พบผลลัพธ์ทั้งหมด 442 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาผูกพันคู่ความเดิม การฟ้องซ้ำในประเด็นเดียวกัน
โจทก์เคยฟ้องผู้มีชื่อเป็นจำเลยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และขอให้ศาลเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายอำเภอเข้าเป็นจำเลยร่วมจำเลยร่วมต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดศาลพิพากษาว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้ยกฟ้องคดีถึงที่สุดไปแล้ว แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่อ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายอำเภอได้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมอีก ดังนี้ คำพิพากษาในคดีเดิมย่อมผูกพันโจทก์กับผู้ร้องสอดซึ่งเป็นคู่ความกันมาแล้ว (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคแรก) โจทก์จะกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์อีกหาได้ไม่ และย่อมไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าที่พิพาทจากผู้ร้องสอดห้ามมิให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความ แม้จะฟ้องคดีใหม่ในประเด็นเดียวกัน
โจทก์เคยฟ้องผู้มีชื่อเป็นจำเลยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และขอให้ศาลเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายอำเภอเข้าเป็นจำเลยร่วมจำเลยร่วมต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ศาลพิพากษาว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้ยกฟ้องคดีถึงที่สุดไปแล้ว แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่อ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายอำเภอได้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมอีก ดังนี้ คำพิพากษาในคดีเดิมย่อมผูกพันโจทก์กับผู้ร้องสอดซึ่งเป็นคู่ความกันมาแล้ว (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก) โจทก์จะกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์อีกหาได้ไม่ และย่อมไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าที่พิพาทจากผู้ร้องสอดห้ามมิให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศคณะกรรมการฯ มิใช่กฎหมาย จึงไม่ลบล้างความผิดที่กระทำไปแล้ว แม้มีประกาศยกเลิกภายหลัง
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวที่ออกโดยอาศัยความตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวมิใช่กฎหมาย ดังนั้น แม้ในระหว่างพิจารณาคดีจะได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมตามประกาศฉบับแรก ก็ไม่มีผลลบล้างการกระทำซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำความผิด และกรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศคณะกรรมการฯ มิใช่กฎหมาย จึงไม่ลบล้างความผิดที่กระทำไปแล้ว แม้มีประกาศยกเลิกภายหลัง
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวที่ออกโดยอาศัยความตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวมิใช่กฎหมาย ดังนั้น แม้ในระหว่างพิจารณาคดีจะได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมตามประกาศฉบับแรก ก็ไม่มีผลลบล้างการกระทำซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำความผิด และกรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแทน, การบอกเลิกสัญญาเช่า, และผลผูกพันของข้อสัญญาเช่าเมื่อสัญญาเดิมสิ้นสุด
