พบผลลัพธ์ทั้งหมด 342 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษอาญาตามกระทงความผิดที่เข้าเกณฑ์ แม้ขอเพิ่มโทษตามมาตราที่เบากว่าก็ทำได้
เมื่อศาลพิพากษาเรียงกระทงลงโทษและความผิดแต่ละกระทงที่ลงโทษเข้าเกณฑ์ที่จะเพิ่มโทษได้ ย่อมเพิ่มโทษได้ทุกกระทงความผิดที่ลงโทษนั้น
โจทก์ขอให้เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93เมื่อไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเพิ่มโทษตามมาตรา 93 แต่เข้าเกณฑ์เพิ่มโทษตามมาตรา 92 ได้ ศาลย่อมเพิ่มโทษตามมาตรา 92 ซึ่งเป็นบทที่เบากว่าให้ได้
โจทก์ขอให้เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93เมื่อไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเพิ่มโทษตามมาตรา 93 แต่เข้าเกณฑ์เพิ่มโทษตามมาตรา 92 ได้ ศาลย่อมเพิ่มโทษตามมาตรา 92 ซึ่งเป็นบทที่เบากว่าให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่สาธารณะ - การรบกวนการครอบครอง - อำนาจฟ้อง - ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ฟ้องของโจทก์คดีก่อน โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทโดยซื้อได้จากการขายทอดตลาดของศาล แล้วให้จำเลยเช่า จำเลยผิดสัญญาเช่า จึงขอให้ขับไล่จำเลย ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะโจทก์ไม่มีสิทธิเอาไปให้จำเลยเช่า พิพากษายกฟ้องโจทก์ ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นผู้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทอันเป็นที่สาธารณะนี้อยู่ตั้งแต่จำเลยแพ้คดีโจทก์ในชั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ครั้นเมื่อจำเลยชนะคดีในชั้นศาลฎีกา จำเลยจึงได้บุกรุกเข้ามาปลูกต้นมะพร้าวอันเป็นการโต้แย้งรบกวนสิทธิของโจทก์ ดังนี้ แม้ที่พิพาทจะเป็นแปลงเดียวกัน คู่ความเดียวกัน แต่สิทธิที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเป็นคนละอย่างคนละประเด็น การกระทำที่โจทก์อ้างว่าจำเลยรบกวนสิทธิของโจทก์เป็นคนละวาระและมิได้ต่อเนื่องกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณประโยชน์ของแผ่นดินซึ่งพลเมืองมีสิทธิใช้ร่วมกัน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้วจำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองซ้อน ในระหว่างโจทก์จำเลยสิทธิเหนือที่พิพาทจึงดีกว่าจำเลย การที่จำเลยนำต้นมะพร้าวเข้าไปปลูกในที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์ได้
แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณประโยชน์ของแผ่นดินซึ่งพลเมืองมีสิทธิใช้ร่วมกัน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้วจำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองซ้อน ในระหว่างโจทก์จำเลยสิทธิเหนือที่พิพาทจึงดีกว่าจำเลย การที่จำเลยนำต้นมะพร้าวเข้าไปปลูกในที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินสาธารณะ การรบกวนการครอบครอง และอำนาจฟ้อง
ฟ้องของโจทก์คดีก่อน โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทโดยซื้อได้จากการขายทอดตลาดของศาล แล้วให้จำเลยเช่า จำเลยผิดสัญญาเช่า จึงขอให้ขับไล่จำเลย ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะโจทก์ไม่มีสิทธิเอาไปให้จำเลยเช่า พิพากษายกฟ้องโจทก์ ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นผู้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทอันเป็นที่สาธารณะนี้อยู่ตั้งแต่จำเลยแพ้คดีโจทก์ในชั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ครั้นเมื่อจำเลยชนะคดีในชั้นศาลฎีกา จำเลยจึงได้บุกรุกเข้ามาปลูกต้นมะพร้าวอันเป็นการโต้แย้งรบกวนสิทธิของโจทก์ ดังนี้ แม้ที่พิพาทจะเป็นแปลงเดียวกันคู่ความเดียวกัน แต่สิทธิที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเป็นคนละอย่างคนละประเด็น การกระทำที่โจทก์อ้างว่าจำเลยรบกวนสิทธิของโจทก์เป็นคนละวาระและมิได้ต่อเนื่องกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณประโยชน์ของแผ่นดินซึ่งพลเมืองมีสิทธิใช้ร่วมกัน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้วจำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองซ้อน ในระหว่างโจทก์จำเลยสิทธิเหนือที่พิพาทจึงดีกว่าจำเลย การที่จำเลยนำต้นมะพร้าวเข้าไปปลูกในที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์ได้
แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณประโยชน์ของแผ่นดินซึ่งพลเมืองมีสิทธิใช้ร่วมกัน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้วจำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองซ้อน ในระหว่างโจทก์จำเลยสิทธิเหนือที่พิพาทจึงดีกว่าจำเลย การที่จำเลยนำต้นมะพร้าวเข้าไปปลูกในที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดทุนทรัพย์คดีครอบครองปรปักษ์ การรวมฟ้องจำเลยหลายคน และการห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องจำเลย 2 คนว่า เข้าไปยึดถือที่ดินครอบครองแปลงหนึ่งของโจทก์คนละส่วนคนละตอน คำฟ้องไม่ปรากฏข้ออ้างว่าจำเลยร่วมกันทำละเมิดสิทธิของโจทก์ แม้โจทก์จะได้รวมฟ้องจำเลยทั้งสองเข้ามาเป็นคดีเดียวกัน การที่จะดูว่าคดีอย่างนี้มีทุนทรัพย์เท่าใด จะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ นั้น จะต้องถือตามราคาที่ดินที่จำเลยแต่ละคนต่างเข้าไปละเมิดยึดถือ ไม่ใช่ว่าจะนับรวมกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคิดมูลค่าคดีเมื่อจำเลยหลายคนยึดครองที่ดินคนละส่วน การคำนวณมูลค่าคดีต้องแยกเป็นรายส่วน
