พบผลลัพธ์ทั้งหมด 267 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232-1233/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการครอบครองที่ดิน: ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกับคดีอาญา แม้มีการฟ้องร้องทั้งแพ่งและอาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้นเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญา เมื่อคดีส่วนอาญาศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจท์ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งศาลต้องฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232-1233/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมพิจารณาคดีแพ่งและอาญา การฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกันในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้นเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญา เมื่อคดีส่วนอาญาศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่ง ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งรื้อถอนอาคารของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและการไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของอาคารรื้อถอนอาคารที่นายช่างตรวจพบว่าไม่มั่นคงแข็งแรงหรือไม่ปลอดภัยได้ หากเจ้าของอาคารไม่ปฏิบัติตามหรือไม่อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์เกี่ยวแก่การก่อสร้างอาคารภายใน 15 วัน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็มีอำนาจรื้อถอนอาคารนั้นได้ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479 มาตรา11 ทวิ วรรคสาม การที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรื้อถอนอาคารจึงเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ ไม่มีมูลเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358นั้น หมายถึงการกระทำแก่ตัวทรัพย์ให้เสียหายฯ เช่นรื้อถอนตึกแถวลง ย่อมเป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ ทำให้ตึกแถวถูกทำลายเสียหาย แต่เมื่อรื้อแล้ว ไม่นำวัตถุก่อสร้างไปมอบเจ้าของจนวัตถุก่อสร้างสูญหายไปนั้นหาใช่เป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ไม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358นั้น หมายถึงการกระทำแก่ตัวทรัพย์ให้เสียหายฯ เช่นรื้อถอนตึกแถวลง ย่อมเป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ ทำให้ตึกแถวถูกทำลายเสียหาย แต่เมื่อรื้อแล้ว ไม่นำวัตถุก่อสร้างไปมอบเจ้าของจนวัตถุก่อสร้างสูญหายไปนั้นหาใช่เป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ไม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสั่งรื้อถอนอาคารไม่มั่นคงแข็งแรง และความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของอาคารรื้อถอนอาคารที่นายช่างตรวจพบว่าไม่มั่นคงแข็งแรงหรือไม่ปลอดภัยได้ หากเจ้าของอาคารไม่ปฏิบัติตามหรือไม่อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์เกี่ยวแก่การก่อสร้างอาคารภายใน 15 วัน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็มีอำนาจรื้อถอนอาคารนั้นได้ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2478 มาตรา 11 ทวิ วรรค 3 การที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรื้อถอนอาคาร จึงเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ ไม่มีมูลเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 นั้น หมายถึงการกระทำแก่ตัวทรัพย์ให้เสียหายฯ เช่น รื้อถอนตึกแถวลง ย่อมเป็นการการกระทำแก่ตัวทรัพย์ ทำให้ตึกแถวถูกทำลายเสียหาย แต่เมื่อรื้อแล้ว ไม่นำวัตถุก่อสร้างไปมอบเจ้าของจนวัตก่อสร้างสูญหายไปนั้น หาใช่เป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ไม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 นั้น หมายถึงการกระทำแก่ตัวทรัพย์ให้เสียหายฯ เช่น รื้อถอนตึกแถวลง ย่อมเป็นการการกระทำแก่ตัวทรัพย์ ทำให้ตึกแถวถูกทำลายเสียหาย แต่เมื่อรื้อแล้ว ไม่นำวัตถุก่อสร้างไปมอบเจ้าของจนวัตก่อสร้างสูญหายไปนั้น หาใช่เป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ไม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำให้เสียทรัพย์สำคัญกว่าการกระทำ: ถอนเสารั้วเพื่อใช้ทางเดิม ไม่ถือเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา358 นั้น ผู้กระทำจะต้องมีเจตนากระทำเพื่อให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย จึงจะเป็นผิด
เพราะฉะนั้น การที่จำเลยเพียงแต่ถอนเสารั้วของโจทก์แล้วเอาไปกองไว้ เพื่อใช้ทางเดินตามที่เคยใช้เท่านั้น มิได้มีเจตนากระทำเพื่อให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายอย่างใด จึงยังไม่ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2507)
หมายเหตุ เคยมีฎีกาที่ 1111/2504 ว่าไม่จำเป็นต้องทำโดยแกล้งหรือทำให้เสียหายถึงขนาด ก็ผิด
เพราะฉะนั้น การที่จำเลยเพียงแต่ถอนเสารั้วของโจทก์แล้วเอาไปกองไว้ เพื่อใช้ทางเดินตามที่เคยใช้เท่านั้น มิได้มีเจตนากระทำเพื่อให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายอย่างใด จึงยังไม่ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2507)
