คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุธรรม วรรณแสง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 442 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 845/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดินและบ้าน สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าเมื่อกรรมสิทธิ์ที่ดินเปลี่ยนมือ การคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมเคหะ
จำเลยเช่าบ้านพิพาทมาจากนายบุ้นซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินของโจทก์มาปลูกบ้านพิพาทขึ้น โดยมีกำหนดเวลาเช่า 8 ปี 4 เดือน และมีข้อตกลงระหว่างนายบุ้นกับโจทก์ว่าในระหว่างกำหนดเวลาเช่า 8 ปี 4 เดือนนายบุ้นมีสิทธิให้คนอื่นเช่าบ้านพิพาทได้ และเมื่อครบกำหนดเวลาเช่า8 ปี 4 เดือนแล้ว ให้กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทตกเป็นของโจทก์ดังนี้เมื่อครบกำหนดเวลาเช่าที่ดิน 8 ปี 4 เดือน แล้ว นายบุ้นย่อมไม่มีอำนาจจะให้จำเลยเช่าบ้านพิพาทอยู่ต่อไปเพราะกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทตกไปยังโจทก์แล้ว สิทธิและหน้าที่ในการเช่าบ้านพิพาทระหว่างจำเลยกับนายบุ้นผู้โอนย่อมไม่ตกไปยังโจทก์ผู้รับโอนดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 โจทก์กับจำเลยจึงไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน การอยู่ในบ้านพิพาทต่อมาเมื่อครบกำหนดเวลาเช่า 8 ปี 4 เดือนไปแล้ว เป็นการอยู่โดยละเมิดสิทธิของโจทก์ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 845/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสิ้นสุด-กรรมสิทธิ์ตกเป็นของเจ้าของที่ดิน-การเช่าต่อโดยปราศจากอำนาจ-สิทธิและความคุ้มครองตาม พรบ.ควบคุมเคหะ
จำเลยเช่าบ้านพิพาทมาจากนายบุ้นซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินของโจทก์มาปลูกบ้านพิพาทขึ้น โดยมีกำหนดเวลาเช่า 8 ปี 4 เดือน และมีข้อตกลงระหว่างนายบุ้นกับโจทก์ว่าในระหว่างกำหนดเวลาเช่า 8 ปี 4 เดือนนายบุ้นมีสิทธิให้คนอื่นเช่าบ้านพิพาทได้ และเมื่อครบกำหนดเวลาเช่า 8 ปี 4 เดือนแล้ว ให้กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทตกเป็นของโจทก์ ดังนี้ เมื่อครบกำหนดเวลาเช่าที่ดิน 8 ปี 4 เดือน แล้ว นายบุ้นย่อมไม่มีอำนาจจะให้จำเลยเช่าบ้านพิพาทอยู่ต่อไปเพราะกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทตกไปยังโจทก์แล้ว สิทธิและหน้าที่ในการเช่าบ้านพิพาทระหว่างจำเลยกับนายบุ้นผู้โอนย่อมไม่ตกไปยังโจทก์ผู้รับโอนดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 โจทก์กับจำเลยจึงไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน การอยู่ในบ้านพิพาทต่อมาเมื่อครบกำหนดเวลาเช่า 8 ปี 4 เดือนไปแล้ว เป็นการอยู่โดยละเมิดสิทธิของโจทก์ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 726/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อเมื่อนักโทษได้รับอภัยโทษแล้วกระทำผิดซ้ำ ศาลมีอำนาจพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละคดี
การที่ศาลจะนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่นนั้นเป็นดุลพินิจของศาลจะพิจารณาเห็นสมควร การที่จำเลยต้องคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในคดีอื่นซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษจนเหลือโทษจำคุกอีก 10 ปี และระหว่างกำลังรับโทษที่เหลืออยู่นี้ได้กระทำผิดฐานฆ่านักโทษซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุก 20 ปี เช่นนี้ เมื่อพิจารณาว่าจำเลยต้องรับโทษต่อไปอีกถึง 20 ปีข้างหน้าแล้วเห็นว่าเหมาะสมแก่ความผิดที่กระทำในคดีนี้แล้ว เหตุผลที่จำเลยมากระทำผิดในข้อหาฐานความผิดเดียวกันซ้ำอีก รวมทั้งการได้รับพระราชทานอภัยโทษในคดีที่ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อซึ่งคงเหลือจำคุกอีกเป็น 10 ปีนั้น ยังไม่ถือเป็นเหตุพิเศษที่จะควรนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีดังกล่าวนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 726/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อในคดีอาญาซ้ำ กรณีได้รับอภัยโทษและมีโทษเหลืออยู่ ศาลมีดุลพินิจพิจารณาความเหมาะสม
การที่ศาลจะนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่นนั้นเป็นดุลพินิจของศาลจะพิจารณาเห็นสมควร การที่จำเลยต้องคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในคดีอื่นซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษจนเหลือโทษจำคุกอีก 10 ปี และระหว่างกำลังรับโทษที่เหลืออยู่นี้ได้กระทำผิดฐานฆ่านักโทษซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุก 20 ปี เช่นนี้ เมื่อพิจารณาว่าจำเลยต้องรับโทษต่อไปอีกถึง 20 ปีข้างหน้าแล้ว เห็นว่าเหมาะสมแก่ความผิดที่กระทำในคดีนี้แล้ว เหตุผลที่จำเลยมากระทำผิดในข้อหาฐานความผิดเดียวกันซ้ำอีก รวมทั้งการได้รับพระราชทานอภัยโทษในคดีที่ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อซึ่งคงเหลือจำคุกอีกเป็น 10 ปีนั้น ยังไม่ถือเป็นเหตุพิเศษที่จะควรนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีดังกล่าวนั้น
of 45