คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวัสดิ์ ภู่งาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 342 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิกรรมสิทธิ์เหนือที่ดิน: คำสั่งศาลเดิมไม่ผูกพันบุคคลภายนอก ผู้มีสิทธิดีกว่าย่อมมีสิทธิเหนือกว่า
จำเลยเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในที่ดินโฉนดของโจทก์ จนศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทในคดีดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีดังกล่าว พิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยที่พิพาทจึงยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ คำสั่งของศาลดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยจึงนำคำสั่งดังกล่าวมาอ้างใช้ยันโจทก์ไม่ได้และเมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยออกจากที่พิพาทแล้ว จำเลยไม่ยอมออกไปจึงถือได้ว่าจำเลยอยู่โดยละเมิด
โจทก์สืบเรื่องค่าเสียหายแล้ว แต่ศาลเห็นว่าโจทก์ไม่ควรได้รับค่าเสียหายถึงขนาดนั้น ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: สิทธิบังคับคดีจากทรัพย์สินทั้งหมด แม้มีจำนอง
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยยอมตกลงชำระหนี้11,901.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ภายในเวลาที่กำหนไว้ ถ้าผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีรวมทั้งบังคับเงินจำนวนดังกล่าวได้ด้วย และตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็มิได้กล่าวไว้ว่า โจทก์จะบังคับเอาชำระหนี้ได้แต่เฉพาะทรัพย์สินที่ได้จำนองกันไว้ ดังนั้นโจทก์จึงชอบที่จะบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากทรัพย์ใดๆ ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่โจทก์เจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนองจำเลยลูกหนี้ที่ยอมรับผิดชดใช้เงินกู้จนครบ ต่อมาเจ้าหนี้ลูกหนี้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยลูกหนี้ยอมชำระเงินให้เจ้าหนี้ 311,901.29 บาทพร้อมดอกเบี้ย และศาลพิพากษาตามยอม ก็หมายความได้แต่เพียงว่า ยังไม่ขอบังคับตามสัญญาจำนองเท่านั้น มิใช่เป็นการปลดจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744(2) ฉะนั้น เมื่อลูกหนี้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ มีการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองไม่พอชำระหนี้ เจ้าหนี้ย่อมบังคับเอาจากทรัพย์อื่นนอกเหนือจากที่จำนองไว้ได้ หาได้หมายความหรือเป็นการยกเลิกลบล้างข้อเรียกร้องตามคำขอท้ายฟ้องให้หมดไปและโจทก์จะบังคับชำระหนี้ได้แต่เพียงทรัพย์ที่จำนองเท่านั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีจากทรัพย์สินทั้งหมดหลังผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้มีทรัพย์จำนอง
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยยอมตกลงชำระหนี้ 11,901.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ภายในเวลาที่กำหนไว้ถ้าผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีรวมทั้งบังคับเงินจำนวนดังกล่าวได้ด้วย และตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็มิได้กล่าวไว้ว่า โจทก์จะบังคับเอาชำระหนี้ได้แต่เฉพาะทรัพย์สินที่ได้จำนองกันไว้ ดังนั้นโจทก์จึงชอบที่จะบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากทรัพย์ใด ๆ ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่โจทก์เจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนองจำเลยลูกหนี้ที่ยอมรับผิดชดใช้เงินกู้จนครบ ต่อมาเจ้าหนี้ลูกหนี้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยลูกหนี้ยอมชำระเงินให้เจ้าหนี้ 311,901.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยและศาลพิพากษาตามยอม ก็หมายความได้แต่เพียงว่า ยังไม่ขอบังคับตามสัญญาจำนองเท่านั้น มิใช่เป็นการปลดจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 (2) ฉะนั้น เมื่อลูกหนี้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ มีการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองไม่พอชำระหนี้ เจ้าหนี้ย่อมบังคับเอาจากทรัพย์อื่นนอกเหนือจากที่จำนองไว้ได้ หาได้หมายความหรือเป็นการยกเลิกลบล้างข้อเรียกร้องตามคำขอท้ายฟ้องให้หมดไป และโจทก์จะบังคับชำระหนี้ได้แต่เพียงทรัพย์ที่จำนองเท่านั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารบางส่วนไม่ถือเป็นความผิดฐานแต่งเครื่องแบบทหาร
