พบผลลัพธ์ทั้งหมด 342 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกทำร้ายร่างกายจนเกิดอันตรายถึงชีวิต
จำเลยเดินมาคนเดียว ผู้ตายกับพวกหลายคนเข้าทำร้ายจำเลยผู้ตายรัดคอจำเลยจนจำเลยหายใจไม่ออก และพวกของผู้ตายก็แทงจำเลย จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ทีในขณะนั้น เพื่อให้ตนเองพ้นภัยบังเอิญมีดถูกอกผู้ตาย ผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการวิวาท: การแทงด้วยอาวุธอันตรายถึงแก่ความตาย
จำเลยทำท่าอ้วกและถ่มน้ำลายรดบุตรสาวผู้ตาย ผู้ตายต่อว่าจำเลยในเรื่องนี้ จำเลยพูดจายั่วโทสะผู้ตาย แสดงว่าจำเลยต้องการให้ผู้ตายต่อสู้กับตนหรือจำเลยต้องคาดคะเนได้ว่าผู้ตายจะต้องโกรธถึงขนาดที่จะทำร้ายจำเลย ผู้ตายเงื้อมือจะตบหน้าจำเลย จำเลยจึงใช้เหล็กปลายแหลมยาวประมาณคืบเศษแทงผู้ตายเต็มแรงที่หน้าอกซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญลึกถึง 10 เซนติเมตร ทะลุเข้าช่องปอดเยื่อหุ้มหัวใจและผนังเส้นเลือดแดง โดยผู้ตายไม่มีอาวุธ และผู้ตายได้ถึงแก่ความตาย แม้จำเลยแทงผู้ตายทีเดียวแล้ววิ่งหนี ก็แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า และการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันเพราะจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการวิวาท: การแทงด้วยอาวุธอันตรายถึงแก่ความตาย แม้มีการยั่วยุ ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยทำท่าอ้วกและถ่มน้ำลายรดบุตรสาวผู้ตาย ผู้ตายต่อว่าจำเลยในเรื่องนี้ จำเลยพูดจายั่วโทสะผู้ตาย แสดงว่าจำเลยต้องการให้ผู้ตายต่อสู้กับตนหรือจำเลยต้องคาดคะเนได้ว่าผู้ตายจะต้องโกรธถึงขนาดที่จะทำร้ายจำเลย ผู้ตายเงื้อมือจะตบหน้าจำเลย จำเลยจึงใช้เหล็กปลายแหลมยาวประมาณคืบเศษแทงผู้ตายเต็มแรงที่หน้าอกซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญลึกถึง 10 เซนติเมตร ทะลุเข้าช่องปอด เยื่อหุ้มหัวใจและผนังเส้นเลือดแดง โดยผู้ตายไม่มีอาวุธ และผู้ตายได้ถึงแก่ความตาย แม้จำเลยแทงผู้ตายทีเดียวแล้ววิ่งหนี ก็แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า และการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันเพราะจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในสัญญากู้ หากผลพิสูจน์ตรงกับเอกสารอื่นที่จำเลยไม่ปฏิเสธ ถือเป็นหลักฐานยืนยันได้
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยโดยให้ส่งเอกสารที่โจทก์หามาได้ไปตรวจพิสูจน์ด้วยครั้นโจทก์ส่งเอกสารดังกล่าวต่อศาลเพื่อส่งไปตรวจพิสูจน์ จำเลยกลับขอถอนคำท้า โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านโดยกล่าวด้วยว่า เอกสารที่โจทก์หามาส่งศาลนี้ ลายมือชื่อจำเลยเหมือนกับลายมือชื่อจำเลยในสัญญากู้รายพิพาท จำเลยได้รับสำเนาคำแถลงคัดค้านของโจทก์แล้วก็นิ่งเสีย ไม่ปฏิเสธต่อศาลว่าลายมือชื่อในเอกสารที่โจทก์หามาส่งศาลนั้นไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่าเอกสารนั้นไม่ใช่เอกสารที่จำเลยได้ลงลายมือชื่อไว้
ตกลงกันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้กู้ในสัญญากู้รายพิพาทว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยหรือไม่ โดยให้เปรียบเทียบกับลายมือชื่อในลายมือชื่อตัวอย่าง ลายมือชื่อในใบแต่งทนายและลายมือชื่อในเอกสารที่โจทก์หามาได้ เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์แล้วมีความเห็นว่าลายมือชื่อจำเลยในสัญญากู้รายพิพาทกับในเอกสารที่โจทก์ส่งศาลน่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญนี้ตรงตามความประสงค์ที่ขอให้ตรวจพิสูจน์แล้ว แม้ผู้เชี่ยวชาญจะไม่ได้ให้ความเห็นยืนยันเกี่ยวกับลายมือชื่อในใบแต่งทนายและในลายมือชื่อตัวอย่างเพราะมีลักษณะการเขียนต่างแบบกัน ก็ไม่ทำให้ความเห็นข้างต้นนั้นเสียไป
ตกลงกันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้กู้ในสัญญากู้รายพิพาทว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยหรือไม่ โดยให้เปรียบเทียบกับลายมือชื่อในลายมือชื่อตัวอย่าง ลายมือชื่อในใบแต่งทนายและลายมือชื่อในเอกสารที่โจทก์หามาได้ เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์แล้วมีความเห็นว่าลายมือชื่อจำเลยในสัญญากู้รายพิพาทกับในเอกสารที่โจทก์ส่งศาลน่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญนี้ตรงตามความประสงค์ที่ขอให้ตรวจพิสูจน์แล้ว แม้ผู้เชี่ยวชาญจะไม่ได้ให้ความเห็นยืนยันเกี่ยวกับลายมือชื่อในใบแต่งทนายและในลายมือชื่อตัวอย่างเพราะมีลักษณะการเขียนต่างแบบกัน ก็ไม่ทำให้ความเห็นข้างต้นนั้นเสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยสุจริตของผู้ทรง แม้ผู้สลักหลังจะทุจริต ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามเช็ค
