นหญิงสาวเช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้เสียหายได้รับความอับอายขายหน้า จึงเป็นถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเกิดอันตรายแก่กาย และการจับกุมผู้เมาสุรา การกระทำของเจ้าพนักงานที่ไม่ถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ผู้เสียหายถูกเตะทั้งรองเท้า มีบาดแผล คือ 1. รอยช้ำบวมที่หน้าผากข้างขวาเหนือคิ้วขวา 2. เบ้าตาขวาช้ำบวมเขียว ตาขาวมีรอยช้ำเลือด 3. ริมฝีปากล่างซ้ายแตก 4. รอยช้ำบวมที่ปลายคาง5. หัวเข่าซ้ายบวมเล็กน้อย มีรอยถลอกเลือดออกซับบาดแผลทั้งหมดควรจะหายภายใน 7 วัน เช่นนี้ ถือว่าได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 แล้ว
จำเลยเป็นจ่าสิบตำรวจและสิบตำรวจเอกได้จับกุมผู้เสียหายในข้อหาเสพสุราจนเป็นเหตุให้เมาประพฤติวุ่นวายครองสติไม่ได้ขณะอยู่ในถนนสาธารณะ เมื่อนำไปยังสถานีตำรวจแล้วผู้เสียหายยังร้องเอะอะอาละวาด เตะโน่นเตะนี่ เดินไปมาและจะลงไปจากสถานีตำรวจ จำเลยจึงเอาตัวผู้เสียหายเข้าไปขังไว้ในห้องขังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และเพื่อไม่ให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ดังนี้ไม่ถือว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 310
จำเลยเป็นจ่าสิบตำรวจและสิบตำรวจเอกได้จับกุมผู้เสียหายในข้อหาเสพสุราจนเป็นเหตุให้เมาประพฤติวุ่นวายครองสติไม่ได้ขณะอยู่ในถนนสาธารณะ เมื่อนำไปยังสถานีตำรวจแล้วผู้เสียหายยังร้องเอะอะอาละวาด เตะโน่นเตะนี่ เดินไปมาและจะลงไปจากสถานีตำรวจ จำเลยจึงเอาตัวผู้เสียหายเข้าไปขังไว้ในห้องขังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และเพื่อไม่ให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ดังนี้ไม่ถือว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 310
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412-413/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขาดไร้อุปการะจากผู้ตาย: บิดามารดามีสิทธิได้รับ แม้บุตรจะยังมิได้อุปการะ
บุตรผู้เยาว์ของโจทก์ถึงแก่ความตายโดยการละเมิดของจำเลยโจทก์ชอบที่จะได้รับค่าขาดไร้อุปการะทั้งในปัจจุบันและความหวังในอนาคตโดยผลแห่งกฎหมาย ไม่ต้องพิจารณาว่าขณะเกิดเหตุผู้ตายได้อุปการะโจทก์จริงหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในลำเหมืองที่ขุดขึ้นเอง: การรื้อสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันความเสียหายชอบด้วยกฎหมาย แม้ทำให้ผู้อื่นเสียหาย
เหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองที่จำเลยกับพวกช่วยกันขุดและจำเลยได้ครอบครองโดยใช้น้ำจากเหมืองพิพาทตลอดมาแม้โจทก์จะได้ครอบครองและแจ้งการครอบครองที่ดินของโจทก์ทั้งสองฟากเหมืองพิพาท ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะถือได้ว่าเหมืองพิพาทเป็นของโจทก์
เมื่อโจทก์ได้ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเป็นเหตุให้พวกจำเลยไม่มีน้ำใช้ทำนาพวกจำเลยจึงได้รื้อออก เช่นนี้ เป็น การกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
เมื่อโจทก์ได้ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเป็นเหตุให้พวกจำเลยไม่มีน้ำใช้ทำนาพวกจำเลยจึงได้รื้อออก เช่นนี้ เป็น การกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในลำเหมือง: การครอบครองและการป้องกันความเสียหายจากการปิดกั้นลำเหมือง
เหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองที่จำเลยกับพวกช่วยกันขุดและจำเลยได้ครอบครองโดยใช้น้ำจากเหมืองพิพาทตลอดมา แม้โจทก์จะได้ครอบครองและแจ้งการครอบครองที่ดินของโจทก์ทั้งสองฟากเหมืองพิพาท ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะถือได้ว่าเหมืองพิพาทเป็นของโจทก์
เมื่อโจทก์ได้ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเป็นเหตุให้พวกจำเลยไม่มีน้ำใช้ทำนาพวกจำเลยจึงได้รื้อออก เช่นนี้ เป็นการกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
เมื่อโจทก์ได้ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเป็นเหตุให้พวกจำเลยไม่มีน้ำใช้ทำนาพวกจำเลยจึงได้รื้อออก เช่นนี้ เป็นการกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่