พบผลลัพธ์ทั้งหมด 442 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขับไล่บริวารของจำเลย แม้จำเลยออกไปแล้ว ศาลมีอำนาจออกหมายเรียกบริวารมาสอบถามได้
ศาลพิพากษาและออกคำบังคับให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากอาคารที่จำเลยเช่าจากโจทก์ แม้ต่อมาโจทก์จะแถลงว่าจำเลยได้ออกไปแล้ว แต่ก็แถลงว่าคงเหลือแต่บริวารของจำเลย และตามสำเนาทะเบียนบ้านก็ปรากฏว่ามีชื่อผู้ร้องอยู่ในอาคารนี้ อันเป็นหลักฐานในเบื้องต้นว่าผู้ร้องอยู่ในอาคารของโจทก์ในฐานะเป็นบริวารของจำเลย โจทก์ย่อมขอและศาลมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ร้องมาสอบถามได้ ผู้ร้องจะอ้างว่าการที่ศาลหมายเรียกผู้ร้องไม่ชอบเพราะตนเป็นบุคคลนอกคดี คำบังคับที่ศาลออกบังคับแก่จำเลยมิได้บังคับรวมถึงบริวาร หรือบุคคลภายนอกด้วย และโจทก์ได้รับว่าจำเลยได้ออกไปแล้ว ทำให้คำบังคับสิ้นผลไปแล้ว ดังนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลออกหมายเรียกบริวารจำเลยเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาขับไล่ แม้จำเลยออกไปแล้ว
ศาลพิพากษาและออกคำบังคับให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากอาคารที่จำเลยเช่าจากโจทก์ แม้ต่อมาโจทก์จะแถลงว่าจำเลยได้ออกไปแล้ว แต่ก็แถลงว่าคงเหลือแต่บริวารของจำเลย และตามสำเนาทะเบียนบ้านก็ปรากฏว่ามีชื่อผู้ร้องอยู่ในอาคารนี้ อันเป็นหลักฐานในเบื้องต้นว่าผู้ร้องอยู่ในอาคารของโจทก์ในฐานะเป็นบริวารของจำเลย โจทก์ย่อมขอและศาลมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ร้องมาสอบถามได้ ผู้ร้องจะอ้างว่าการที่ศาลหมายเรียกผู้ร้องไม่ชอบเพราะตนเป็นบุคคลนอกคดี คำบังคับที่ศาลออกบังคับแก่จำเลยมิได้บังคับรวมถึงบริวาร หรือบุคคลภายนอกด้วย และโจทก์ได้รับว่าจำเลยได้ออกไปแล้ว ทำให้คำบังคับสิ้นผลไปแล้ว ดังนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการยึดทรัพย์: สิทธิในที่ดินสูญเสียเมื่อไม่ฟ้องแย่งการครอบครองภายใน 1 ปี
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 จะต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองไม่ใช่นับแต่วันรู้ว่าถูกแย่งการครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดิน: ต้องฟ้องแย่งการครอบครองภายใน 1 ปีนับจากถูกแย่งการครอบครอง มิใช่นับจากวันที่รู้
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 จะต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองไม่ใช่นับแต่วันรู้ว่าถูกแย่งการครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ด้วยกำลังข่มขู่ vs. ปล้นทรัพย์: การประเมินพฤติการณ์และเจตนา
บุตรและบุตรเขยเจ้าทรัพย์พาโคกระบือของเจ้าทรัพย์ไปเลี้ยงโดยบุคคลทั้งสองอยู่ห่างฝูงโคกระบือ 4 เส้น จำเลยกับพวกรวม 4 คนลักโคในฝูง 1 ตัวโดยใช้ปืนยิงโคล้มลงบุคคลทั้งสองได้ยินเสียงปืน เดินไปดูได้ 2 เส้น เห็นจำเลยกับพวกอยู่ใกล้ ๆ โคที่ล้ม ถือปืนยาวทุกคนแต่มิได้ยกปืนขึ้นเล็งมาที่บุคคลทั้งสอง คงปล่อยให้บุคคลทั้งสองต้อนโคกระบือรวมฝูงพากลับบ้านเช่นนี้ จำเลยไม่ผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์ vs. ปล้นทรัพย์: การกระทำโดยมีอาวุธ แต่ไม่ข่มขู่ผู้เสียหาย