หนังสือมอบอำนาจ ระบุให้อำนาจตัวแทนทำกิจการแทนตัวการไว้หลายอย่างและให้ยื่นฟ้องต่อศาลเกี่ยวกับทรัพย์สินของตัวการได้ด้วยดังนี้ ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจนั้นย่อมมีอำนาจฟ้องคดีแทนตัวการได้หาจำต้องมีการมอบอำนาจกันเฉพาะเรื่องเฉพาะรายไม่
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 801 บัญญัติว่าตัวแทน ได้รับมอบอำนาจทั่วไปไม่อาจยื่นฟ้องต่อศาลได้นั้นมีความหมายแต่เพียงว่า หากการมอบอำนาจมิได้ระบุไว้ว่าให้ตัวแทนยื่นฟ้องต่อศาลแทนตัวการ ตัวแทนก็ไม่อาจยื่นฟ้องได้
หนังสือบอกกล่าวของผู้ให้เช่าถึงผู้เช่า มีข้อความว่า'ขอรับตึกแถวดังกล่าวคืนจากการเช่าจากท่าน เพื่อมาทำการปรับปรุง' ถือได้ว่าเป็นการบอกเลิกการเช่าโดยชอบแม้จะมีข้อความต่อไปว่า หากผู้เช่าขัดข้องอย่างไร ก็ขอได้กรุณาแจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบด้วย ก็เป็นแต่เพียงการแสดงความสุภาพในการใช้ถ้อยคำเท่านั้น ไม่เปลี่ยนแปลงความประสงค์ของผู้ให้เช่าอันเป็นสาระสำคัญที่จะเลิกการเช่า
สัญญาเช่าตึกแถวมีกำหนดเวลา 1 ปี และมีข้อสัญญาข้อหนึ่งว่า เมื่อผู้เช่าชำระค่าเช่าให้ตามกำหนดและปฏิบัติตามข้อสัญญาครบถ้วน ผู้เช่าจะอยู่ในสถานที่เช่าได้โดยสบายตลอดระยะเวลาที่เช่าซึ่งกล่าวแล้ว เว้นเสียต่อทางการหรือรัฐบาลต้องการเพื่อผลประโยชน์ใด ๆ แล้ว แม้แต่ยังไม่ครบกำหนดอายุสัญญาเช่าผู้เช่าจำต้องส่งสถานที่เช่าคืนภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ผู้ให้เช่าบอกกล่าวข้อสัญญานี้ย่อมมีผลใช้บังคับเฉพาะภายในกำหนดอายุสัญญาเช่า 1 ปีเท่านั้น เมื่อสัญญาเช่าระงับเมื่อครบ 1 ปี ข้อสัญญาดังกล่าวย่อมระงับไปด้วย. ไม่มีผลใช้บังคับถึงการเช่าต่อมาโดยไม่มีกำหนดเวลา
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 801 บัญญัติว่าตัวแทน ได้รับมอบอำนาจทั่วไปไม่อาจยื่นฟ้องต่อศาลได้นั้นมีความหมายแต่เพียงว่า หากการมอบอำนาจมิได้ระบุไว้ว่าให้ตัวแทนยื่นฟ้องต่อศาลแทนตัวการ ตัวแทนก็ไม่อาจยื่นฟ้องได้
หนังสือบอกกล่าวของผู้ให้เช่าถึงผู้เช่า มีข้อความว่า'ขอรับตึกแถวดังกล่าวคืนจากการเช่าจากท่าน เพื่อมาทำการปรับปรุง' ถือได้ว่าเป็นการบอกเลิกการเช่าโดยชอบแม้จะมีข้อความต่อไปว่า หากผู้เช่าขัดข้องอย่างไร ก็ขอได้กรุณาแจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบด้วย ก็เป็นแต่เพียงการแสดงความสุภาพในการใช้ถ้อยคำเท่านั้น ไม่เปลี่ยนแปลงความประสงค์ของผู้ให้เช่าอันเป็นสาระสำคัญที่จะเลิกการเช่า
สัญญาเช่าตึกแถวมีกำหนดเวลา 1 ปี และมีข้อสัญญาข้อหนึ่งว่า เมื่อผู้เช่าชำระค่าเช่าให้ตามกำหนดและปฏิบัติตามข้อสัญญาครบถ้วน ผู้เช่าจะอยู่ในสถานที่เช่าได้โดยสบายตลอดระยะเวลาที่เช่าซึ่งกล่าวแล้ว เว้นเสียต่อทางการหรือรัฐบาลต้องการเพื่อผลประโยชน์ใด ๆ แล้ว แม้แต่ยังไม่ครบกำหนดอายุสัญญาเช่าผู้เช่าจำต้องส่งสถานที่เช่าคืนภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ผู้ให้เช่าบอกกล่าวข้อสัญญานี้ย่อมมีผลใช้บังคับเฉพาะภายในกำหนดอายุสัญญาเช่า 1 ปีเท่านั้น เมื่อสัญญาเช่าระงับเมื่อครบ 1 ปี ข้อสัญญาดังกล่าวย่อมระงับไปด้วย. ไม่มีผลใช้บังคับถึงการเช่าต่อมาโดยไม่มีกำหนดเวลา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแทน, การบอกเลิกสัญญาเช่า, และขอบเขตของข้อตกลงในสัญญาเช่า (การเช่าทรัพย์สิน)
หนังสือมอบอำนาจระบุให้อำนาจตัวแทนทำกิจการแทนตัวการไว้หลายอย่างและให้ยื่นฟ้องต่อศาลเกี่ยวกับทรัพย์สินของตัวการได้ด้วย ดังนี้ ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจนั้นย่อมมีอำนาจฟ้องคดีแทนตัวการได้หาจำต้องมีการมอบอำนาจกันเฉพาะเรื่องเฉพาะรายไม่