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คและโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดย จ. ได้สลักหลังแล้วมอบให้โจทก์ โจทก์นำเช็คนี้เข้าบัญชี แต่ธนาคารคืนเช็คมายังโจทก์ เพราะจำเลยได้สั่งอายัดไว้ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจริงโดยเตรียมไว้สำหรับชำระหนี้ให้แก่ผู้อื่น แต่ จ. ได้ลักเช็คดังกล่าวไปเสียก่อน จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีนิติสัมพันธ์อันใดกับจำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องประการใดจากจำเลย ดังนี้ เมื่อจำเลยมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทนั้นมาโดยคบคิดกับ จ. เพื่อฉ้อฉลจำเลยก็ต้องถือว่าโจทก์ได้รับเช็คมาโดยสุจริต การที่ จ. แต่ฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริตจึงไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะยกขึ้นใช้ยันกับโจทก์ผู้ทรงได้ตาม มาตรา 905 และมาตรา 916 ฉะนั้นจำเลยจึงหามีสิทธิที่จะนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยดังที่ปรากฏในคำให้การไม่ เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือโจทก์เป็นผู้ถือจึงนับได้ว่าเป็นผู้ทรง เมื่อโจทก์นำไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2514)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คโดยสุจริตได้รับความคุ้มครอง แม้ผู้สลักหลังจะทุจริต จำเลยไม่สามารถยกข้อต่อสู้ได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คและโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดย จ. ได้สลักหลังแล้วมอบให้โจทก์ โจทก์นำเช็คนี้เข้าบัญชี แต่ธนาคารคืนเช็คมายังโจทก์ เพราะจำเลยได้สั่งอายัดไว้ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจริงโดยเตรียมไว้สำหรับชำระหนี้ให้แก่ผู้อื่น แต่ จ. ได้ลักเช็คดังกล่าวไปเสียก่อน จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีนิติสัมพันธ์อันใดกับจำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องประการใดจากจำเลย ดังนี้ เมื่อจำเลยมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทนั้นมาโดยคบคิดกับ จ. เพื่อฉ้อฉลจำเลยก็ต้องถือว่าโจทก์ได้รับเช็คมาโดยสุจริต การที่ จ. แต่ฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริตจึงไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะยกขึ้นใช้ยันกับโจทก์ผู้ทรงได้ตาม มาตรา 905 และมาตรา 916 ฉะนั้น จำเลยจึงหามีสิทธิที่จะนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยดังที่ปรากฏในคำให้การไม่ เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือโจทก์เป็นผู้ถือจึงนับได้ว่าเป็นผู้ทรง เมื่อโจทก์นำไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2514)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลให้จำหน่ายคดี ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นเดิม
ในคดีแดงที่ 444/2513 โจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทกันในคดีนี้ และศาลได้พิพากษาให้บังคับคดีไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว การที่ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีตามที่จำเลยฎีกาขึ้นมาว่าจำเลยยังมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทต่อไปหรือไม่นั้น จึงหมดความจำเป็นเพราะโจทก์จำเลยอาจขอบังคับคดีให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 444/2513 ได้อยู่แล้ว ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีออกจากสารบบเนื่องจากมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและมีคำพิพากษาตามสัญญาแล้ว
ในคดีแดงที่ 444/2513 โจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทกันในคดีนี้ และศาลได้พิพากษาให้บังคับคดีไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว การที่ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีตามที่จำเลยฎีกาขึ้นมาว่าจำเลยยังมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทต่อไปหรือไม่นั้น จึงหมดความจำเป็นเพราะโจทก์จำเลยอาจขอบังคับคดีให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 444/2513 ได้อยู่แล้ว ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง: การป้องกันตนโดยชอบธรรม แม้ผู้ตายไม่มีอาวุธ
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ตายไม่มีอาวุธปืน แต่เมื่อพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุผลสมควรทำให้จำเลยสำคัญผิดเข้าใจว่าผู้ตายมีอาวุธปืนและกำลังจะยิงทำร้ายจำเลยในระยะห่างกัน 2 วา อันนับได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตัวจำเลย จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิกระทำเพื่อป้องกันตนได้และการที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตนไป 1 นัดในทันทีนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ด้วย ความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 วรรคแรก
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2514)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง: การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้ตายไม่มีอาวุธ
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ตายไม่มีอาวุธปืน แต่เมื่อพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุผลสมควรทำให้จำเลยสำคัญผิดเข้าใจว่าผู้ตายมีอาวุธปืนและกำลังจะยิงทำร้ายจำเลยในระยะห่างกัน 2 วา อันนับได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตัวจำเลย จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิกระทำเพื่อป้องกันตนได้และการที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตนไป 1 นัดในทันทีนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ด้วย ความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 วรรคแรก
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2514)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2514)