จำเลยแต่งกายด้วยกางเกงขายาวสีกากีแกมเขียวรองเท้าหุ้มข้อหนังสีดำเข็มขัดผ้าสีกากีแกมเขียว มีหัวเข็มขัดโลหะทองเหลืองเครื่องหมายกองทัพบกซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครื่องแบบทหารตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พ.ศ.2477มาตรา 4 ยังไม่เรียกว่า แต่งเครื่องแบบทหารตามความหมายในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร (ฉบับที่ 3)พ.ศ.2485 ที่ยกเลิกแก้ไขมาตรา 6 เดิม จำเลยจึงยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารบางส่วนไม่ถือเป็นความผิดฐานแต่งเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ
จำเลยแต่งกายด้วยกางเกงขายาวสีกากีแกมเขียว รองเท้าหุ้มข้อหนังสีดำเข็มขัดผ้าสีกากีแกมเขียว มีหัวเข็มขัดโลหะทองเหลืองเครื่องหมายกองทัพบกซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครื่องแบบทหารตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พ.ศ.2477 มาตรา 4 ยังไม่เรียกว่า แต่งเครื่องแบบทหาร ตามความหมายในมาตรา 3แห่งพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2485 ที่ยกเลิกแก้ไขมาตรา 6 เดิม จำเลยจึงยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คชำระหนี้เงินกู้ยืม มิใช่เพื่อประกันหรือใช้แทนสัญญา
จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ร่วมแล้วออกเช็คให้. โดยตกลงกันว่าเมื่อเช็คถึงกำหนด. ให้โจทก์ร่วมไปขึ้นเงินเป็นการชำระหนี้เงินยืม ย่อมเป็นการแสดงเจตนาจะใช้เช็คนั้นเป็นการชำระหนี้. มิใช่เพื่อประกันเงินกู้หรือเป็นการออกเช็คเพื่อใช้แทนสัญญากู้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องค่าสินค้าซื้อขายเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมของลูกหนี้ มีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165
โจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าปลาสติกเม็ด ได้ขายสินค้าปลาสติกเม็ดให้จำเลยเพื่อผลิตเป็นถุงปลาสติกขาย อันเป็นการที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในราคาปลาสติก จึงมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ซื้อขายสินค้าเพื่ออุตสาหกรรม: 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165
บริษัทโจทก์ผู้ประกอบกิจการค้าปลาสติกเม็ดฟ้องบริษัท จำเลยซึ่งทำการค้าเกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องใช้ และสิ่งทำด้วยปลาสติก ให้ชำระราคาสินค้าปลาสติกเม็ดที่บริษัทจำเลยซื้อไปเพื่อผลิตเป็นถุงปลาสติกขาย ดังนี้ย่อมแสดงว่าเป็นการที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้ จึงมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้เถียงข้อเท็จจริงในฎีกาอาญา กรณีอุบัติเหตุทางน้ำ ความรับผิดชอบทางอาญา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยขับเรือออกไปจากท่าด้วยความเร็วปกติในขณะที่ยังไม่มีพายุคลื่นลม พายุและคลื่นปั่นป่วนเพิ่งเกิดขึ้นในทันใดเมื่อจำเลยขับเรือออกไปจากท่าแล้วได้ประมาณ 10 เส้น ได้พัดเรือของจำเลยล่มจมลงไปทันทีนั้นเอง อันเป็นอุบัติเหตุ หาใช่เพราะจำเลยขับเรือด้วยความเร็วสูงฝ่าพายุไป อันเป็นการกระทำโดยประมาทตามโจทก์ฟ้องไม่ ดังนี้ การที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังมา เป็นการกระทำโดยประมาทตามกฎหมาย และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จึงมีผลเท่ากับโต้เถียงว่า ผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะการกระทำโดยประมาทของจำเลย ไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ จึงเป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีซื้อขายที่ดินยังไม่ถึงที่สุด แม้มีการท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเฉพาะประเด็นฟ้องซ้ำ
คดีเดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อเรือนออกไปจากที่พิพาท โจทก์ต่อสู้ว่าซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การตั้งตัวแทนไม่มีหนังสือมอบอำนาจมาแสดง รับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลย โจทก์อุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้อ้างว่า ซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลยขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นฟ้องซ้ำและคู่ความตกลง ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 หรือไม่ ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าขณะที่โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อนี้และศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้ตามคำท้านั้น ศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิพากษาคดีเดิม คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148ส่วนจะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 144หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นที่คู่ความท้ากัน เมื่อไม่เห็นสมควร ศาลฎีกาก็ไม่หยิบยกขึ้นวินิจฉัย (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2515)
of 35