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 801 บัญญัติว่า ตัวแทนได้รับมอบอำนาจทั่วไปไม่อาจยื่นฟ้องต่อศาลได้นั้น มีความหมายแต่เพียงว่า หากการมอบอำนาจมิได้ระบุไว้ว่าให้ตัวแทนยื่นฟ้องต่อศาลแทนตัวการ ตัวแทนก็ไม่อาจยื่นฟ้องได้
หนังสือบอกกล่าวของผู้ให้เช่าถึงผู้เช่า มีข้อความว่า'ขอรับตึกแถวดังกล่าวคืนจากการเช่าจากท่าน เพื่อมาทำการปรับปรุง' ถือได้ว่าเป็นการบอกเลิกการเช่าโดยชอบแม้จะมีข้อความต่อไปว่า หากผู้เช่าขัดข้องอย่างไรก็ขอได้กรุณาแจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบด้วย ก็เป็นแต่เพียงการแสดงความสุภาพในการใช้ถ้อยคำเท่านั้น ไม่เปลี่ยนแปลงความประสงค์ของผู้ให้เช่าอันเป็นสาระสำคัญที่จะเลิกการเช่า
สัญญาเช่าตึกแถวมีกำหนดเวลา 1 ปี และมีข้อสัญญาข้อหนึ่งว่า เมื่อผู้เช่าชำระค่าเช่าให้ตามกำหนดและปฏิบัติตามข้อสัญญาครบถ้วน ผู้เช่าจะอยู่ในสถานที่เช่าได้โดยสบายตลอดระยะเวลาที่เช่าซึ่งกล่าวแล้ว เว้นเสียต่อทางการหรือรัฐบาลต้องการเพื่อผลประโยชน์ใด ๆ แล้ว แม้แต่ยังไม่ครบกำหนดอายุสัญญาเช่าผู้เช่าจำต้องส่งสถานที่เช่าคืนภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ผู้ให้เช่าบอกกล่าวข้อสัญญานี้ย่อมมีผลใช้บังคับเฉพาะภายในกำหนดอายุสัญญาเช่า 1 ปีเท่านั้น เมื่อสัญญาเช่าระงับเมื่อครบ 1 ปี ข้อสัญญาดังกล่าวย่อมระงับไปด้วย. ไม่มีผลใช้บังคับถึงการเช่าต่อมาโดยไม่มีกำหนดเวลา
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 801 บัญญัติว่า ตัวแทนได้รับมอบอำนาจทั่วไปไม่อาจยื่นฟ้องต่อศาลได้นั้น มีความหมายแต่เพียงว่า หากการมอบอำนาจมิได้ระบุไว้ว่าให้ตัวแทนยื่นฟ้องต่อศาลแทนตัวการ ตัวแทนก็ไม่อาจยื่นฟ้องได้
หนังสือบอกกล่าวของผู้ให้เช่าถึงผู้เช่า มีข้อความว่า'ขอรับตึกแถวดังกล่าวคืนจากการเช่าจากท่าน เพื่อมาทำการปรับปรุง' ถือได้ว่าเป็นการบอกเลิกการเช่าโดยชอบแม้จะมีข้อความต่อไปว่า หากผู้เช่าขัดข้องอย่างไรก็ขอได้กรุณาแจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบด้วย ก็เป็นแต่เพียงการแสดงความสุภาพในการใช้ถ้อยคำเท่านั้น ไม่เปลี่ยนแปลงความประสงค์ของผู้ให้เช่าอันเป็นสาระสำคัญที่จะเลิกการเช่า
สัญญาเช่าตึกแถวมีกำหนดเวลา 1 ปี และมีข้อสัญญาข้อหนึ่งว่า เมื่อผู้เช่าชำระค่าเช่าให้ตามกำหนดและปฏิบัติตามข้อสัญญาครบถ้วน ผู้เช่าจะอยู่ในสถานที่เช่าได้โดยสบายตลอดระยะเวลาที่เช่าซึ่งกล่าวแล้ว เว้นเสียต่อทางการหรือรัฐบาลต้องการเพื่อผลประโยชน์ใด ๆ แล้ว แม้แต่ยังไม่ครบกำหนดอายุสัญญาเช่าผู้เช่าจำต้องส่งสถานที่เช่าคืนภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ผู้ให้เช่าบอกกล่าวข้อสัญญานี้ย่อมมีผลใช้บังคับเฉพาะภายในกำหนดอายุสัญญาเช่า 1 ปีเท่านั้น เมื่อสัญญาเช่าระงับเมื่อครบ 1 ปี ข้อสัญญาดังกล่าวย่อมระงับไปด้วย. ไม่มีผลใช้บังคับถึงการเช่าต่อมาโดยไม่มีกำหนดเวลา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับลดโทษอาญาตามกฎหมายใหม่ที่ใช้บังคับระหว่างพิจารณาคดี
