คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวัสดิ์ ภู่งาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 342 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาชี้ขาดกรณีฟันศีรษะผู้เสียหายไม่ถึงขั้นเจตนาฆ่า
จำเลยใช้มีดโต้ปลายมน มีคมข้างเดียวใช้ฟันได้อย่างเดียว ขนาดตัวมีดยาว 10 นิ้วฟุต ด้ามมีดยาว 4 นิ้วฟุตวิ่งเข้าไปทางด้านหลังฟันถูกศีรษะผู้เสียหาย 1 ทีเกิดบาดแผลยาว 2 เซนติเมตรลึกจดกระโหลกศีรษะ กระโหลกศีรษะไม่ร้าวหรือแตก แสดงว่าฟันไม่เต็มแรงและถูกหน้ามีดเพียงเล็กน้อย ผู้เสียหายรักษาบาดแผล 25 วันหาย แม้จะได้ความว่าฟันแล้วผู้เสียหายวิ่งหนี จำเลยวิ่งไล่ตามไป แต่จำเลยไม่ได้ทำร้ายผู้เสียหายอีก ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเช็ค: ความรู้เรื่องความผิดและตัวผู้กระทำผิดทำให้เริ่มนับอายุความ
ผู้เสียหายนำเช็คของจำเลยไปเข้าบัญชี แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยแจ้งว่าให้นำเช็คมาเบิกเงินใหม่ต่อมาได้นำไปเข้าบัญชีอีกครั้ง ธนาคารก็ปฏิเสธการจ่ายเงินอีกโดยอ้างว่าเกินข้อตกลง ดังนี้ ถือว่าผู้เสียหายได้รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดแล้วตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก เมื่อผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันนั้นคดีที่ฟ้องจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้ย่อมขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขู่ยิงตำรวจไม่ถึงขั้นพยายามฆ่า หากเจตนาเพียงขัดขวางการจับกุม
ตำรวจในเครื่องแบบขอตรวจค้นจำเลย จำเลยยิงมาทางตำรวจ1 นัด โดยไม่มีเจตนายิงตำรวจ แต่เป็นการขู่ไม่ให้ตำรวจจับจำเลย ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน หากเป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของคำฟ้องหมิ่นประมาท: การระบุช่วงเวลาเกิดเหตุที่ไม่ชัดเจน
คดีหมิ่นประมาทซึ่งหาว่าจำเลยใส่ความผู้เสียหายต่อบุคคลที่สามคำฟ้องกล่าวถึงรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดว่าจำเลยกระทำผิดวันใด การสอบสวนไม่ปรากฏชัด ในระหว่างวันที่1 เมษายน ถึง 15 เมษายน 2513 เวลากลางวัน ดังนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม หรือทำให้จำเลยไม่อาจสู้คดีได้ถูกต้อง เพราะโจทก์ได้กล่าวแสดงเหตุผลที่ไม่อาจระบุวันกระทำผิดให้แน่ชัดไว้แล้วและเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นสำหรับข้อกล่าวหาเช่นนี้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องหมิ่นประมาท: การระบุช่วงเวลาที่เกิดเหตุเพียงกว้างๆ ไม่ถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม หากมีเหตุผลรองรับ
คดีหมิ่นประมาทซึ่งหาว่าจำเลยใส่ความผู้เสียหายต่อบุคคลที่สาม คำฟ้องกล่าวถึงรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิด ว่าจำเลยกระทำผิดวันใด การสอบสวนไม่ปรากฏชัด ในระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 15 เมษายน 2513 เวลากลางวัน ดังนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม หรือทำให้จำเลยไม่อาจสู้คดีได้ถูกต้อง เพราะโจทก์ได้กล่าวแสดงเหตุผลที่ไม่ควรระบุวันกระทำผิดให้แน่ชัดไว้แล้ว และเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นสำหรับข้อกล่าวหาเช่นนี้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องอาญาต้องไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดหรือฐานความผิดใหม่
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ยินยอมให้จำเลยไปไถ่จำนองที่ดินของโจทก์จากนางประหยัดสุวเทพ เพื่อจะได้นำไปค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยจากธนาคาร แต่จำเลยบังอาจทุจริตนำที่ดินโจทก์ซึ่งไถ่จำนองแล้วไปขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเบียดบังเอาเงินค่าขายไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอแก้ฟ้องจากข้อความที่ว่า 'ให้ไปไถ่จำนองที่ดินจากนางประหยัด สุวเทพ เพื่อจำเลยจะได้นำที่ดินแปลงนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยกู้มาจากธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท' เป็นว่า 'ให้นำที่ดินแปลงนี้ไปจำนองกับธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปไถ่จำนองที่ดินแปลงนี้จากนางประหยัดสุวเทพ และจากข้อความที่ว่า 'โดยเจตนาทุจริต จำเลยได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาที่ดินดังกล่าวไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสีย เป็นว่า 'จำเลยได้บังอาจมีเจตนาทุจริตร่วมกันไปไถ่จำนองที่ดินดังกล่าวจากธนาคารและนำไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุข แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตร่วมกันเบียดบังยักยอกเอาเงินที่ขายได้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสีย' ดังนี้ ข้อความที่ขอแก้คงมีผลตรงกันกับฟ้องเดิมในใจความสำคัญไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก็เป็นเพียงเรียกการกระทำให้ชัดขึ้น รวมทั้งการเพิ่มเติมบทลงโทษ ก็หาทำให้จำเลยหลงต่อสู้ไม่ จึงไม่อาจถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเช่นกัน โจทก์ชอบที่จะขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องอาญา: ศาลอนุญาตได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้เพิ่มเติมรายละเอียดหรือฐานความผิด
