คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 358

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 267 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดินของผู้อื่นโดยเจตนา และความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาและไม่ปรับบทลงโทษซ้ำซ้อน
จำเลยทราบดีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วมทั้งสองซึ่งครอบครองอยู่ก่อนโดยมี น.ส.3 เป็นหลักฐานเมื่อโจทก์ร่วมนำที่พิพาทไปจำนอง จำเลยก็รู้เห็นในการจำนองด้วย การที่จำเลยเข้าไปบุกรุกแผ้วถางที่พิพาท จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยเข้าใจผิดหรือขาดเจตนาแต่อย่างใด จำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เมื่อจำเลยผิดตามมาตรา 359 แล้วก็ไม่จำต้องยก มาตรา 358 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก
(อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2560/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายพืชผลทางการเกษตรและการพยายามทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาพิจารณาความเสียหายต่อพืชผลและเจตนาของผู้กระทำ
ต้นมะพร้าวของผู้เสียหายที่ถูกจำเลยฟันปลูกอยู่ในสวนตามแนวเขตที่ดินของผู้เสียหายรวมกับต้นมะพร้าวอื่นเป็นแนวเดียวกัน เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาชีพอะไรและสวนดังกล่าวของผู้เสียหายเป็นสวนมะพร้าวโดยเฉพาะหรือสวนไม้เบญจพรรณ จึงฟังไม่ได้ว่าต้นมะพร้าวที่ถูกฟันนั้นเป็นพืชที่ปลูกในการกสิกรรมของผู้เสียหาย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 701/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องที่ไม่บรรยายองค์ประกอบความผิดครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ทำให้ฟ้องไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148โดยไม่ปรากฏรายละเอียดว่าให้ทรัพย์สินอะไรแก่ใครซึ่งเป็นสาระสำคัญของฟ้องที่จะต้องกล่าวถึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157โดยไม่มีข้อความว่าเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดตามมาตรานี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยมีหน้าที่ทำเอกสารดูแลรักษาเอกสารรับเอกสารหรือมีหน้าที่กรอกข้อความลงในเอกสารซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161,162 จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา278,284 โดยไม่มีรายละเอียดว่ามีการขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือใช้อุบายหลอกลวงใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา340 โดยไม่ได้บรรยายว่าการใช้กำลังประทุษร้ายของจำเลยดังกล่าวจำเลยกระทำอย่างใดเพื่อที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาและไม่ปรากฏว่า การใช้กำลังประทุษร้ายนั้นเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ หรือพาเอาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 339อันเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความไม่สมบูรณ์ของฟ้องอาญา: องค์ประกอบความผิดที่ขาดหายและรายละเอียดที่ไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 โดยไม่ปรากฏรายละเอียดว่าให้ทรัพย์สินอะไร แก่ใคร ซึ่งเป็นสาระสำคัญของฟ้องที่จะต้องกล่าวถึง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยไม่มีข้อความว่า เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดตามมาตรานี้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยมีหน้าที่ทำเอกสารดูแลรักษาเอกสาร รับเอกสาร หรือมีหน้าที่กรอกข้อความลงในเอกสาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 162 จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 (5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา278, 284 โดยไม่มีรายละเอียดว่ามีการขู่เข็ญ หรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือใช้อุบายหลอกลวง ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา340 โดยไม่ได้บรรยายว่าการใช้กำลังประทุษร้ายของจำเลยดังกล่าว จำเลยกระทำอย่างใดเพื่อที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาและไม่ปรากฏว่าการใช้กำลังประทุษร้ายนั้นเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาเอาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 339 อันเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์จากการไถนาพิพาท แม้มีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์
โจทก์จำเลยต่างโต้เถียงกรรมสิทธิ์นาพิพาทกันอยู่ เมื่อโจทก์ปลูกต้นข้าวในนาพิพาท จำเลยเสียหายอย่างไรชอบที่จะฟ้องร้องว่ากล่าวกัน การที่จำเลยกลับเข้าไถนาพิพาทเป็นเหตุให้ข้าวที่โจทก์ปลูกไว้ก่อนเสียหาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3574/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำให้เสียทรัพย์: การตัดต้นตาลบนคันนาที่เข้าใจว่าเป็นพื้นที่ของตนเอง ไม่เป็นความผิดอาญา
ที่ดินของผู้เสียหายเป็นที่สวน อยู่ติดกับที่นาของภริยาจำเลย การที่จำเลยตัดต้นตาล บนคันนา ซึ่งจำเลยเข้าใจว่างอกขึ้นเองในที่นาของภริยาจำเลย จึงขาดเจตนาที่จะทำให้ทรัพย์ของผู้เสียหายเสียหาย ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินและการขัดขวางการก่อสร้าง: การกระทำไม่ถือเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทการที่จำเลยรื้อผังไม้สำหรับการปลูกสร้างโรงเรียนซึ่งผู้เสียหายได้ทำไว้ในที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปกองไว้ย่อมเห็นเจตนาได้ว่าเพื่อระงับยับยั้งมิให้ก่อสร้างอาคารโรงเรียนในที่ดินของจำเลย เป็นการใช้สิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็มีเหตุสมควรที่จำเลยจะปฏิบัติเช่นนั้นได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 89/2519)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำให้เสียทรัพย์: การขุดดินเพื่อปลูกกล้วยไม่ถือเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์หากไม่มีเจตนาทำลายทรัพย์
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ผู้กระทำจะต้องมีเจตนากระทำให้เสียหายทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น จึงจะเป็นความผิด
การที่จำเลยเช่าที่นาของผู้เสียหายเพื่อทำนามานานประมาณ 20 ปี ต่อมากล้วยมีราคาดี จำเลยจึงจ้างคนขุดที่นาบางส่วนเพื่อปลูกกล้วยมิได้มีเจตนากระทำให้ทรัพย์ของผู้เสียหาย เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือไร้ประโยชน์ จึงไม่ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำให้เสียทรัพย์: การขุดดินเพื่อปลูกกล้วยไม่ถือเป็นความผิด
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ผู้กระทำจะต้องมีเจตนากระทำให้เสียหายทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น จึงจะเป็นความผิด
การที่จำเลยเช่าที่นาของผู้เสียหายเพื่อทำนามานานประมาณ 20 ปี ต่อมากล้วยมีราคาดี จำเลยจึงจ้างคนขุดที่นาบางส่วนเพื่อปลูกกล้วยมิได้มีเจตนากระทำให้ทรัพย์ของผู้เสียหาย เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือไร้ประโยชน์ จึงไม่ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาจ้างเหมา: การรื้อถอนงานที่ยังไม่ส่งมอบไม่ใช่ความผิดทำให้เสียทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้จ้างโจทก์สร้างถนนและลานจอดรถยนต์ในบริเวณโรงแรมแล้วจำเลยได้หลอกลวง บ. ซึ่งมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างว่าโจทก์ละทิ้งงาน และสั่งให้ บ. รื้อถนนและลานจอดรถยนต์ที่โจทก์สร้างและครอบครองดูแลออกจนหมดทำให้ถนนและลานจอดรถเสียหายใช้การไม่ได้ ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องโต้แย้งกันว่าฝ่ายใดผิดสัญญาจ้าง หาใช่เป็นคำฟ้องในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ไม่
of 27