หมายเหตุ เคยมีฎีกาที่ 1111/2504 ว่าไม่จำเป็นต้องทำโดยแกล้งหรือทำให้เสียหายถึงขนาด ก็ผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำให้เสียทรัพย์และการยกฟ้องในคดีอาญา แม้จำเลยไม่อุทธรณ์
คดีอาญาซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลย โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุก โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุกที่ดิน: ศาลอาญาต้องฟังตามข้อเท็จจริงที่ศาลล่างวินิจฉัย และประเด็นสิทธิที่ดินเป็นเรื่องแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ซึ่งมีราคา 6หมื่นกว่าบาท และทำลายทรัพย์สินในที่ดินนั้น ขอให้ลงโทษและขับไล่จำเลยจำเลยปฏิเสธว่ามิได้บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ กับต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 363 และ 358ปรับ 550 บาท และให้ขับไล่จำเลยกับให้ใช้ค่าเสียหายศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะว่าให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 363 แต่บทเดียวปรับ 500 บาท นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ ข้อที่จำเลยฎีกาต่อมาว่า จำเลยโต้แย้งสิทธิที่ดินที่พิพาทในทางแพ่งมาตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องไม่เป็นการบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญาเพราะขาดเจตนานั้น ย่อมเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลล่างฟังมาแล้วว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาในทางแพ่งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย แม้จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแต่ประเด็นนี้ ในคดีส่วนอาญา ศาลล่างก็ฟังเป็นยุติแล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นเช่นนั้นด้วย ไม่มีทางฟังเป็นอย่างอื่นไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดิน: ศาลฎีกาเน้นยึดข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังเป็นยุติในคดีอาญา แม้จำเลยโต้แย้งสิทธิในที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ ซึ่งมีราคา 6 หมืนกว่าบาท และทำลายทรัพย์สินในที่ดินนั้น ขอให้ลงโทษและขับไล่จำเลย จำเลยปฏิเสธว่ามิได้บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์กับต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 363 และ358 ปรับ 550 บาท และให้ขับไล่จำเลยกับให้ใช้ค่าเสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะว่าให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 363 แต่บทเดียวปรับ 500 บาท นอกจากที่แก้นี้คงยืนตามคำพิพากษาศษลชั้นต้น ดังนี้ ่ข้อที่จำเลยฎีกาต่อมาว่า จำเลยโต้แย้งสิทธิที่ดินพิพาทในทางแพ่งมาตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้อง ไม่เป็นการบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญาเพราะขาดเจตนานั้น ย่อมเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลล่างฟังมาแล้วว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุก จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาในทางแพ่งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย แม้จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่ประเด็นนี้ ในคดีส่วนอาญา ศาลล่างก็ฟังเป็นยุติแล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นเช่นนั้นด้วย ไม่มีทางฟังเป็นอย่างอื่นไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1763/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดิน, การขุดดินโดยไม่บอกกล่าว, และเจตนาในการรบกวนการครอบครอง
(1) ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์นั้น มิใช่ความผิดต่อเนื่องอายุความจึงต้องเริ่มนับแต่วันกระทำผิด (2) ความผิดที่ยอมความกันได้ (ความผิดต่อส่วนตัว) แม้จะอยู่ในบังคับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 ก็ดี แต่มาตรา 96 ได้บัญญัติอายุความให้สั้นกว่าอายุความในความผิดสามัญทั่วไป (3) ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1351 ไม่ได้หมายความว่าขุดที่ดินของเขาให้เสียหายได้ อนึ่ง แม้กฎหมายจะให้อำนาจไว้ตามมาตรา 1351 นี้ก็ดี แต่อำนาจนี้จะมีขึ้นก็ต่อเมื่อบอกกล่าวล่วงหน้าตามสมควร (4) การไม่ได้บอกกล่าวและเข้าไปขุดดิน ตอกเสา ฯลฯในที่ดินของผู้อื่นโดยพลการ เป็นการกระทำโดยเจตนาแล้ว แม้จะต้องการแต่ประโยชน์ไม่คำนึงว่าใครจะเสียหาย ถ้าการนั้นเป็นการรบกวนการครอบครอง ก็ผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 362 ไม่ต้องมีเจตนาพิเศษอย่างใดอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลพลเรือนพิจารณาคดีลักทรัพย์เมื่อฟ้องรวมกับคดีบุกรุกทำลายทรัพย์สิน
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ในวันตามฟ้องต่อเนื่องกันนั้น.เป็นคดีที่เกี่ยวพันกันตามความในมาตรา 14(2) แห่งพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 ฉะนั้น เมื่อมีการฟ้องคดีในข้อหาฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ต่อศาลพลเรือนแล้ว ศาลพลเรือนย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในข้อหาฐานลักทรัพย์ที่ฟ้องรวมกันมาด้วย