คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวัสดิ์ ภู่งาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 342 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย แม้ไม่มีอาวุธ ศาลลงโทษตามฟ้องได้ หากโจทก์พิสูจน์การกระทำใช้กำลังได้
จ. ผู้เฝ้าบ้านของ น. กำลังถากหญ้าอยู่หน้าบ้านได้ยินเสียงแกรกในบ้าน จึงเดินไปเปิดประตู แต่เปิดไม่ออกขณะเรียกบุตรของ น. อยู่ จำเลยที่ 1 เข้ามาจับมือ จ.และบอกให้เข้าไปในบ้าน และไม่ให้ส่งเสียงดัง ซึ่งขณะนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 กำลังลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์อยู่ การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย จ. ถือได้ว่าจำเลยร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย มีความผิดฐานปล้นทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธและร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้าย จ. ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธหรือขู่เข็ญจะทำร้าย จ. กลับได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย จ. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสารสำคัญทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ด้วย ศาลลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินค่าสมัครอบรม: จำเลยไม่มีหน้าที่เก็บรักษาเงินตามระเบียบ จึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ธรรมดา ไม่ใช่เจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์
จำเลยเป็นเสมียนประจำแผนกศึกษาธิการอำเภอ มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับจ่ายเงินได้ยักยอกเงินค่าสมัครอบรมสอบวิชาชุดครูซึ่งแผนกศึกษาธิการอำเภอเรียกเก็บจากผู้สมัคร แต่หน้าที่รับสมัครและรับเงินดังกล่าวนี้ผู้ช่วยศึกษาธิการมีคำสั่งให้ ป. ครูช่วยราชการแผนกศึกษาธิการอำเภอเป็นผู้ทำ ป. ไปราชการณ.ครูช่วยราชการได้รับสมัครและรับเงินค่าสมัครไว้แทน ป. แล้วได้มอบเงินให้จำเลยเก็บรักษาไว้ การที่จำเลยรับเงินมาเก็บรักษาไว้นี้จึงมิใช่จัดการเก็บรักษาไว้ตามหน้าที่ราชการของจำเลย เมื่อจำเลยยักยอกไป จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เท่านั้น ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิดฐานยักยอกทรัพย์: เจ้าหน้าที่รับเงินนอกหน้าที่ราชการ
จำเลยเป็นเสมียนประจำแผนกศึกษาธิการอำเภอ มีหน้าที่เกี่ยวกับ การรับจ่ายเงินได้ยักยอกเงินค่าสมัครอบรมสอบวิชาชุดครูซึ่งแผนกศึกษาธิการอำเภอเรียกเก็บจากผู้สมัคร แต่หน้าที่รับสมัครและรับเงินดังกล่าวนี้ผู้ช่วยศึกษาธิการมีคำสั่งให้ ป. ครูช่วยราชการแผนกศึกษาธิการอำเภอเป็นผู้ทำ ป. ไปราชการ ณ.ครูช่วยราชการได้รับสมัครและรับเงินค่าสมัครไว้แทน ป. แล้วได้มอบเงินให้จำเลยเก็บรักษาไว้ การที่จำเลยรับเงินมาเก็บรักษาไว้นี้จึงมิใช่จัดการเก็บรักษาไว้ตามหน้าที่ราชการของจำเลยเมื่อจำเลยยักยอกไป จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 เท่านั้น ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องขับไล่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ หากมีการบอกเลิกสัญญาเช่าเพิ่มเติมจากข้อเท็จจริงเดิม
คดีก่อน ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่ามีการเช่าจริงแต่โจทก์ยังมิได้บอกเลิกการเช่า จึงฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้ ดังนี้เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยใหม่ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่ที่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้มีข้อพิพาทเดิม หากมีการบอกเลิกสัญญาเช่าใหม่และมีเหตุต่างกัน
คดีก่อน ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่ามีการเช่าจริงแต่โจทก์ยังมิได้บอกเลิกการเช่า จึงฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้ ดังนี้ เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้วโจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยใหม่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้ แม้จะแสดงเจตนาฝ่ายเดียวก็ได้ หากสิทธิเรียกร้องยังไม่ขาดอายุความ
การหักกลบลบหนี้นั้น แม้จำเลยจะแสดงเจตนาไปฝ่ายเดียวก็เป็นอันหักกลบลบหนี้กันได้
จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ กำหนดชำระภายในวันที่ 1 เมษายน 2497และโจทก์เป็นหนี้ค่าจ้างว่าความจำเลยอยู่สองคดี คดีแรกคดีถึงที่สุดใน พ.ศ.2501 คดีที่สองคดีถึงที่สุดใน พ.ศ.2504 ดังนี้ จำเลยย่อมอยู่ในฐานะที่อาจหักกลบลบหนี้ได้แม้จำเลยจะได้แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ไปยังโจทก์เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2505 ซึ่งสิทธิเรียกร้องชำระหนี้ค่าจ้างว่าความของจำเลยขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่สิทธิในการหักกลบลบหนี้ของจำเลยย่อมมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 344 และการแสดงเจตนาของจำเลยดังกล่าวก็มีผลย้อนหลังขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นจะอาจหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 342 วรรค 2กล่าวคือ หนี้ค่าจ้างว่าความคดีแรกย้อนไปถึง พ.ศ.2501 หนี้ค่าจ้างว่าความคดีที่สอง ย้อนไปถึง พ.ศ.2504 ซึ่งสิทธิเรียกร้องของจำเลยยังไม่ขาด จึงหักกลบลบกันกับหนี้เงินกู้ของโจทก์หมดสิ้นแล้วไม่มีหนี้ที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้ แม้แสดงเจตนาฝ่ายเดียวก็ได้ หากสิทธิเรียกร้องยังไม่ขาดอายุความ สิทธิมีผลย้อนหลังได้
การหักกลบลบหนี้นั้น แม้จำเลยจะแสดงเจตนาไปฝ่ายเดียวก็เป็นอันหักกลบลบหนี้กันได้
จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ กำหนดชำระภายในวันที่ 1 เมษายน 2497 และโจทก์เป็นหนี้ค่าจ้างว่าความจำเลยอยู่สองคดี คดีแรกคดีถึงที่สุดใน พ.ศ.2501 คดีที่สองคดีถึงที่สุดใน พ.ศ.2504 ดังนี้ จำเลยย่อมอยู่ในฐานะที่อาจหักกลบลบหนี้ได้แม้จำเลยจะได้แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ไปยังโจทก์เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2505 ซึ่งสิทธิเรียกร้องชำระหนี้ค่าจ้างว่าความของจำเลยขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่สิทธิในการหักกลบลบหนี้ของจำเลยย่อมมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344 และการแสดงเจตนาของจำเลยดังกล่าวก็มีผลย้อนหลังขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นจะอาจหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 342 วรรค 2 กล่าวคือ หนี้ค่าจ้างว่าความคดีแรกย้อนไปถึง พ.ศ.2501 หนี้ค่าจ้างว่าความคดีที่สอง ย้อนไปถึง พ.ศ.2504 ซึ่งสิทธิเรียกร้องของจำเลยยังไม่ขาด จึงหักกลบลบกันกับหนี้เงินกู้ของโจทก์หมดสิ้นแล้ว ไม่มีหนี้ที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทรัพย์สินโดยไม่สุจริตและผลกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สิน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ซื้อสินค้าพิพาทโดยสุจริต แต่ไม่ได้ซื้อจากท้องตลาดหรือพ่อค้าที่ขายของชนิดนั้น จึงไม่ได้รับความคุ้มครองพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ เมื่อศาลพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์จำเลยจึงไม่จำเป็นต้องอุทธรณ์ว่า โจทก์ซื้อสินค้ามาโดยสุจริตหรือไม่เพราะจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีอยู่แล้ว แต่เมื่อโจทก์อุทธรณ์ในประเด็นข้ออื่นจำเลยก็ได้กล่าวคำแก้อุทธรณ์ถึงประเด็นข้อนี้ด้วยว่า โจทก์ซื้อสินค้าพิพาทมาโดยไม่สุจริต คดีจึงมีประเด็นตามคำแก้อุทธรณ์ของจำเลย ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยได้ ประเด็นข้อนี้หาได้ยุติไปแล้วไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทรัพย์สินที่ได้มาจากการฉ้อโกง: สิทธิในการติดตามเอาทรัพย์คืน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ซื้อสินค้าพิพาทโดยสุจริต แต่ไม่ได้ซื้อจากท้องตลาดหรือพ่อค้าที่ขายของชนิดนั้น จึงไม่ได้รับความคุ้มครอง พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ เมื่อศาลพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ จำเลยจึงไม่จำเป็นต้องอุทธรณ์ว่า โจทก์ซื้อสินค้ามาโดยสุจริตหรือไม่ เพราะจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีอยู่แล้ว แต่เมื่อโจทก์อุทธรณ์ในประเด็นข้ออื่นจำเลยก็ได้กล่าวคำแก้อุทธรณ์ถึงประเด็นข้อนี้ด้วยว่า โจทก์ซื้อสินค้าพิพาทมาโดยไม่สุจริต คดีจึงมีประเด็นตามคำแก้อุทธรณ์ของจำเลย ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยได้ ประเด็นข้อนี้หาได้ยุติไปแล้วไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของที่ดินเหนือคำสั่งศาล: บุคคลภายนอกคดีพิสูจน์สิทธิเหนือกว่าคำสั่งเดิมได้
จำเลยเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในที่ดินโฉนดของโจทก์ จนศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทในคดีดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีดังกล่าว พิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย ที่พิพาทจึงยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ คำสั่งของศาลดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยจึงนำคำสั่งดังกล่าวมาอ้างใช้ยันโจทก์ไม่ได้ และเมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยออกจากที่พิพาทแล้ว จำเลยไม่ยอมออกไป จึงถือได้ว่าจำเลยอยู่โดยละเมิด
โจทก์สืบเรื่องค่าเสียหายแล้ว แต่ศาลเห็นว่าโจทก์ไม่ควรได้รับค่าเสียหายถึงขนาดนั้น ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์
of 35