พบผลลัพธ์ทั้งหมด 342 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีขับไล่ผู้เช่า: ศาลฎีกายืนฟ้องสมบูรณ์ แม้ไม่ใช้ศัพท์กฎหมายตรงตามตัว เพราะเนื้อหาฟ้องบ่งชี้ชัดเจนถึงการผิดนัดชำระค่าเช่า
ในคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาทซึ่งเป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้นข้อที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ผิดนัดชำระค่าเช่า 2 คราวติดกัน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์มาแต่ชั้นศาลอุทธรณ์แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ก็ต้องถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ชั้นอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
การบรรยายฟ้องให้เป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มุ่งประสงค์อย่างใดนั้นไม่จำต้องใช้ศัพท์ให้ตรงตามกฎหมายเสมอไป
ฟ้องของโจทก์เมื่ออ่านรวมกันมาตั้งแต่ต้น ย่อมบ่งให้เห็นว่าจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่า 2 คราวติด ๆ กันแล้ว
การบรรยายฟ้องให้เป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มุ่งประสงค์อย่างใดนั้นไม่จำต้องใช้ศัพท์ให้ตรงตามกฎหมายเสมอไป
ฟ้องของโจทก์เมื่ออ่านรวมกันมาตั้งแต่ต้น ย่อมบ่งให้เห็นว่าจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่า 2 คราวติด ๆ กันแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องการโอนเช็คโดยเจตนาทุจริตและการสมคบคิดฉ้อฉล ผู้รับโอนมีอำนาจฟ้องหรือไม่
จำเลยให้การว่าออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อไปซื้อของให้จำเลย แล้วผู้นั้นพาเช็คหลบหนีไป ต่อมาโจทก์ได้รับเช็คดังกล่าวจากผู้พาเช็คหลบหนีไปโดยสมคบกันเพื่อมาเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย ด้วยเจตนาทุจริตและปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็ครายพิพาทจากผู้ที่พาเช็คหลบหนีไป โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยฉะนั้นจำเลยชอบที่จะนำพยานสืบปฏิเสธความรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ว่าผู้รับเช็คสมคบกันฉ้อฉล จำเลยมีสิทธิสืบพยานเพื่อปฏิเสธความรับผิด
จำเลยให้การว่าออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อไปซื้อของให้จำเลยแล้วผู้นั้นพาเช็คหลบหนีไป ต่อมาโจทก์ได้รับเช็คดังกล่าวจากผู้พาเช็คหลบหนีไปโดยสมคบกันเพื่อมาเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย ด้วยเจตนาทุจริตและปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็ครายพิพาทจากผู้ที่พาเช็คหลบหนีไป โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยฉะนั้นจำเลยชอบที่จะนำพยานสืบปฏิเสธความรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ตึกแถวหลังสัญญาเช่า: แม้บอกเลิกสัญญาเช่าและงดเก็บค่าเช่า แต่ตึกยังเป็นกรรมสิทธิ์เดิม เจ้าของต้องเสียภาษี
เจ้าของทำสัญญาให้ผูอื่นเช่าที่ดินเพื่อรื้อตึกแถวในที่ดินนั้นแล้วสร้างใหม่ ได้มอบที่ดินและตึกแถวให้แล้วซึ่งตามสัญญาไม่ใช่เป็นการมอบสิทธิ์ตึกแถวให้ตึกแถวนั้นมีเช่าอยู่อาศัยจากเจ้าของ เจ้าของจึงบอกเลิกการเช่าและงดเก็บค่าเช่า แต่ผู้ที่อยู่ในตึกแถวก็ยังไม่ออกไป แม้ดังนี้ก็ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่เจ้าของจะได้รับยกเว้นไม่เสียภาษีโรงเรือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ตึกแถวหลังบอกเลิกสัญญาเช่า: ไม่เข้าหลักยกเว้นภาษีโรงเรือน แม้ผู้เช่ายังไม่ยอมออก
เจ้าของทำสัญญาให้ผู้อื่นเช่าที่ดินเพื่อรื้อตึกแถวในที่ดินนั้นแล้วสร้างใหม่ ได้มอบที่ดินและตึกแถวให้แล้วซึ่งตามสัญญาไม่ใช่เป็นการมอบกรรมสิทธิ์ตึกแถวให้ ตึกแถวนั้นมีผู้เช่าอยู่อาศัยจากเจ้าของเจ้าของจึงบอกเลิกการเช่าและงดเก็บค่าเช่า แต่ผู้ที่อยู่ในตึกแถวก็ยังไม่ออกไป แม้ดังนี้ก็ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่เจ้าของจะได้รับยกเว้นไม่เสียภาษีโรงเรือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ชำระค่าเอกสารล่าช้า ศาลมีอำนาจกว้างขวางเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
