คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 358

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 267 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองโดยละเมิดและการมีสิทธิในทรัพย์สิน: การบุกรุกและการทำให้เสียทรัพย์เมื่อผู้ครอบครองไม่มีสิทธิ
ห้องพิพาทและที่ดินเป็นของจำเลยที่ 1 สามีโจทก์ที่1 เป็นแต่เพียงผู้เช่าโดยมีโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยาและบุตรเป็นบริวาร จำเลยที่ 1 เคยฟ้องขับไล่โจทก์ที่ 1 และสามีออกจากห้องพิพาท ทนายของสามีโจทก์ที่ 1 แถลงต่อศาลว่าผู้เช่ารับว่าจะไม่ไปเกี่ยวข้องกับห้องพิพาทอีกต่อไป ดังนี้ โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบริวารจึงไม่มีสิทธิอันใดในห้องพิพาท การที่โจทก์ทั้งสองเข้าอยู่ในห้องต่อไปจึงเป็นการเข้าอยู่โดยละเมิด ไม่มีสิทธิครอบครอง และไม่มีการครอบครองตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ฉะนั้น ความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ต่อห้องพิพาทจึงไม่อาจเกิดแก่จำเลยซึ่งบุกรุกเข้าไปรื้อห้องพิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า 'ปศุสัตว์' ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ สุกรเข้าข่ายหรือไม่
คำว่า "ปศุสัตว์"' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359 (2)ย่อมหมายถึงสัตว์สี่เท้าที่เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร จำเลยใช้มีดฟันขาสุกรผู้เสียหายเป็นแผลเกือบขาด ย่อมมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่เป็นปศุสัตว์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 359 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิยาม 'ปศุสัตว์' ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์: สุกรเข้าข่ายหรือไม่
คำว่า "ปศุสัตว์"' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(2)ย่อมหมายถึงสัตว์สี่เท้าที่เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร จำเลยใช้มีดฟันขาสุกรผู้เสียหายเป็นแผลเกือบขาด ย่อมมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่เป็นปศุสัตว์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามในคดีบุกรุกและทำลายทรัพย์สิน ศาลต้องยึดถือข้อเท็จจริงจากคดีอาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ และทำให้พืชผลของโจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษ และให้จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินและใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองปลูกพืชผลในที่พิพาทตลอดมา การกระทำของจำเลยไม่เป็นการบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าต้องฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์และทำให้พืชผลของโจทก์เสียหาย ดังนี้เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 สำหรับคดีส่วนแพ่ง แม้ที่พิพาทมีราคา 20,000 บาทไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แต่ศาลฎีกาก็ต้องถือข้อเท็จจริงตามคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46ว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองที่พิพาท การกระทำของจำเลยไม่เป็นการบุกรุกหรือทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในข้อเท็จจริง และผลผูกพันของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ และทำให้พืชผลของโจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษ และให้จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินและใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองปลูกพืชผลในที่พิพาทตลอดมา การกระทำของจำเลยไม่เป็นการบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าต้องฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์และทำให้พืชผลของโจทก์เสียหาย ดังนี้ เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 สำหรับคดีส่วนแพ่ง แม้ที่พิพาทมีราคา 20,000 บาท ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แต่ศาลฎีกาก็ต้องถือข้อเท็จจริงตามคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46ว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองที่พิพาท การกระทำของจำเลยไม่เป็นการบุกรุกหรือทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้ครอบครองทรัพย์สิน: แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ก็มีสิทธิฟ้องได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์โดยบรรยายฟ้องว่า ทรัพย์ที่ฟ้องทั้งหมดอยู่ในความครอบครองดูแลรับผิดชอบของโจทก์แม้โจทก์จะรับว่าทรัพย์ที่ฟ้องเป็นทรัพย์มรดกของพี่ชายโจทก์ซึ่งมีบุตรและบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ โจทก์เข้าครอบครองดูแลรักษาทรัพย์ดังกล่าวไว้โดยอาศัยสิทธิที่โจทก์เป็นน้องชายเจ้ามรดกก็ตาม โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายในฐานะเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาทรัพย์เหล่านั้น และมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีบุกรุก-ลักทรัพย์: ผู้ครอบครองดูแลทรัพย์มรดกมีสิทธิฟ้องได้ แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์โดยบรรยายฟ้องว่า ทรัพย์ที่ฟ้องทั้งหมดอยู่ในความครอบครองดูแลรับผิดชอบของโจทก์แม้โจทก์จะรับว่าทรัพย์ที่ฟ้องเป็นทรัพย์มรดกของพี่ชายโจทก์ซึ่งมีบุตรและบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ โจทก์เข้าครอบครองดูแลรักษาทรัพย์ดังกล่าวไว้โดยอาศัยสิทธิที่โจทก์เป็นน้องชายเจ้ามรดกก็ตาม โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายในฐานะเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาทรัพย์เหล่านั้น และมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการรื้อรั้วรุกล้ำทางเดิน – การกระทำไม่ถึงขั้นเป็นความผิดอาญา
เสารั้วของโรงเรียนปักอยู่บนคันคลองของกรมชลประทานล้ำทางเดินเกือบกึ่งทาง จำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นครูและภารโรงของโรงเรียนร่วมกับนักเรียนจัดทำรั้วนั้นขึ้น ย่อมมีสิทธิจะถอนเสารั้วออกทำใหม่ได้ เพราะทางโรงเรียนไม่มีสิทธิจะทำรั้วรุกล้ำทางเดินซึ่งไม่ใช่ที่ดินของโรงเรียน แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 จะรื้อถอนทำในเวลากลางคืนโดยไม่สมควรอยู่บ้าง ก็ไม่ถึงกับเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ศาลชั้นต้นพิจารณาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องจึงพิพากษาลงโทษ จำเลยที่ 1 ผู้เดียวอุทธรณ์และฎีกา ศาลฎีกาฟังว่าการกระทำของจำเลยไม่ถึงกับเป็นความผิดตามฟ้อง และเป็นเหตุในลักษณะคดี ชอบที่จะพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการรื้อถอนรั้วรุกล้ำทางเดินสาธารณะ แม้ทำในเวลากลางคืน ไม่ถึงขั้นเป็นความผิดทำลายทรัพย์สิน
เสารั้วของโรงเรียนปักอยู่บนคันคลองของกรมชลประทานล้ำทางเดินเกือบกึ่งทาง จำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นครูและภารโรงของโรงเรียนร่วมกับนักเรียนจัดทำรั้วนั้นขึ้น ย่อมมีสิทธิจะถอนเสารั้วออกทำใหม่ได้ เพราะทางโรงเรียนไม่มีสิทธิจะทำรั้วรุกล้ำทางเดินซึ่งไม่ใช่ที่ดินของโรงเรียน แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 จะรื้อถอนทำในเวลากลางคืนโดยไม่สมควรอยู่บ้าง ก็ไม่ถึงกับเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ศาลชั้นต้นพิจารณาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องจึงพิพากษาลงโทษ จำเลยที่ 1 ผู้เดียวอุทธรณ์และฎีกา ศาลฎีกาฟังว่าการกระทำของจำเลยไม่ถึงกับเป็นความผิดตามฟ้อง และเป็นเหตุในลักษณะคดี ชอบที่จะพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อรั้วรุกล้ำทางสาธารณะ: การกระทำไม่ถึงความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
เสารั้วของโรงเรียนปักอยู่บนคันคลองของกรมชลประทานล้ำทางเดินเกือบกึ่งทาง. จำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นครูและภารโรงของโรงเรียนร่วมกับนักเรียนจัดทำรั้วนั้นขึ้น.ย่อมมีสิทธิจะถอนเสารั้วออกทำใหม่ได้. เพราะทางโรงเรียนไม่มีสิทธิจะทำรั้วรุกล้ำทางเดินซึ่งไม่ใช่ที่ดินของโรงเรียน. แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 จะรื้อถอนทำในเวลากลางคืนโดยไม่สมควรอยู่บ้าง. ก็ไม่ถึงกับเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์.
ศาลชั้นต้นพิจารณาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องจึงพิพากษาลงโทษ. จำเลยที่ 1 ผู้เดียวอุทธรณ์และฎีกา. ศาลฎีกาฟังว่าการกระทำของจำเลยไม่ถึงกับเป็นความผิดตามฟ้อง. และเป็นเหตุในลักษณะคดี. ชอบที่จะพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย. พิพากษากลับให้ยกฟ้อง.
of 27