โจทก์ฟ้องจำเลย 2 คนว่า เข้าไปยึดถือที่ดินครอบครองแปลงหนึ่งของโจทก์คนละส่วนคนละตอน คำฟ้องไม่ปรากฏข้ออ้างว่าจำเลยร่วมกันทำละเมิดสิทธิของโจทก์ แม้โจทก์จะได้รวมฟ้องจำเลยทั้งสองเข้ามาเป็นคดีเดียวกัน การที่จะดูว่าคดีอย่างนี้มีทุนทรัพย์เท่าใด จะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ นั้น จะต้องถือตามราคาที่ดินที่จำเลยแต่ละคนต่างเข้าไปละเมิดยึดถือ ไม่ใช่ว่าจะนับรวมกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยนต์เช่าซื้อ - เจ้าของมิได้รู้เห็นการกระทำผิด - สิทธิเรียกร้องคืน
รถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องได้ให้ ต. เช่าซื้อไป และ ต.ยังชำระเงินราคาค่าเช่าซื้อให้ผู้ร้องไม่ครบ รถยนต์ของกลางจึงยังคงเป็นของผู้ร้องอยู่ ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย จึงมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยนต์เช่าซื้อ - เจ้าของรถมีสิทธิขอคืนได้หากไม่รู้เห็นการกระทำผิด
รถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องได้ให้ ต. เช่าซื้อไป และ ต.ยังชำระเงินราคาค่าเช่าซื้อให้ผู้ร้องไม่ครบ รถยนต์ของกลางจึงยังคงเป็นของผู้ร้องอยู่ ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย จึงมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลือกที่ดินตามสัญญายอมความ ต้องใช้สิทธิสุจริต โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จำเลยจะได้รับจากที่ดินที่เหลือ
สัญญายอมในศาลมีความว่า จำเลยยอมให้โจทก์ลงชื่อในโฉนดเลขที่ 3371 มีส่วนเนื้อที่ 1 ไร่ โดยให้โจทก์เลือกเอาที่ทางส่วนไหนของที่ดินก็ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิเลือกชี้เอาได้โดยรวมกันแล้วต้องไม่เกิน1 ไร่ตามสัญญา แต่การเลือกชี้เอานั้นต้องกระทำอย่างสุจริต มิใช่เป็นการกลั่นแกล้งจำเลย ถ้าโจทก์เลือกชี้เอาอย่างไม่สุจริตใจแล้ว ศาลก็ย่อมไม่บังคับแบ่งให้ตามนั้น ข้อที่จำเลยไม่ยอมโดยหาว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตก็เพียงแต่จำเลยให้เหตุผลว่าที่ดินส่วนที่เหลือ จำเลยใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลยถือไม่ได้ว่าเป็นการที่โจทก์เลือกชี้เอาโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลือกที่ดินตามสัญญายอมความ การเลือกที่ดินต้องสุจริต ไม่กลั่นแกล้ง และต้องไม่ทำให้ที่ดินส่วนที่เหลือใช้ประโยชน์ไม่ได้
สัญญายอมในศาลมีความว่า จำเลยยอมให้โจทก์ลงชื่อในโฉนดเลขที่ 3371 มีส่วนเนื้อที่ 1 ไร่ โดยให้โจทก์เลือกเอาที่ทางส่วนไหนของที่ดินก็ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิเลือกชี้เอาได้โดยรวมกันแล้วต้องไม่เกิน1 ไร่ตามสัญญา แต่การเลือกชี้เอานั้นต้องกระทำอย่างสุจริต มิใช่เป็นการกลั่นแกล้งจำเลย ถ้าโจทก์เลือกชี้เอาอย่างไม่สุจริตใจแล้ว ศาลก็ย่อมไม่บังคับแบ่งให้ตามนั้น ข้อที่จำเลยไม่ยอมโดยหาว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตก็เพียงแต่จำเลยให้เหตุผลว่าที่ดินส่วนที่เหลือ จำเลยใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ถือไม่ได้ว่าเป็นการที่โจทก์เลือกชี้เอาโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่า: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอุทธรณ์ และเห็นว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์
ในคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาท ซึ่งเป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้นข้อที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ผิดนัดชำระค่าเช่า 2 คราวติดกัน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์มาแต่ชั้นศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ก็ต้องถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ชั้นอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
การบรรยายฟ้องให้เป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มุ่งประสงค์อย่างใดนั้นไม่จำต้องใช้ศัพท์ให้ตรงตามกฎหมายเสมอไป
ฟ้องของโจทก์เมื่ออ่านรวมกันมาตั้งแต่ต้น ย่อมบ่งให้เห็นว่าจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่า 2 คราวติด ๆ กันแล้ว
การบรรยายฟ้องให้เป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มุ่งประสงค์อย่างใดนั้นไม่จำต้องใช้ศัพท์ให้ตรงตามกฎหมายเสมอไป
ฟ้องของโจทก์เมื่ออ่านรวมกันมาตั้งแต่ต้น ย่อมบ่งให้เห็นว่าจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่า 2 คราวติด ๆ กันแล้ว