คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวัสดิ์ ภู่งาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 342 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: ศาลต้องรับฟังพยานทั้งสองฝ่ายก่อนตัดสินว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการใส่ความทำหนังสือร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ แล้วส่งไปโฆษณาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ จำเลยให้การว่า จำเลยได้ร้องเรียนจริง โดยส่งคำร้องเรียนไปลงหนังสือพิมพ์ด้วยความสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับจำเลยตามคลองธรรมและเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน ข้อความที่ร้องเรียนเป็นความจริง ขอพิสูจน์ความจริง ดังนี้เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และเพื่อมิให้จำเลยต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 329 (1) และมาตรา 330 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เป็นคำให้การปฏิเสธ
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความผิด ศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์จำเลยเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานของโจทก์จำลยแล้ววินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดไปทีเดียว จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมวิ่งราวทรัพย์: การกระทำที่แสดงเจตนาในการช่วยเหลือและแบ่งหน้าที่กันทำ
จำเลยที่ 1 กระชากสร้อยคอผู้เสียหายได้แล้ววิ่งหนีไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่ 2 จอดติดเครื่องคอยอยู่ห่างที่เกิดเหตุ 10 วาเศษ แล้วจำเลยที่ 2 ขับรถนั้นหาจำเลยที่ 1 หนีไปในทันใด พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่กันทำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมวิ่งราวทรัพย์: การกระทำที่แสดงเจตนาในการร่วมกระทำผิด
จำเลยที่ 1 กระชากสร้อยคอผู้เสียหายได้แล้ววิ่งหนีไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่ 2 จอดติดเครื่องคอยอยู่ห่างที่เกิดเหตุ 10 วาเศษแล้วจำเลยที่ 2 ขับรถนั้นพาจำเลยที่ 1 หนีไปในทันใด พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการกระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่กันทำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนคดีเช็ค: ความผิดเกิดขึ้นที่ใด, สถานที่รับเช็ค, เหตุผลสมควรเชื่อของพนักงานสอบสวน
จำเลยถูกกล่าวหาในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าจำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้บริษัทผู้เสียหายในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง แต่เมื่อบริษัทผู้เสียหายร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรักโดยอ้างว่า จำเลยออกเช็คพิพาทให้บริษัทผู้เสียหายในท้องที่อำเภอบางรัก จังหวัดพระนคร และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรักเชื่อเช่นนั้น พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรักย่อมมีอำนาจสอบสวนความผิดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18 วรรค 2 และเมื่อสอบสวนแล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจสอบสวนคดีเช็ค: เหตุผลสมควรเชื่อว่าความผิดเกิดในพื้นที่
จำเลยถูกกล่าวหาในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คแม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่า จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้บริษัทผู้เสียหายในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลพระราชวังแต่เมื่อบริษัทผู้เสียหายร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรักโดยอ้างว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้บริษัทผู้เสียหายในท้องที่อำเภอบางรัก จังหวัดพระนคร และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรักเชื่อเช่นนั้นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรักย่อมมีอำนาจสอบสวนความผิดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18 วรรคสองและเมื่อสอบสวนแล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการลดโทษ: ลดมาตราส่วนโทษก่อนกำหนดโทษตามอายุและเหตุบรรเทาโทษ
การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 นั้น หมายความว่า ลดมาตราส่วนโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำ (ก่อนกำหนดโทษจำเลย) มิใช่กำหนดโทษจำเลยเสียก่อน แล้วจึงลดมาตราส่วนโทษลง ส่วนมาตรา 54 นั้น เป็นเรื่องการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษ (จากโทษที่ได้กำหนดแล้ว)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการลดโทษ: ลดมาตราส่วนก่อนกำหนดโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 76 และความแตกต่างจากมาตรา 54
การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 นั้นหมายความว่าลดมาตราส่วนโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำ (ก่อนกำหนดโทษจำเลย) มิใช่กำหนดโทษจำเลยเสียก่อนแล้วจึงลดมาตราส่วนโทษลง ส่วนมาตรา 54 นั้น เป็นเรื่องการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษ (จากโทษที่ได้กำหนดแล้ว)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดบุกรุกเพื่อพยายามลักทรัพย์: การกระทำเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท
ผู้เสียหายสวมสร้อยคอทองคำนอนหลับอยู่ในห้องกับเด็กหญิง ส. จำเลยมีเจตนาลักสร้อยคอของผู้เสียหาย จึงเข้าไปในห้องนั้น แต่ห้องมืดจำเลยมองไม่เห็น จึงใช้มือคลำที่คอเด็กหญิง ส. โดยคิดว่าเป็นคอของผู้เสียหาย เด็กหญิง ส. ตื่นขึ้น จำเลยจึงหนีไปเช่นนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายามลักสร้อยคอผู้เสียหายแล้ว แม้จำเลยจะยังมิได้แตะต้องสร้อยคอนั้นก็ตาม
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเพื่อเข้าไปลักทรัพย์แล้วได้กระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท คือผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 และมาตรา 335 วรรคสองประกอบมาตรา 80 ศาลต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 365 อันเป็นบทหนัก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดบุกรุกเพื่อพยายามลักทรัพย์: การพิจารณาบทหนักและกรรมเดียวผิดหลายบท
ผู้เสียหายสวมสร้อยคอทองคำนอนหลับอยู่ในห้องกับเด็กหญิง ส. จำเลยมีเจตนาลักสร้อยคอของผู้เสียหาย จึงเข้าไปในห้องนั้น แต่ห้องมืดจำเลยมองไม่เห็น จึงใช้มือคลำที่คอเด็กหญิง ส. โดยคิดว่าเป็นคอของผู้เสียหาย เด็กหญิง ส. ตื่นขึ้น จำเลยจึงหนีไป เช่นนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายามลักสร้อยคอผู้เสียหายแล้ว แม้จำเลยจะยังมิได้แตะต้องสร้อยคอนั้นก็ตาม
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเพื่อเข้าไปลักทรัพย์ แล้วได้กระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท คือผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 และมาตรา 335 วรรค 2 ประกอบมาตรา 80 ศาลต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 364 อันเป็นบทหนัก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการป้องกันตัว: การใช้มีดทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย
จำเลยกับ ห. พิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ในกระบือ 1 ตัว จึงตกลงกันให้ผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านดูแลรักษากระบือนั้นไว้ จนกว่าศาลจะชี้ขาดว่ากระบือเป็นของใคร ผู้ตายรับกระบือไว้แล้วมอบหมายให้ ห. ดูแลแทน ต่อมาจำเลยเอากระบือนั้นไป ผู้ตายและ ห. จึงไปติดตามเอาคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ เงื้อมีดหัวงอยาว 15 นิ้ว โต 2 นิ้วฟุต จะฟันผู้ตาย ผู้ตายเข้าแย่งมีดแต่แย่งไม่ได้ จำเลยใช้มีดฟันผู้ตาย 1 ที ถูกระหว่างไหปลาร้าซ้ายกับคอซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ เป็นบาดแผลยาว 15 เซนติเมตร กว้าง 3 เซนติเมตร ลึก 2 เซนติเมตร เส้นโลหิตใหญ่ขาด ต่อมาไม่นาน ผู้ตายก็ถึงแก่ความตาย เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย และการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตัว
of 35