บุตรและบุตรเขยเจ้าทรัพย์พาโคกระบือของเจ้าทรัพย์ไปเลี้ยงโดยบุคคลทั้งสองอยู่ห่างฝูงโคกระบือ 4 เส้น จำเลยกับพวกรวม 4 คนลักโคในฝูง 1 ตัว โดยใช้ปืนยิงโคล้มลงบุคคลทั้งสองได้ยินเสียงปืนเดินไปดูได้ 2 เส้น เห็นจำเลยกับพวกอยู่ใกล้ ๆ โคที่ล้ม ถือปืนยาวทุกคนแต่มิได้ยกปืนขึ้นเล็งมาที่บุคคลทั้งสอง คงปล่อยให้บุคคลทั้งสองต้อนโคกระบือรวมฝูงพากลับบ้านเช่นนี้ จำเลยไม่ผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในการยึดทรัพย์สินและการขอถอนอายัดที่ดินที่ถูกยึดก่อนหน้านี้
ผู้ร้องเป็นโจทก์และเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 209/2511 และผู้ร้องได้ยึดที่ดินพิพาทในคดีนี้ไว้ในคดีที่กล่าวแล้วผู้ร้องชอบที่จะมีคำขอให้ขายทอดตลาดที่ดินพิพาทแต่ในคดีนั้นจะประกาศขายทอดตลาดได้หรือไม่ ต้องว่ากล่าวกันไปในคดีที่ผู้ร้องเป็นคู่ความผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งถอนอายัดในคดีที่ผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความด้วยและกรณีไม่ต้องด้วยข้อห้ามมิให้ยึดซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในการยึดทรัพย์ และการถอนอายัดที่ดินพิพาทที่ถูกยึดก่อน
ผู้ร้องเป็นโจทก์และเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 209/2511 และผู้ร้องได้ยึดที่ดินพิพาทในคดีนี้ไว้ในคดีที่กล่าวแล้ว ผู้ร้องชอบที่จะมีคำขอให้ขายทอดตลาดที่ดินพิพาทแต่ในคดีนั้นจะประกาศขายทอดตลาดได้หรือไม่ ต้องว่ากล่าวกันไปในคดีที่ผู้ร้องเป็นคู่ความ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งถอนอายัดในคดีที่ผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความด้วยและกรณีไม่ต้องด้วยข้อห้ามมิให้ยึดซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์เรือนบนที่ดินที่ยังไม่ได้จดทะเบียน: กรณีข้อยกเว้นส่วนควบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ผู้ร้องซื้อที่ดินจากจำเลยและได้ใช้สิทธิครอบครองที่ดินตลอดมาตั้งแต่ซื้อ และปลูกเรือนลงในที่ดินนั้น แต่จำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิที่ดินให้ผู้ร้อง ต่อมาจำเลยถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดที่ดินแปลงนี้ ก็จะยึดเรือนของผู้ร้องด้วยไม่ได้ เพราะกรณีเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 ซึ่งไม่ถือว่าเรือนของผู้ร้องเป็นส่วนควบของที่ดินจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินก่อนจดทะเบียน และเรือนที่ไม่เป็นส่วนควบในคดีล้มละลาย
ผู้ร้องซื้อที่ดินจากจำเลยและได้ใช้สิทธิครอบครองที่ดินตลอดมาตั้งแต่ซื้อและปลูกเรือนลงในที่ดินนั้น แต่จำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิที่ดินให้ผู้ร้อง ต่อมาจำเลยถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดที่ดินแปลงนี้ ก็จะยึดเรือนของผู้ร้องด้วยไม่ได้ เพราะกรณีเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 ซึ่งไม่ถือว่าเรือนของผู้ร้องเป็นส่วนควบของที่ดินจำเลย