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ยินยอมให้จำเลยไปไถ่จำนองที่ดินของโจทก์จากนางประหยัดสุวเทพ เพื่อจะได้นำไปค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยจากธนาคาร แต่จำเลยบังอาจทุจริตนำที่ดินโจทก์ซึ่งไถ่จำนองแล้วไปขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเบียดบังเอาเงินค่าขายไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอแก้ฟ้องจากข้อความที่ว่า'ให้ไปไถ่จำนองที่ดินจากนางประหยัด สุวเทพ เพื่อจำเลยจะได้นำที่ดินแปลงนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยกู้มาจากธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท' เป็นว่า 'ให้นำที่ดิน แปลงนี้ไปจำนองกับธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปไถ่จำนองที่ดินแปลงนี้จากนางประหยัด สุวเทพและจากข้อความที่ว่า 'โดยเจตนาทุจริต จำเลยได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาที่ดินดังกล่าวไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสีย เป็นว่า'จำเลยได้บังอาจมีเจตนาทุจริตร่วมกันไปไถ่จำนองที่ดินดังกล่าวจากธนาคารและนำไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุข แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตร่วมกันเบียดบังยักยอกเอาเงินที่ขายได้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสีย' ดังนี้ ข้อความที่ขอแก้คงมีผลตรงกันกับฟ้องเดิมในใจความสำคัญไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก็เป็นเพียงเรียกการกระทำให้ชัดขึ้น รวมทั้งการเพิ่มเติมบทลงโทษก็หาทำให้จำเลยหลงต่อสู้ไม่ จึงไม่อาจถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเช่นกัน โจทก์ชอบที่จะขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบการชำระหนี้ด้วยบันทึกรับเงินที่มีลายมือชื่อผู้ให้กู้เป็นหลักฐานได้
โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย 20,625 บาทจำเลยให้การว่า ได้ชำระแก่โจทก์แล้วสองคราว ๆ แรกชำระดอกเบี้ยด้วยเงินสด 1,500 บาท ครั้งที่สองชำระด้วยเช็ค 12,000 บาท แต่ถึงกำหนดเช็คไม่มีเงิน จึงถูกโจทก์แจ้งความเอาผิดต่อตำรวจจำเลยได้นำเงิน 12,000 บาทไปมอบให้พนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนได้บันทึกและให้โจทก์เซ็นรับเงินดังกล่าวไว้ในบันทึกนั้นแล้ว จำเลยย่อมนำสืบอ้างบันทึกซึ่งมีลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้กู้ว่าได้มีการใช้เงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบหลักฐานการชำระหนี้ด้วยบันทึกรับเงินที่มีลายมือชื่อโจทก์
โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย 20,625 บาทจำเลยให้การว่า ได้ชำระแก่โจทก์แล้วสองคราว ๆ แรกชำระดอกเบี้ยด้วยเงินสด 1,500 บาท ครั้งที่สองชำระด้วยเช็ค 12,000 บาทแต่ถึงกำหนดเช็คไม่มีเงิน จึงถูกโจทก์แจ้งความเอาผิดต่อตำรวจจำเลยได้นำเงิน 12,000 บาทไปมอบให้พนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนได้บันทึกและให้โจทก์เซ็นรับเงินดังกล่าวไว้ในบันทึกนั้นแล้ว จำเลยย่อมนำสืบอ้างบันทึกซึ่งมีลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้กู้ว่าได้มีการใช้เงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานโดยไม่มีหมายค้นและเจตนาบุกรุก: การพิจารณาเจตนาและความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้รับแจ้งจาก บ.ให้ติดตามสืบถามขอคืนไม้ที่หายจากโจทก์ว่า เห็นโจทก์เอาไม้ไปจำเลยกับพวกก็เข้าค้นเรือนโจทก์รื้อข้าวของกระจัดกระจาย ทั้งนี้โดยไม่มีหมายค้น บิดาโจทก์ห้ามก็ไม่ฟัง ทั้งไม่ได้ความแน่ชัดด้วยว่า ไม้นั้นอยู่ในเรือนโจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกเรือนโจทก์แล้ว ไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 92(4)(5) แต่การกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปในเคหสถานในความครอบครองของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควรเท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีเจตนารบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดย ปกติสุขด้วย
of 35