ในระหว่างพิจารณาคดีนี้ของศาลฎีกาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวแก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิม ศาลฎีกาต้องใช้กฎหมายใหม่นี้ลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พฤติการณ์ทำร้ายร่างกายร้ายแรง ร่วมด้วยการวางแผนลวงร่วมประเวณีก่อนลงมือ และทิ้งผู้เสียหายในป่า ชี้ชัดถึงเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยใช้ไม้กลมโตเท่าข้อมือ ยาวราว 1 แขนตีผู้เสียหายที่บริเวณหน้าหลายครั้ง จนใบหน้าช้ำบวมเขียวตั้งแต่ขอบตาทั้งสองข้างถึงบริเวณขากรรไกรและคอ โหนกแก้มมีแผลขนาด 1.05 x 0.5 เซนติเมตร จมูกฉีก สมองกระเทือนอย่างแรง ขากรรไกรล่างหักและขาดออกจากกัน (เฉพาะกระดูและฟันล่าง) สอบไปนานประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์ผู้ตรวจให้ความเห็นว่า ถ้ารักษาช้าไปสักวันสองวันอาจจะตายได้ เช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งผลได้ว่าจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่า
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจ เมื่อจดทะเบียนแล้ว ในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่าผู้เสียถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่า เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจ เมื่อจดทะเบียนแล้ว ในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่าผู้เสียถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่า เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรอง: การทำร้ายร่างกายภรรยาด้วยอาวุธอันตรายจนบาดเจ็บสาหัสและการวางแผนล่วงหน้า
จำเลยใช้ไม้กลมโตเท่าข้อมือ ยาวราว 1 แขนตีผู้เสียหายที่บริเวณหน้าหลายครั้ง จนใบหน้าช้ำบวมเขียวตั้งแต่ขอบตาทั้งสองข้างถึงบริเวณขากรรไกรและคอ โหนกแก้มมีแผลขนาด 1.05X0.5 เซนติเมตร จมูกฉีก สมองกระเทือนอย่างแรง ขากรรไกรล่างหักและขาดออกจากกัน (เฉพาะกระดูกและฟันล่าง) สลบไปนานประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์ผู้ตรวจให้ความเห็นว่า ถ้ารักษาช้าไปสักวันสองวันอาจจะตายได้ เช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่า
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจเมื่อจดทะเบียนแล้วในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่า ผู้เสียหายถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจเมื่อจดทะเบียนแล้วในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่า ผู้เสียหายถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการชนรถ: รถเสียหายใช้การไม่ได้ และขาดรายได้จากรถแท็กซี่
ลูกจ้างขับรถของจำเลยขับรถยนต์ของจำเลยชนรถยนต์ของโจทก์ซึ่งใช้เป็นรถรับจ้างเสียหายใช้การไม่ได้ ค่าเสียหายเนื่องจากขาดรายได้เพราะใช้รถยนต์ของโจทก์รับจ้างตามปกติไม่ได้ เป็นผลโดยตรงจากความประมาทของลูกจ้างจำเลยเป็นค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดโจทก์ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชดใช้รถยนต์ใหม่แล้วยังมีสิทธิเรียกร้องเอาค่าที่โจทก์ขาดรายได้ดังกล่าวได้อีกด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า หลังจากชนกันแล้วรถยนต์โจทก์เสียหายใช้การไม่ได้ ขอคิดค่าเสียหายเท่าราคาซื้อ เป็นการชัดแจ้งพอที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ว่า รถโจทก์เสียหายมากจนใช้การไม่ได้มิใช่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม ไม่จำต้องบรรยายถึงลักษณะความเสียหายของรถโจทก์อีก
โจทก์บรรยายฟ้องว่า หลังจากชนกันแล้วรถยนต์โจทก์เสียหายใช้การไม่ได้ ขอคิดค่าเสียหายเท่าราคาซื้อ เป็นการชัดแจ้งพอที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ว่า รถโจทก์เสียหายมากจนใช้การไม่ได้มิใช่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม ไม่จำต้องบรรยายถึงลักษณะความเสียหายของรถโจทก์อีก