เอกสารที่จำเลยอ้างเป็นพยานหลักฐานและส่งศาลไว้แล้ว แม้จำเลยผู้อ้างจะไม่ได้ชำระค่าอ้างเอกสารนั้นภายในเวลาที่ศาลกำหนดให้นำมาชำระ และมาแถลงขอชำระก่อนวันที่ศาลมีคำพิพากษา 1 วัน อ้างเหตุเพราะหลงลืม ดังนี้ เมื่อเอกสารที่อ้างส่งนั้นเป็นพยานหลักฐานที่มีความสำคัญแก่คดีของจำเลยผู้อ้าง และการที่ไม่ได้เสียค่าอ้างเอกสารตามกำหนด น่าเชื่อว่าเป็นเพราะความหลงลืม กรณีมีเหตุที่ศาลสมควรจะรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารล่าช้า: ศาลมีอำนาจรับฟังได้หากสมเหตุสมผล เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แม้ชำระค่าเอกสารไม่ตรงเวลา
เอกสารที่จำเลยอ้างเป็นพยานหลักฐานและส่งศาลไว้แล้ว แม้จำเลยผู้อ้างจะไม่ได้ชำระค่าอ้างเอกสารนั้นภายในเวลาที่ศาลกำหนดให้นำมาชำระ และมาแถลงขอชำระก่อนวันที่ศาลมีคำพิพากษา 1 วัน อ้างเหตุเพราะหลงลืม ดังนี้ เมื่อเอกสารที่อ้างส่งนั้นเป็นพยานหลักฐานที่มีความสำคัญแก่คดีของจำเลยผู้อ้าง และการที่ไม่ได้เสียค่าอ้างเอกสารตามกำหนด น่าเชื่อว่าเป็นเพราะความหลงลืม กรณีมีเหตุที่ศาลสมควรจะรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเว้นการจับกุมผู้กระทำผิดค้าประเวณี สร้างความเสียหายแก่ราชการตำรวจ
เจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปในสำนักค้าประเวณีขณะเปิดทำการค้าประเวณีอยู่ได้ประกาศตนเป็นตำรวจและจับหญิงโสเภณีไปจากสถานค้าประเวณีแล้วมอบหญิงดังกล่าวให้กับพวกของตนไปโดยมิได้นำมาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ย่อมเกิดความเสียหายแก่ราชการตำรวจ และถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเว้นการจับกุมผู้กระทำผิดค้าประเวณี – ความรับผิดของเจ้าพนักงานตำรวจ
เจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปในสำนักงานค้าประเวณีขณะเปิดทำการค้าประเวณีอยู่ ได้ประกาศตนเป็นตำรวจและจับหญิงโสเภณีไปจากสถานค้าประเวณี แล้วมอบหญิงดังกล่าวให้พวกของตนไป โดยมิได้นำมาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ย่อมเกิดความเสียหายแก่ราชการตำรวจ และถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การและการเพิกถอนกระบวนพิจารณา ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ
เหตุที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยคำพิพากษาหรือคำสั่งตามที่กล่าวไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 นั้น ศาลสูงจะหยิบยกขึ้นอ้างตามมาตรานี้ได้ จะต้องมีเหตุอันสมควร เช่นว่า ทำให้คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเสียหายในการต่อสู้คดีเป็นต้น
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้รับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ (มีคำฟ้องแย้งติดมาด้วย) โดยมิได้ให้โอกาสแก่โจทก์เป็นระยะเวลาตามที่มาตรา 181 กำหนดไว้นั้น ถ้าโจทก์ไม่พอใจก็ชอบที่จะคัดค้านไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 แต่กลับปรากฏว่าโจทก์ยื่นคำแก้คำให้การเพิ่มเติมและฟ้องแย้ง แสดงว่าโจทก์ไม่ติดใจแม้ในอุทธรณ์ของโจทก์ก็มิได้กล่าวถึงเรื่องนี้ รูปคดีไม่น่าจะเห็นว่าทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ไม่ควรหยิบยกเหตุนี้ขึ้นสั่งยกเลิกกระบวนพิจารณาบางส่วนของศาลชั้นต้น
คำฟ้องแย้งที่ติดมากับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การนั้นไม่ใช่คำร้องที่อยู่ในบังคับที่จะต้องส่งสำเนาให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าก่อนสั่งรับคำร้องนั้น
คำสั่งศาลที่ให้รับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้รับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ (มีคำฟ้องแย้งติดมาด้วย) โดยมิได้ให้โอกาสแก่โจทก์เป็นระยะเวลาตามที่มาตรา 181 กำหนดไว้นั้น ถ้าโจทก์ไม่พอใจก็ชอบที่จะคัดค้านไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 แต่กลับปรากฏว่าโจทก์ยื่นคำแก้คำให้การเพิ่มเติมและฟ้องแย้ง แสดงว่าโจทก์ไม่ติดใจแม้ในอุทธรณ์ของโจทก์ก็มิได้กล่าวถึงเรื่องนี้ รูปคดีไม่น่าจะเห็นว่าทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ไม่ควรหยิบยกเหตุนี้ขึ้นสั่งยกเลิกกระบวนพิจารณาบางส่วนของศาลชั้นต้น
คำฟ้องแย้งที่ติดมากับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การนั้นไม่ใช่คำร้องที่อยู่ในบังคับที่จะต้องส่งสำเนาให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าก่อนสั่งรับคำร้องนั้น
คำสั่งศาลที่ให้รับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา